“เชิ่งหู่ แกยังจำเสี่ยวชุ่ยได้รึเปล่า? ผู้หญิงที่ฉันชอบที่สุด!”
“แกบอกว่าแกดีกับฉัน แต่แกกลับนอนกับผู้หญิงที่ฉันชอบที่สุด แถมยังทำให้เธอถึงกับกระโดดตึกฆ่าตัวตายด้วย!”
“ไม่เพียงเท่านี้ พี่น้องของฉันยอมถวายชีวิตให้แก ถูกคนของแก๊งไผ่เขียวฆ่าตายแกไม่แก้แค้นก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่แกกลับไปรวมแก๊งกับแก๊งไผ่เขียวอีก”
“ถ้าบอกว่าคนที่ควรถูกสวรรค์ลงโทษ มันก็แกนั่นแหละที่สมควรโดน!”
เชิ่งหู่ไม่พูดยังไม่เท่าไหร่ พอพูดมันก็กระตุ้นความโกรธของเรียกไก่เข้า ทำให้ด่าไปก็เตะใส่เชิ่งหู่อย่างแรงราวกับคนบ้า
เชิ่งหู่พยายามใช้สองมือกุมหัวเอาไว้ ในหัวก็หวนนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เรื่องการตายของเรียกไก่นั้นไม่ต้องพูดถึงหรอก คนที่เข้ามาในวงการนี้ต่างก็เอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงอยู่แล้ว การสู้กันแล้วบาดเจ็บล้มตายมันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ส่วนผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวชุ่ยมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
ตอนนั้นเขากินเหล้ากับพี่ใหญ่ของเรียกไก่จนเมา ระหว่างที่งงงวยก็รู้สึกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งปีนขึ้นมาบนเตียงของตัวเอง จึงเข้าใจว่าเป็นของกำนันที่พี่ใหญ่ของเรียกไก่มอบให้
เขายังพูดกันอยู่เลยว่าผู้ชายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ร่างกายส่วนล่างในการคิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อที่ถูกส่งมาให้เลย บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำอะไรตามสัญชาตญาณไปบ้าง
วันต่อมาตอนที่ตื่นขึ้น ก็เพิ่งรู้ตัวว่านอนกับแฟนของเรียกไก่ไปแล้ว ด้วยความรู้สึกผิดจึงได้แต่งตั้งเขาเป็นหัวหน้าหน่วยเล็กคนหนึ่ง
พอมาคิดถึงเรื่องนี้ทีหลัง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นแผนการที่เรียกไก่จัดฉากขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งแม้แต่แฟนของตัวเองก็หลอกใช้ แล้วคนแบบนี้มีอะไรที่ทำไม่ได้อีก?
“ทำไม? นี่แกจะเงียบทำไม? นึกออกแล้วใช่มั้ย?”
“ความทุกข์ทรมานที่กูได้รับเมื่อก่อน ตอนนี้จะคืนให้มึงเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย!”
เชิ่งหู่ไม่ได้มองเรียกไก่ต่อ คนที่ชนะเป็นราชาส่วนคนแพ้ก็กบฏ มันไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว
เขาแค่รู้สึกเสียดาย เสียดายที่ตัวเองต้องตกมาอยู่ในมือของคนที่ชั่วช้าและกะล่อนแบบนี้
พวกลูกกระจ๊อกที่ติดตามเรียกไก่ก็พอรู้เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เวอร์ชันที่พวกเขาไปฟังมันไม่เหมือนกับที่เชิ่งหู่รู้มา
เรียกไก่บอกกับพวกเขาว่า เชิ่งหู่อาศัยที่ตัวเองเป็นลูกพี่ จึงใช้อำนาจแย่งชิงผู้หญิงของเขาไป
“พี่เรียกไก่ จะพูดกับเศษสวะแบบนี้ให้เปลืองน้ำลายไปทำไม กระทืบมันให้หนักก็พอแล้วนี่”
“ยังไงก็เพิ่งกินอิ่ม จะได้บริหารร่างกายพอดี!”
“ระวังอย่าให้มันตายล่ะ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายกับทางหัวหน้าแก๊งลำบาก”
ทันใดนั้น คนกลุ่มนั้นก็ยืนล้อมเชิ่งหู่เอาไว้ แล้วรุมกระทืบทันที
เชิ่งหู่ไม่ได้ตอบโต้ และไม่มีกำลังที่จะต่อต้านด้วย
จากการหายไปของแก๊งมังกรฟ้า เขาก็กลายเป็นหนูที่ใครผ่านทางมาจะตีก็ได้ แล้วขาทั้งสองข้างยังมาโดนตัดอีก เขาจะไปเอากำลังจากไหนมาตอบโต้?
จนถึงขั้นที่ว่า เขาอยากให้พวกเรียกไก่พลั้งมือจนเขาตาย เขาจะได้ไม่ต้องมาทนกับการถูกทรมานแบบนี้อีก
เขาซึ่งไม่มีใจที่จะอยู่ต่อ ได้เอามือที่กุมหัวออก ทนรับความโหดเหี้ยมของพวกนั้นอย่างเงียบๆ
“เชิ่งหู่ นี่คุณยังเป็นชายผู้ห้าวหาญที่ผมรู้จักอยู่มั้ย? ชายผู้ที่ประกาศกล้าว่าจะต่อยตีกับผมมันหายไปไหนแล้ว?”
“ถ้าแม้แต่สปิริตแค่นี้ของลูกผู้ชายคุณยังไม่มี งั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยกับคุณแล้ว!”
ทันใดนั้น ก็มีน้ำเสียงที่เรียบเฉยดังมาจากทางด้านหลัง
น้ำเสียงที่คุ้นเคยภายใต้ความแปลกใหม่นี้ ทำให้เชิ่งหู่ต้องหันกลับไปทันที จ้องมองชายที่สองมือล้วงกระเป๋าและกำลังทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ ดวงตาดั่งเสือคู่นั้นแอบแฝงไปด้วยม่านหมอก
“เย่….เย่….”
คนที่สามารถสอดมือเข้ามาในเวลาแบบนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วยังจะเป็นใครได้อีก?!
หลังจากที่บอกลาจี้เหยียนหรัน เย่เทียนก็ไปที่บ้านตระกูลฉินด้วยตนเอง พอเข้าใจสถานการณ์โดยรวมของเจียงหนันแล้ว ก็รีบมาที่นี่อย่างไม่รีรอ
พอมาเห็นแบบนี้ เย่เทียนก็ต้องผิดหวังอย่างมาก “ที่แท้คุณยังจำผมได้อีกเหรอ?”
เย่เทียนพูดอย่างไม่ชอบใจ “ดูสภาพของคุณตอนนี้สิ? ก็แค่ขาดขาไปสองข้างเองไม่ใช่รึไง? มือของคุณยังใช้งานได้นี่ ต่อยหัวของคนอื่นไม่ถึง คุณแม่งก็ต่อยไปที่น้องชายของพวกมันสิ!”
พอพูดอย่างนั้นออกไป ในใจของเชิ่งหู่ก็เหมือนสายฟ้าที่ระเบิดขึ้น ทำเอาเขาถึงกับงง
ความจริงแล้ว ทันทีที่เห็นหน้าเย่เทียน เชิ่งหู่ก็เหมือนตามหาจุดยึดเหนี่ยวของจิตใจได้ เห็นแสงสว่างในความมืดมิด
ราวกับพอมีเย่เทียนคอยหนุนหลัง เขาก็จะมีกำลังใจขึ้นมาอย่างมหาศาล!
“นี่มึงเป็นใครวะ? กล้ามาเสือกเรื่องของกู มึงคงจะอยากตายนักใช่มั้ย?”
พี่เรียกไก่จ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร ตะโกนออกไปด้วยความอวดเบ่ง
ถึงแม้ชื่อเสียงของเย่เทียนจะโด่งดังมากในโลกเบื้องบน แต่นอกจากคนที่ติดตามเชิ่งหู่กับหลิวชิงอย่างใกล้ชิด คนที่โชคดีได้เจอเย่เทียนกับตานั่นมีไม่มาก
เรียกไก่ไม่แม้แต่จะเคยเข้าไปในมังกรฟ้า งั้นก็ยิ่งไม่รู้จักฐานะของเย่เทียนเข้าไปใหญ่
เย่เทียนไม่ได้สนใจเสียงร้องของเรียกไก่สองตาจ้องตรงไปยองเชิ่งหู่ และได้ตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ยังมัวทำบื้ออะไรอยู่? ไม่ได้ยินที่ผมพูดรึไง? เอาคืนเดี๋ยวนี้!”
“ครับ!”
เชิ่งหู่พยักหน้าตามสัญชาตญาณ พยายามลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าที่แน่วแน่
เขาแค่ถูกตัดส่วนที่ต่ำกว่าเข่าลงไปเท่านั้น มันจึงทำให้เขาตัวเตี้ยลงไปมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเดินไม่ได้ และใช่ว่าจะชกใครไม่ได้สักหน่อย!
พอเห็นเชิ่งหู่ยังกล้าลุกขึ้นมาอีก เรียกไก่ก็ทำหน้าบึ้งตึงอย่างถึงที่สุด เหวี่ยงมือออกไปทันที
“ไอ้เชี่ยแม่ง อยากตายนักกูจะจัดให้! พวกเรา หักแขนทั้งสองข้างของไอ้สวะนั่นซะ!”
ภายใต้คำสั่งของเรียกไก่ พวกหนักเลงก็พากันพุ่งเข้าใส่เชิ่งหู่ เหวี่ยงหมัดเหวี่ยงเท้าใส่เชิ่งหู่สุดกำลัง
“เอื๊อก?!”
เชิ่งหู่กัดฟันทนรับไปหลายตีน ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด พอเห็นช่องว่างก็ซัดหมัดเข้าไปยังน้องชายของลูกกระจ๊อกคนหนึ่ง
“อุ้ย!”
เมื่อจุดยุทธศาสตร์ถูกโจมตี ลูกน้องคนนั้นก็เจ็บจนหน้าซีด ล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ราวกับมันจะช่วยให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงบ้าง
แต่ ยังไงเชิ่งหู่ก็ถูกตัดขาทั้งสองข้างไปแล้ว และยังถูกทรมานมาระยะหนึ่ง ถึงแม้จะหาจังหวะสวนกลับพวกนั้นไปได้บ้างก็ตาม แต่ส่วนมากก็ยังเป็นฝ่ายที่โดนทำร้ายอยู่ดี
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ไม่ว่าเชิ่งหู่จะล้มไปสักกี่รอบ เขาก็จะกัดฟันแล้วลุกขึ้นมาใหม่ราวกับไม่รู้จักเจ็บทุกครั้งไป
ผ่านไปไม่นาน เชิ่งหู่ที่บาดเจ็บอยู่แล้วก็เจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม สีหน้าก็หม่นหมองอย่างถึงที่สุด
“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วรึไง?”
เรียกไก่ถีบใส่ลำตัวของเชิ่งหู่อย่างแรง ทำเอาเชิ่งหู่กลิ้งไปข้างหลังสองรอบ เห็นแล้วก็รู้เลยว่ามันแรงมากขนาดไหน
เอื๊อก!
เชิ่งหู่ทนไม่ไหวจนถึงกับกระอักเลือดออกมา แต่สองมือก็ยังยันพื้นไว้เบาๆ อยากที่จะฝืนลุกขึ้นอีกครั้ง
“พอแล้ว คุณพยายามได้ดีมากแล้ว”
เย่เทียนที่มองดูด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่นานก็เดินเข้ามาในที่สุด
“ฮือๆ! ผมขอโทษ ที่เราทำให้คุณต้องผิดหวัง”
เชิ่งหู่ที่อดกลั้นน้ำตามาโดยตลอดในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ชายฉกรรจ์คนหนึ่งร้องไห้ฟูมฟายเหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกแย่งอมยิ้มไปไม่มีผิด
“ไม่เป็นไร หลังจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าของผมเอง!”
“คุณไม่ต้องห่วง สิ่งที่พวกมันติดค้างเรา ผมจะให้พวกมันต้องชดใช้ให้หมด!”
เย่เทียนตบๆ ไปที่ไหล่ของเชิ่งหู่ จากนั้นก็สับมือจนทำให้เชิ่งหู่หมดสติไป แล้วมองพวกเรียกไก่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น…..