ตอนที่ 340 ตื่นเต้นดีใจ / ตอนที่ 341 รู้สึกแปลกๆ

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 340 ตื่นเต้นดีใจ 

 

 

หู่พั่วก้มหน้าลงน้อยๆ เฉินหลานอีตื่นเต้นดีใจรีบยื่นแขนออกไป หู่พั่วไม่เข้าใจกับท่าทางนี้ จนกระทั่งเห็นวิธีจากโอวหยางหง ตอนแรกเธอค่อนข้างลังเล แต่ด้วยสายตารอคอยของเฉินหลานอี เธอถึงได้ค่อยๆ ใช้มือจับมือของเธอเอาไว้ 

 

 

โอวหยางเลี่ยเห็นเฉินหลานอีทอดทิ้งเขาแล้วเดินตรงไปข้างหน้า เขาไม่สบอารมณ์นัก ทำไมเธอถึงทำกับเขาแบบนี้! 

 

 

นี่ก็เพิ่งจะฉลองครบรอบวันแต่งงานปีที่ยี่สิบหกมาหมาดๆ ก็ทอดทิ้งกันไปไม่ไยดีแล้ว โอวหยางเลี่ยไม่สามารถคิดบัญชีกับเธอได้ เขาไม่กล้าและก็ไม่ยินดีที่จะทำด้วย ทำได้เพียงยอมรับความอยุติธรรมนี้เงียบๆ 

 

 

ทุกคนอยู่ในปราสาท พ่อบ้านยกน้ำชาและของว่างที่เตรียมไว้ขึ้นมาให้ “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง กลับมาแล้วเหรอครับ?” 

 

 

“พ่อบ้าน ช่วงที่ผ่านมาลำบากพ่อบ้านแล้วนะ” 

 

 

“นี่เป็นหน้าที่ของผมครับ!” พ่อบ้านโค้งตัวลงเล็กน้อย เฉินหลานอีรู้ว่าพ่อบ้านของครอบครัวเธอคนนี้เข้มงวดกับตัวเองมาก จึงไม่เอ่ยอะไรต่อ ขอเพียงเขารับรู้ความรู้สึกขอบคุณของพวกเธอก็เพียงพอ 

 

 

เฉินหลานอีดึงตัวหู่พั่วให้นั่งลงบนโซฟา โอวหยางหงนั่งลงข้างๆ เดิมทีเฉินหลานอีมีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำ อยากดึงตัวเธอมาซักไซ้ไต่ถามให้ละเอียด แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทำได้เพียงมองเธอเงียบๆ พลางหลั่งน้ำตา 

 

 

เมื่อโอวหยางหงเห็นว่าแม่ของเขาน้ำตานองหน้า ก็รู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าโอวหยางเลี่ยที่เดินไล่หลังมา เมื่อเห็นว่าภรรยาของตนเสียอกเสียใจขนาดนั้น ทำได้เพียงใช้ให้ลูกชายลงมือก่อน “โอวหยางหง ลูกดูสิ แม่ของลูกร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ลูกจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอไง?” 

 

 

นี่จงใจทำให้เขาลำบากใจใช่หรือเปล่า? แต่ในฐานะลูก เมื่อเห็นแม่ของตนร้องไห้เสียใจถึงขนาดนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน ไม่รอให้เขาเอ่ยปากพูด เฉินหลานอีก็จ้องโอวหยางเลียด้วยสายตาโกรธเคือง “คุณว่าลูกอย่างนั้นทำไม? ไม่ใช่ความผิดของลูกสักหน่อย” 

 

 

“ก็ได้ ผมผิดเอง หลานอี หยุดร้องไห้เถอะนะ ใจผมสลายไปหมดแล้ว!” อีกทั้งโอวหยางเลี่ยยังทำท่าทำทางเกินจริงด้วยการใช้มือกุมที่บริเวณหัวใจ น้ำตาของเฉินหลานอีที่เดิมทีอยากจะไหลลงมา เมื่อถูกเขาหยอกล้ออย่างนั้น ก็กลับเข้าสู่นัยน์ตาอย่างช้าๆ 

 

 

หู่พั่วเห็นชายสูงใหญ่ตรงหน้า เดิมทีท่าทางดูน่าเกรงขาม เมื่อสักครู่เธอยังกลัวเขาอยู่ไม่น้อย ทว่าพอเห็นภาพนี้แล้ว เธอก็รู้สึกในทันทีว่า ที่แท้เขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน สามารถหยอกเย้าภรรยาให้มีความสุขด้วยการทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับฐานะของตนได้! เขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด! 

 

 

“คุณป้าคะ อย่าร้องไห้เลยนะคะ! หนูไม่รู้ว่าคุณป้าร้องไห้เพราะอะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คุณป้าก็อย่าทำให้คนรอบข้างต้องเป็นห่วงเลยนะคะ” เพียงหู่พั่วเอ่ยปาก ก็ได้ผลยิ่งกว่าหมื่นคำพูดของโอวหยางเลี่ยและโอวอย่างหงรวมกันเสียอีก! 

 

 

“ได้จ้ะ ป้าเชื่อหู่พั่ว ไม่ร้องไห้ ไม่ร้อง…” เฉินหลานอีรีบเช็ดน้ำตาให้แห้ง โอวหยางหงยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอ เฉินหลานอีเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างเบามือ 

 

 

แม้ว่าดวงตาจะยังคงแดงอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าเมื่อสักครู่มากแล้ว โอวหยางเลี่ยเห็นว่าภรรยาของตนเลิกร้องไห้ ความทุกข์กังวลก็เบาบางลง เขาทนเห็นเธอร้องไห้ไม่ได้ และเพื่อสุขภาพของเธอเองด้วย ร่างกายของเฉินหลานอีไม่อาจทนสภาวะสะเทือนใจได้ 

 

 

“เอาละ หลานอี หู่พั่วห่วงใยคุณถึงขนาดนี้แล้ว คุณเองต้องคิดให้ดีๆ ไม่อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ แล้วเหรอไง? เรื่องที่คุณพร่ำอ้อนวอนมานานแสนนานเป็นความจริงเสียที คุณไม่ดีใจหรือไง?” 

 

 

“เลี่ย ฉันต้องดีใจอยู่แล้ว” เฉินหลานอีจะไม่ดีใจได้อย่างไร เรื่องที่ฝันเห็นอยู่บ่อยๆ ในที่สุดวันนี้ก็กลับมาอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง หู่พั่วที่มีชีวิตกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่ภาพลวงตาในความฝัน แต่เป็นคนจริงๆ 

 

 

หู่พั่วรู้สึกว่าที่ฝ่ามือของเธอใกล้มีเหงื่อซึมเต็มที เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ถึงได้สะเทือนใจขนาดนี้ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 341 รู้สึกแปลกๆ 

 

 

“แม่ครับ ดูสิ หู่พั่วอึดอัดไปหมดแล้ว หู่พั่ว คุณไม่ต้องกลัวนะ แม่ของผมก็แค่ดีใจมากไปหน่อยที่ได้เจอคุณ” โอวหยางหงเห็นหู่พั่วตกตะลึงก็รู้ดีว่าเธอคงมีคำถามในใจเกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่สะดวกที่จะอธิบายให้เธอฟัง 

 

 

“ทำไมถึงได้ดีใจที่เจอฉันล่ะคะ?” เธอคิดอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็เอ่ยปากถามขึ้น ตั้งแต่ที่เฉินหลานอีกลับมา เธอก็รู้ได้ว่าทุกอย่างดูแปลกๆ ไป ความรู้สึกสนิทสนมชิดเชื้อของเฉินหลานอีที่ราวกับได้พบญาติมิตร ทำให้เธอวางตัวไม่ถูก 

 

 

เธอไม่รู้จักคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเลยสักคน และเป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้จักกัน เหตุเพราะช่วงที่ผ่านมาเห็นว่าคนรับใช้ในปราสาทเพียงปฏิบัติกับเธออย่างแขกที่โอวหยางหงพามาเท่านั้น เธอไม่คุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างในปราสาทหลังนี้ 

 

 

เฉินหลานอีมองไปยังโอวหยางหง เธอพบว่าสายตาของหู่พั่วที่มองเขา ราวกับว่ามองเขาด้วยความประหลาดใจ ในดวงตาสงบนิ่งไม่มีความรู้สึกใดๆ นอกจากที่ทำความรู้จักกันเมื่อสักครู่ เฉินหลานอีรู้สึกว่าหู่พั่วปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากคนแปลกหน้า 

 

 

เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนที่หงเอ๋อร์ส่งข่าวให้เธอรู้ว่าพบตัวลูกของเธอแล้ว ในใจของเฉินหลานอีก็ตื่นเต้นดีใจเสียเหลือเกิน รู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวจนแทบกระเด็นออกมา 

 

 

ไม่มีใครรู้เลยว่าวินาทีที่เธอลงจากเครื่องบิน เมื่อได้เห็นเงาร่างที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเธอยืนอยู่ด้วยกัน หัวใจของเธอก็เต้นรัวขนาดไหน อย่างกับจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้ 

 

 

พูดกันตามความจริงแล้ว มีเพียงหน้าตาของหู่พั่วที่คล้ายกับเฉินหลานอีเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่เหมือนกันสักเท่าไร ทว่าเฉินหลานอีมีความรู้สึกบางที่บอกว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตรงนี้คือคนที่เธอเฝ้าตามหามาตลอด 

 

 

“หงเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ตอนนี้เฉินหลานอีลุกขึ้นยืนแล้ว เธอไม่ควรชื่อหู่พั่ว อีกอย่างเวลานี้เธอดูใสซื่อบริสุทธิ์อย่างกับเด็กแรกเกิด อย่างกับว่าจดจำเรื่องยี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย 

 

 

“หู่พั่ว เหนื่อยหรือเปล่า จะกลับห้องไปพักผ่อนสักหน่อยไหม” โอวหยางหงเห็นหู่พั่วดูท่าทางง่วงนอน รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง อาจจะอ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ อีกอย่างคำพูดต่อจากนี้ก็ไม่ควรเอ่ยต่อหน้าเธอ 

 

 

หู่พั่วกะพริบตาปริบๆ เธอไม่รู้ว่าทำไมระยะนี้ถึงได้รู้สึกง่วงอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ทุกคืนเธอก็มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ แต่ก็ยังเป็นแบบนี้อีก 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะ คุณป้าคะ หนูขอโทษด้วยนะคะ หนูขอกลับห้องก่อน” คนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา พาหู่พั่วกลับไปยังห้องของเธอ 

 

 

รอจนหู่พั่วพ้นจากห้องนี้ไป โอวหยางหงถึงได้เอ่ยปากขึ้น “แม่ครับ ตอนนี้หู่พั่วความจำเสื่อม แล้วชื่อที่เธอใช้อยู่ตอนนี้ก็เป็นชื่อที่ผมตั้งให้ นอกจากนั้นผมยังต้องบอกแม่อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เธอตั้งท้องได้สองเดือนแล้วครับ” 

 

 

“อะไรนะ?! ท้องงั้นเหรอ แล้วพ่อของเด็กเป็นใคร?” เฉินหลานอีไม่คิดว่าพอได้เจอหน้าลูกสาว ก็ต้องรับรู้ว่าเธอความจำเสื่อม 

 

 

ใช่แล้ว หู่พั่วเป็นลูกอีกคนของเฉินหลานอี เป็นลูกที่เกิดก่อนจะมีโอวหยางหง โอวหยางหงควรเรียกเธอว่าพี่สาวถึงจะถูก! 

 

 

“แม่ครับ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง แม่ต้องเตรียมใจให้ดีๆ…” 

 

 

ตอนนั้นเฉินหลานอีพลันคิดขึ้นได้ว่ายังเหลืออีกคนหนึ่ง “หรือว่า…” เธอไม่กล้าเอ่ยคำคำนั้นออกมา เธอรอคอยมาเนิ่นนานขนาดนี้ เธอห่วงหามาแสนนานขนาดนี้ 

 

 

“ใช่ครับ ลูกสาวอีกคนของแม่ตายไปเมื่อหกปีก่อน แต่อย่าเสียใจไปเลยนะครับ เธอยังเหลือลูกไว้อีกคนหนึ่ง” โอวหยางหงเล่าเหตุการณ์ที่เขารู้ให้เฉินหลานอีฟังอีกรอบ