ตอนที่ 20 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (20)

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

ลานล่าสัตว์คือป่าทึบอันกว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ เส้นทางข้างในสลับซับซ้อน หากไม่ระวังก็อาจหลงทางเอาได้ 

 

 

ตันหวายลูบคางพลางส่ายศีรษะ หน้ายู่เป็นก้อนซาลาเปา เขาดึงบังเ**ยนม้าเดินวนไปวนมารอบๆ หลุมขนาดใหญ่ ทั้งคอยส่งเสียงพูดสักประโยคสองประโยคลงไปข้างล่างอยู่เป็นระยะ 

 

 

สุดท้ายก็วนจนเหนื่อย ตันหวายหาโขดหินหย่อนก้นนั่งแล้วค่อนแคะว่า “เจ้าหาว่าข้าไม่รู้จักทางก็ช่างเถอะ แต่เจ้ามาตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมยังหลงทางอยู่อีก!” 

 

 

เสียงอู้อี้ดังแว่วมาจากข้างใต้หลุม เสียงนี้ค่อนข้างใสกังวาน เห็นชัดว่าคนผู้นี้อายุไม่มากนัก 

 

 

“ปีนี้ข้าอายุแค่สิบสี่ ชิวเลี่ยมีสามปีครั้ง นับรวมกันแล้วเพิ่งมาได้ห้าครั้ง ทั้งภูมิทัศน์ที่นี่ยังเปลี่ยนแปลงทุกปี จะไปจำได้อย่างไร?” 

 

 

ตันหวายหมดคำพูด อยากพูดเหลือเกินว่าต่อให้จำทางไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพุ่งเข้าหากับดักโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรอกนะ เขาแค่ลงจากหลังม้ามาเก็บดอกไม้ป่า หันมาอีกทีกลับไม่เห็นใครแล้ว เหลือไว้แต่ม้ากินหญ้าสบายใจเฉิบอยู่รอบๆ หลุมพรางหลุมหนึ่ง สุดท้ายหาอยู่ครึ่งวันค่อยพบว่าคนร่วงเข้าไปติดกับดัก 

 

 

ตันหวายไม่เถียงกับเขา ถึงอย่างไรคนปากจัดก็มักไม่มีเพื่อน เพียงถามว่า “ที่นี่เป็นลานล่าสัตว์ของราชวงศ์ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมีกับดักได้!” 

 

 

เสียงอู้อี้กล่าวอีกว่า “ชิวเลี่ยไม่ใช่แค่ดูว่าทุกคนจับเหยื่อได้มากน้อยแค่ไหน แต่ดูความสามารถในการปรับตัวและการเอาตัวรอดของผู้เข้าร่วมชิวเลี่ยด้วย” 

 

 

ตันหวายเข้าใจแล้ว ที่แท้กับดักนี้ก็มีไว้เพื่อทดสอบโดยเฉพาะ หากผู้เข้าร่วมชิวเลี่ยต้องการชัยชนะ ไม่เพียงต้องล่าสัตว์ให้ได้มากที่สุด แต่ยังต้องหลบหลีกกับดักอย่างชาญฉลาดหรือหนีออกจากกับดักเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น 

 

 

ใบไม้รอบด้านถูกลมพัดจนส่งเสียงซู่ซ่า ตันหวายขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าจะช่วยเหอหรูกู้ออกมาจากหลุมได้อย่างไร 

 

 

คล้ายกับมีอะไรบางอย่างตีเข้าที่มือ ตันหวายก้มหน้าดู สีหน้าก็พลันเขียวปั้ด บนมือของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้นกกองหนึ่ง สีสันไม่ต่างอะไรกับสีหน้าเขาเลย 

 

 

“บินได้แล้ววิเศษนักเรอะ!” ตอนนี้ตันหวายชักอยากจะกินนกย่าง 

 

 

ตันหวายลุกพรวดขึ้นมา ก่อนนิ่งชะงักไป จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงถามเหอหรูกู้ข้างใต้หลุมอย่างสงสัย  

 

 

“ข้าจำได้ว่าเจ้ามีวิชาตัวเบา เหตุใดถึงไม่บินขึ้นมาเองเล่า?” 

 

 

เหอหรูกู้ไม่กล่าวตอบ 

 

 

ตันหวายขมวดคิ้วพลางเด็ดใบไม้จากบนต้นไม้มาเช็ดขี้นกบนมือ เช็ดจนสะอาดแล้วก็เอาใบไม้เปื้อนขี้นกไปหาหลุมฝังกลบฝังอย่างรังเกียจ 

 

 

รออีกสักครู่ใหญ่ เห็นเหอหรูกู้ยังไม่ยอมกล่าวอะไร ตันหวายก็คิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ก่อนเลิกคิ้วมองดูว่าเหอหรูกู้กำลังทำอะไรอยู่ เมื่อเห็นชัดแล้ว ตันหวายก็สีหน้าเปลี่ยนทันทีทันใด 

 

 

เหอหรูกู้ข้างใต้หลุมใกล้จะสลบเต็มทีแล้ว สองขางอชิดกับหน้าอกด้วยความเจ็บปวดทรมาน ริมฝีปากกำลังเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างช้าๆ 

 

 

งูหางเรียบตัวหนึ่งกำลังขู่ฟ่ออยู่ไม่ไกลจากเหอหรูกู้ จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา ขณะตันหวายตกใจสะดุ้งเฮือก ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเหอหรูกู้ถูกพิษงูเข้าให้แล้ว 

 

 

งูหางเรียบเป็นผลิตผลที่มีอยู่ในยุคสมัยนี้เท่านั้น ตันหวายเคยวาดภาพชุดเกี่ยวกับงูชนิดต่างๆ ดังนั้นจึงต้องศึกษาค้นคว้าสายพันธุ์ของงูทั้งหมดในโลก ในจำนวนนั้นไม่มีสายพันธุ์ของงูหางเรียบแต่อย่างใด 

 

 

สาเหตุที่เขารู้จักงูชนิดนี้ล้วนเป็นความดีความชอบของเจ้าของร่างเดิม เจ้าของเดิมขึ้นชื่อเรื่องรักสนุก ยามตระกูลตันรุ่งเรือง เจ้าของร่างเดิมเคยเลี้ยงสัตว์ดุร้ายไว้มากมาย หนึ่งในนั้นรวมถึงงูหางเรียบชนิดนี้ด้วย พูดแล้วก็บังเอิญนัก เจ้าของร่างเดิมเคยถูกพิษของงูหางเรียบด้วยเช่นกัน พิษชนิดนี้ไม่รุนแรงมาก ขอเพียงรักษาได้ทันเวลาก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต 

 

 

ภายหลังเจ้าของร่างเดิมกินพืชพิษที่มีชื่อเรียกว่าหลิ่นซาจึงขจัดพิษงูในร่างกายออกไปได้ พืชชนิดนี้เป็นศัตรูโดยธรรมชาติของงูหางเรียบ แต่ว่าไม่ส่งผลกระทบกับคนมากนัก ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ พิษของพืชชนิดนี้แม้จะไม่ค่อยมีผลต่อร่างกาย ทว่าจะตกค้างอยู่ในร่างกายเป็นเวลาหลายปี 

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ ตันหวายก็มีแผนการในใจ เขาใช้แส้หวดก้นม้าอย่างแรงทีหนึ่ง เห็นว่าม้าวิ่งไปไกลแล้วจึงค่อยกระโดดลงไปในหลุมโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง 

 

 

งูหางเรียบที่ก้นหลุมตอบสนองอย่างว่องไว ฉับพลันที่ตันหวายกระโดดลงมาก็ฉกกัดที่ข้อเท้าของเขาทันที 

 

 

ตันหวายกล้ำกลืนความเจ็บปวด หยิบกระบี่ข้างกายเหอหรูกู้ขึ้นมาโดยไม่รอช้าแล้วฟันงูตัวนั้นขาดเป็นสองท่อน 

 

 

เหอหรูกู้ที่ได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าพลางเบิกตาค้าง 

 

 

เขย่าตัวเหอหรูกู้ที่ดวงตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่เบาๆ ตันหวายยิ้มเยาะ โชคดีที่เขารู้ตัวยังนับว่าทันเวลา ไม่อย่างนั้นเหอหรูกู้คงตายแหงแก๋ 

 

 

“เจ้า…เจ้าลงมาทำอะไร!” เหอหรูกู้กล่าวเสียงเย็นอย่างอ่อนแรง 

 

 

ตันหวายไม่สนใจเขา หยิบคันธนูและลูกศรด้านหลังเหอหรูกู้ขึ้นมา ก่อนกรีดลงบนแขนตนเองจนเกิดบาดแผลเล็กๆ แล้วจึงยื่นปากแผลไปไว้ตรงปากของเหอหรูกู้ 

 

 

“ดูดซะ!” ตันหวายกล่าวเสียงเข้ม 

 

 

เหอหรูกู้ไม่เข้าใจ แต่ก็ดูดเข้าไปสองสามอึกอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็มองตันหวายที่กลายเป็นภาพซ้อนในสายตาเขาอย่างไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม 

 

 

ดูดไม่เข้า? 

 

 

ตันหวายพบว่าบางอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน จึงชักแขนกลับมาดูอีกที หางตาพลันกระตุกทันใด