ณ.สถานีรถไฟลอยฟ้าในเมืองหลวง

MistyVeil ได้รับโทรศัพท์จากชิเซียวอีกครั้ง เธอจึงรีบไปหาเขาโดยทันที เป็นอีกครั้งที่เธอเห็นเขานั่งกอดไหล่ของตัวเอง พร้อมกับมีป้ายปิดช่วงล่างของเขาเอาไว้ บนแผ่นป้ายมีข้อความเขี้ยนไว้ว่า “ผมขอโทษ! ผมไม่ควรหยาบคายและกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อพบกับเพื่อนสนิท …”

MistyVeil หันไปมองรอบๆและเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ เธอเห็นกลุ่มคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินออกมาจากสถานี เธอโบกมือให้พวกเขา “ฉันจะให้พวกนายนั่งรถไปด้วย …”

“ได้เลย …” เย่ฉางเดินตรงไปยังเบาะที่นั่งข้างคนขับ

ชิเซียวใส่เสื้อผ้าในรถและคิดในใจด้วยใบหน้าที่ขมขื่น ‘พวกคนเหล่านี้ไม่ไปมหาวิทยาลัยกันเลยหรือไง? ทำไมพวกเขาถึงทำตัวว่างอยู่แบบนี้? วันนี้ควรจะเป็นวันที่มหาวิทยาลัยของพวกเขาสอบหนิ …’

“ทำไมวันนี้นายถึงมาเที่ยวเมืองหลวงได้? ถ้าฉันจำไม่ผิด มหาวิทยาลัยหลินไห่ควรจะเริ่มสอบวันนี้นี่น่า …” MistyVeil ถามด้วยรอยยิ้มขณะขับรถ

FrozenCloud ถอนหายใจ ‘พวกเขาเกือบจะทำให้พวกอาจารย์ร้องไห้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนอธิบายให้หัวหน้าภาควิชาการแสดงฟัง เจ้าหมียักษ์ได้ยกรูปปั้นหนักหลายตันขึ้นมาเล่นและได้แกล้งทำเป็นเหมือนอุบัติเหตุ โดยเขาทำรูปปั้นหล่นลงข้างๆพวกอาจารย์ จากนั้นเขาก็ข่มขู่พวกอาจารย์ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วน่ากลัว ทำให้ในตอนนี้เธอได้รับการลงบันทึกเป็นนักศึกษาพิเศษโดยอาจารย์ของเธอ ภาคการศึกษาแรกของเธอเพิ่งเริ่มต้นเอง แต่คะแนนของเธอก็เต็มไปด้วยเกรด A แล้ว คนเหล่านี้สามารถทำตามใจชอบอะไรก็ได้ในเขตตะวันออก … หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์จบลง สภานักศึกษาเขตตะวันออกจะเอามือกุมตูดของตัวเองไว้ และรีบเดินหนีไปไกลๆ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นกลุ่มเย่ฉาง …’

“ตั้งแต่ที่เรามีชื่อเสียงโดดเด่นขึ้นมา พวกอาจารย์ก็กำหนดเกรดที่ดีๆไว้ให้เราในภาคการศึกษานี้แล้ว …” เย่ฉางตอบ และมองท้องฟ้าสีครามด้วยความเศร้า

“ชิ เขาคงกลัวพวกนายมากกว่า…” ชิเซียวกระซิบ

“อาเฉียง สั่งสอนเขาหน่อย …” เย่ฉางออกคำสั่งจากที่นั่งข้างหน้า

ได้ยินเสียงของคนโดนรุมทุบ ดังมาจากที่นั่งด้านหลัง

“…” MistyVeil เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากกระจกด้านหน้าของเธอและกลอกตาไปมา ‘เฮ้อ! ฉันต้องใจเย็นๆเข้าไว้! ยิ้มเข้าไว้! ยิ้มมมม!! …’ เธอถอนหายใจและยิ้มออกมา “ในวันนี้ตระกูลของเราจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยง นายควรจะมาที่บ้านของฉัน เพราะคนตระกูลฉินก็กำลังจะมาด้วยเช่นกัน …”

“เอางั้นก็ได้…” เย่ฉางยังคงมองไปที่ท้องฟ้าอย่างเศร้าๆ ในขณะที่เสียงกรีดร้องของชิเซียวยังคงดังมาจากด้านหลังของรถ

ตระกูลลั่วในเมืองหลวง

เย่ฉางตระเวนเดินเล่นไปรอบๆสวน จางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในโรงยิม เมื่อเย่ฉางเดินไปสักพัก เขาก็เจอกับชายชราคนหนึ่งที่กำลังนั่งตกปลาอยู่ “โย่ เราบังเอิญเจอกันอีกแล้วนะ ผู้อาวุโสลั่ว …”

“ฮ่าๆ เป็นเจ้าเด็กเหลือขอนี่เอง … คราวนี้ฉันจะ …” อาวุโสลั่วเห็นเย่ฉางและลุกขึ้น

“เอานี่ไปกินซะ! ไลท์นิ่งโบลท์!” เย่ฉางต่อยหมัดใส่โดยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้า

‘บ้าเอ้ย!’ อาวุโสลั่วรีบรวบรวมพลังซี่เพื่อป้องกัน ‘เจ้าวายร้ายตัวน้อยคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก! โล่น้ำ! ไม่ดีแล้ว! ไลท์นิ่งพลาสม่าของเขากลายเป็นไลท์นิ่งโบลท์! ฉันเกรงว่าโล่น้ำของฉันจะต้องถูกทำลาย!’ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นจากการปะทะกัน เกิดเป็นหยดน้ำสาดซัดกระเซ็นไปทั่วเหมือนกับลูกกระสุน เย่ฉางเคื่อนไหวเหมือนสายฟ้าคอยหลบหยดน้ำที่พุ่งเข้ามาและปล่อยหมัดที่ทรงพลังออกไป “หมัดอุดรเทวะ! หมัดอสูรดาวเหนือ!”

อาวุโสลั่วขมวดคิ้ว ‘ปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กคนนี้น่ากลัวมาก เขาลื่นไหลดั่งสายน้ำ รวดเร็วดุจสายฟ้า!’ เย่ฉางระดมต่อยหมัดรวดเดียวไปเจ็ดครั้งซ้อน แต่ดูเหมือนหมัดจะไม่ค่อยแรง! อาวุโสลั่วตื่นตระหนก ‘มันเป็นท่าหลอก!’ จากนั้นเขาได้ยินเสียงสยดสยองที่ข้างหู “ สตรองไดมอนด์ฟิงเกอร์ …”

แคร่ก! ความเจ็บปวดที่รุนแรงสามจุดปรากฏขึ้นที่เอว ทำให้อาวุโสลั่วถึงกับหอบ ‘บ้าเอ้ย! เจ้าสิบแปดมงกุฎ! เจ้าวายร้ายตัวน้อยคนนี้เชื่อถืออะไรไม่ได้! ชัดเจนว่านั่นคือทักษะที่จะต้องใช้พลังซี่อย่างมาก เพียงหนึ่งนิ้วก็สามารถสร้างความเสียหายตั้งสามจุดได้!’ จากนั้นเขาเพิ่มพลังขึ้นถึง 60% เขาหันกลับมาและเหวี่ยงฝ่ามือออกไป แต่ค้นพบว่าเย่ฉางได้หลบหนีไปไกลกว่า 10 เมตรแล้ว เย่ฉางพุ่งผ่านต้นไม้และจากไปทันที

“อาวุโสลั่วช่างเป็นคู่แข่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปทำ บะบาย …”

“หุบปากไปเลย! วันนี้ฉันจะแก้แค้นในครั้งนี้, ครั้งล่าสุดและครั้งก่อนหน้านั้นอีกให้ได้ !!!!” อาวุโสลั่ววิ่งไล่ตามเย่ฉางไปด้วยการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่น แต่เขาไม่สามารถตามเย่ฉางที่เหมือนกับสายฟ้าได้ทัน เขาได้แต่กัดฟันอย่างเจ็บแค้น ‘ความเร็วของเด็กน้อยคนนี้ช่างเร็วเกินไป แม้แต่ฉันทุ่มใช้พลังทั้งหมด ก็อาจไม่สามารถตามเขาทัน’

ในศาลา มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้โบราณ เขาเป็นผู้นำตระกูลลั่วคนปัจจุบัน – ลั่วเฟิงเฉียง เขาเฝ้าดูฉากการไล่ล่าระหว่างคนทั้งสอง มันเหมือนเป็นภาพของสายน้ำไหลที่กำลังไล่ตามสายฟ้าสีขาวอยู่ “รู่วหยาน ชายหนุ่มที่มีผมสีขาวเป็นผู้ช่วยชีวิตของลูก และยังเป็นลูกเขยของฉินซานใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ …” MistyVeil ตอบรับ

“ช่างรวดเร็วสมกับชื่อสายฟ้าสีขาว เขามีความเร็วดุจสายฟ้า และมีความพละกำลังที่สามารถฉีกโลหะอัลลอยด์เหมือนเช่นฉีกกระดาษ ที่สำคัญเขายังเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของกลุ่มมังกรในเมืองหลินไห่ ที่รับผิดชอบในการหารือกับ 10 บทบัญญัติ เขายังเชี่ยวชาญการสอบสวน, ระดับความแข็งแกร่งของเขายังไม่รู้แน่ชัด ระดับความเป็นอันตราย ผู้ชายคนนี้อันตรายสุดๆ …” ลั่วเฟิงเฉียงมองผ่านแฟ้มลับสุดยอดที่เขาให้คนไปสืบค้นมา “เขาไม่ใช่คนธรรมดา …”

MistyVeil พยักหน้าอย่างจริงจัง คนที่สามารถใช้มือรับกระสุนเจาะเกราะที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วได้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกัน?

ฉินฮองและฉินซานได้พา ThornyRose เดินเข้าบ้านตระกูลลั่ว และเห็นลำแสงสายฟ้าพุ่งผ่านไป และเห็นคล้ายๆกับสายน้ำพุ่งตามมา ฉินฮองและฉินซานยิ้ม ทันใดนั้น พื้นหินแกรนิตใต้เท้าพวกเขาแตกออก จากนั้นพวกเขาก็พุ่งตามไป ฉินซานไม่ลืมที่จะตะโกนว่า “ลั่วเฟิงเฉียง สำหรับค่าเสียหาย ลงบัญชีไว้ก่อนนะ!”

ลั่วเฟิงเฉียงหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘ผู้ชายที่ไร้ยางอาย …’ เขาเฝ้ามอง ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังต่อสู้กันอยู่ หินตกแต่งต่างๆและสวนถูกบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่ศาลาก็ยังพังทลายด้วยการเตะของฉินฮอง จู่ๆก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากชั้นบน “บ้าเอ้ย! การต่อสู้ที่ดีเช่นนี้ พวกแกจะไม่ชวนฉันเข้าร่วมหน่อยหรือ!”

“ท่านปู่สอง …” MistyVeil ยิ้มอย่างขมขื่น นี่จะเป็นอีกหนึ่งคนที่ทำให้ค่าซ่อมแพงขึ้นมา

เย่ฉางหลบรูปแบบเต่าทมิฬของฉินซาน เขาหลบทั้งไฟ, สายฟ้า, หยินและหยาง แล้วตะโกนว่า “ซุปเปอร์ไลท์นิ่งพลาสม่า!!”

ทันใดนั้น พื้นที่ทั้งหมดก็เต็มไปด้วยพลังงานหมัด และครอบคลุมทั้งสี่คนเอาไว้!

“ก้าวย่างเคลื่อนวิญญาณ – หยาง!”

“ก้าวย่างเคลื่อนวิญญาณ – หยิน!”

ฉินซานและฉินฮองได้ปลดปล่อยท่าเคลื่อนไหวลับของพวกเขาทันที ทั้งสองคนวิ่งวนอยู่รอบๆกัน จนพื้นที่ภายในรัศมี 100 เมตรถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองและเศษซากต่างๆ อาวุโสลั่วและอาวุโสที่สองต้องร่วมมือกันเพื่อต่อต้านการทำลายล้างจากซุปเปอร์ไลท์นิ่งพลาสม่าและก้าวย่างเคลื่อนวิญญาณ เย่ฉางพุ่งออกไปให้พ้นระยะเหมือนสายฟ้า

“ฉินฮอง! นายและลูกชายพยายามที่จะทำลายสถานที่นี้หรือไม่?” อาวุโสลั่วตะโกนถาม เมื่อมองไปที่ซากปรักหักพังที่อยู่ข้างใต้พวกเขา

“ฉันไม่สน มันไม่ใช่บ้านของฉัน …” ฉินฮองกล่าวอย่างใจเย็น

ฉินซานวางมาดของนักวิชาการและยิ้ม “ต่อไปผมจะระมัดระวังมากขึ้น ขอโทษด้วย …”

เมื่อพูดจบ ฉินฮองก็ใช้รูปแบบเต่าทมิฬพุ่งไปโจมตีอาวุโสที่สอง

“ไอสารเลวเอ้ย! รูปแบบเต่าทมิฬที่ดี! มันต้องเจอกับนี่! คลื่นวารีพิสุทธิ์!” อาวุโสที่สองต่อยหมัดออกไปเหมือนคลื่นยักษ์ เข้าปะทะกับฝ่ามือของฉินฮอง หลังจากการปะทะกัน เกิดคลื่นแผ่กระจายออกไปรอบตัวของพวกเขา เย่ฉางยกมือฟันลงมาเหมือนดาบ ตัดคลื่นที่กระแทกเข้ามา ทันใดนั้น เขาหายตัวไปเหมือนฟ้าแลบ และปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังอาวุโสที่สอง เย่ฉางใช้นิ้วมือที่เหมือนดาบแทงไปที่หลังของอาวุโสที่สองทันที เกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา ริมฝีปากของอาวุโสที่สองเผยอยิ้มขึ้น ‘ช่างเป็นเด็กเหลือขอที่รวดเร็วนัก! เขาช่างกล้า!’

ฉินซานส่งสายตาประสานกับเย่ฉาง เพื่อร่วมมือกันจัดการอาวุโสที่สองก่อน เขาเปิดใช้รูปแบบพยัคฆ์ขาว จู่ๆก็มีเสียงคำรามของเสือดังออกมาจากร่างของเขา อาวุโสลั่วยกคิ้วขึ้น ‘ผู้นำตระกูลฉินรุ่นที่สามคนนี้ช่างทรงพลังนัก! ถ้าไม่มีคนไปช่วยอาวุโสสองแล้วล่ะก็ เขาอาจถูกจัดการโดยฉินซานและเจ้าเด็กเหลือขอที่ร้ายกาจ!’