บทที่ 483 ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 483 ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ลูเซียนที่ตอนนี้ดูเหมือนชายหน้าตาธรรมดาทั่วไป กำลังเดินเลียบแม่น้ำโซลนาไปยังเขตคนยากไร้ ที่มีแท่นบูชาลับมากมายตั้งอยู่

เหล่าพระเจ้าเทียมเท็จ รวมถึงเทพเจ้าแห่งพายุ และพระแม่แห่งปฐพี ไม่ยินยอมละทิ้งแหล่งที่มีผู้ศรัทธาที่ร่ำรวยมั่งคั่งอยู่มากมายเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงทิ้งผู้เผยแพร่คำสอนอย่างลับๆ เอาไว้ที่นี่ ลูเซียนจับตาดูพวกเขามาสักพักแล้ว ด้วยความพยายามจะค้นหาคำตอบว่าเหล่าพระเจ้าเทียมเท็จกำลังทำอะไรอยู่ และเขาก็จะอนุมานได้ว่าแอลกับฟรานซิสมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

ลูเซียนคอยกระจายเรื่องราวกึ่งจริงกึ่งหลอกมาตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูเซียนจะหยุดและปล่อยให้ข่าวลือบ่มเพาะแพร่กระจายไปด้วยตัวเอง เหล่าพ่อค้าแม่ค้าย่อมนำคำพูดไปยังสถานที่อื่นๆ ในมิตินี้ คนที่ให้ความสนใจย่อมสังเกตเห็นได้

ลูเซียนวางแผนไว้ว่าจากนี้ไปจะเฝ้ารออย่างใจเย็น รอโอกาสที่จะออกไปจากสถานการณ์เสี่ยงอันตรายนี้

ลูเซียนสัมผัสได้ถึงสายลมชุ่มชื้นยามเย็นที่พัดมาจากแม่น้ำโซลนา เมื่อยามราตรีมาเยือน อากาศจะเย็นลงมาก

ทันใดนั้น มือซ้ายของเขาก็กระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้ ในหัวลูเซียนเกิดเสียงหึ่งๆ และเขาก็รู้สึกว่าความเย็นเยียบกำลังไต่ลุกลามขึ้นมาจากแผ่นหลังด้านล่าง

ลูเซียนรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง นี่หาใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นเช่นนี้ และช่วงนี้มันก็ยิ่งเป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

ลูเซียนคิดว่าเป็นเพราะอัลเทอร์นากำลังจะตื่นขึ้นหลังจากหลับใหลไปนานครึ่งเดือน หรือไม่ก็เพราะหิว และเขาก็กำลังพยายามหาเทวภาพที่มีพลังสอดคล้องกันเพื่อมาประเคนให้อัลเทอร์นา แต่หลังจากที่เกิดการกระตุกขึ้นอีกครั้งในวันนี้ เขาก็ได้ตระหนักว่าความเย็นเยียบแฝงความคุกคามนี้มาจากตัวเขาเอง!

ลูเซียนนึกสงสัยว่าอัลเทอร์นากำลังพยายามเตือนบางอย่างกับเขาหรือไม่ บางทีอัลเทอร์นาอาจพบความผิดปกติบางอย่างในร่างกายเขาหลังจากเข้าไปในอยู่ในมือซ้ายของเขา เป็นเพราะมีความไม่สมดุลบางอย่างระหว่างร่างกายกับดวงวิญญาณของเขาหรือไม่นะ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ลูเซียนรู้ดีว่าปัญหานี้มาจากตัวเขาเอง เขาเป็นกังวลมาก เพราะเขารู้ดีว่ามีเวทมนตร์สายคำสาปจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกหลัก!

เขาต้องรู้คำตอบให้ได้ในคืนนี้

ลูเซียนทิ้งความกังวลทั้งหมดทิ้งไปแล้วเดินเข้าไปยังเขตคนยากไร้ขณะสวมชุดผ้าลินิน ครั้งนี้ เขาปลอมตัวเป็นผู้ศรัทธาลับๆ ของพระแม่แห่งปฐพี

“มาสวดภาวนาหรือ” ขอทานผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วขณะเดินผ่านเขา ขอทานผู้นั้นเหลือบมองลูเซียนและนำทางเขาไป

ลูเซียนกระซิบตอบ “ใช่ ข้าตั้งใจมาพบนักบวชแองกริส”

ลูเซียนเดินไปตามทิศทางที่ขอทานเดินนำ เขาเดินผ่านถนนโกโรโกโสและได้เจอกับผู้ศรัทธาคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ผลัดกันนำทางเขาไปยังกระท่อมดินหน้าตาธรรมดาๆ หลังหนึ่ง

ลูเซียนแตะใบหน้าตน ใบหน้าที่มิใช่ของเขา มันให้ความรู้สึกดีไม่น้อยที่มีใบหน้าที่ผู้ศรัทธาคนอื่นๆ จำได้ ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ เขาต้องใช้เวทมนตร์ควบคุมจิตใจหลายบททีเดียวกว่าจะเข้าไปได้

หลังจากผลักประตูของกระท่อมดินเข้าไป ลูเซียนก็เห็นชายชราร่างผอมแห้งที่นั่งคุกเข่าและก้มลงจูบพื้นอยู่

“นักบวชแองกริส ข้าขออภัยที่มารบกวนท่าน” ลูเซียนกล่าวอย่างสุภาพ

ใบหน้าเหี่ยวย่นของแองกริสปรากฏรอยยิ้มกว้าง “มิเป็นไร ข้ากำลังดีใจอย่างยิ่งที่ได้ยินว่าพระเจ้าเทียมเท็จสององค์ถูกโค่นลงแล้ว”

เนื่องด้วยตอนนี้เทวสถานต่างๆ ต้องเผยแพร่คำสอนอย่างลับๆ จำนวนผู้ศรัทธาที่มีศักยภาพจึงลดลงฮวบ ด้วยเหตุนี้ ความขัดแย้งระหว่างเทวสถานทั้งหกจึงปะทุรุนแรงและตรงไปตรงมา นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างนักบวชในท้องถิ่นก็แย่ลงอย่างรวดเร็ว

“อะไรนะขอรับ พระเจ้าเทียมเท็จสององค์ถูกโค่นลงแล้ว” ลูเซียนตกตะลึงอย่างแท้จริง

แองกริสยืนขึ้น “ตอนที่ข้าสวดภาวนาช่วงเช้าตรู่วันนี้ พระแม่แห่งปฐพีได้ส่งสารมาถึงข้า แต่ข้าคิดว่าตัวเองตีความผิดไป แต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ข้าก็ได้รับการยืนยันว่ารูปปั้นของเทพเจ้าแห่งพายุและเทวีแห่งความรักแตกร้าวแล้ว และนักบวชของเทพทั้งสองก็สูญเสียพลังอันศักดิ์สิทธิ์ไปเช่นกัน”

“เทพเจ้าแห่งการไถ่บาปเป็นผู้ลงมือใช่หรือไม่ขอรับ” ลูเซียนประหลาดใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าแอลกับฟรานซิสลงมือได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

แองกริสพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง “ใช่”

เมื่อเห็นทีท่าของแองกริส ลูเซียนก็พลันตระหนักว่าพระเจ้าเทียมเท็จบางองค์จากทั้งหกองค์ได้หักหลังพันธมิตรของพวกเขาแล้ว อย่างน้อย พระแม่แห่งปฐพีก็เป็นพันธมิตรกับแอลแน่ๆ การโค่นล้มพระเจ้าเทียมเท็จทั้งสองคือหลักฐานที่พิสูจน์ความซื่อสัตย์ของพระแม่แห่งปฐพีต่อแอล มิเช่นนั้นแอลกับฟรานซิสอาจไม่มีทางสร้างความคืบหน้าได้ก้าวใหญ่ถึงเพียงนี้

“ขอให้พระแม่อำนวยพรเรา” ลูเซียนกล่าว

แองกริสทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนอก “ตอนนี้เราควรเรียกพระองค์ว่า ‘เทวทูตแห่งปฐพี’”

พฤติกรรมของแองกริสทำให้ลูเซียนนึกขัน

แองกริสมิคิดปิดบังข่าวสารนี้กับเหล่าผู้ศรัทธา ในช่วงเวลาหนักหนาเช่นนี้ พวกเขาจำเป็นต้องมีข่าวดีเพื่อความสำราญ

ลูเซียนคาดเอาไว้แล้ว เขาโค้งตัวอีกครั้ง พร้อมกับแย้มยิ้มจริงใจ

หลังออกมาจากเขตคนยากไร้ ลูเซียนก็เปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้งในป่าใกล้ๆ กับแม่น้ำ ท่ามกลางความมืดมิดนั้น เขากลับไปยังเขตคนยากไร้อีกคราจากอีกทางด้านหนึ่ง คราวนี้ จุดหมายเขาคือกลุ่มลับของผู้ศรัทธาเทพแอล และเป้าหมายของเขาก็คือการยืนยันข่าวสารที่เพิ่งได้ยินมา

ในฐานะอดีตผู้ริเริ่ม ลูเซียนจึงรู้จักตัวแทนหลายคนภายในเมืองฮูซัม ลูเซียนได้รับรู้ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากพวกเขาหลังจากการตายจอมปลอมของตัวเขาเอง

ในตอนที่เขาเข้าใกล้เขตคนยากไร้ ลูเซียนได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาอยู่ในมุมหนึ่ง ลูเซียนหันไปมองเล็กน้อย และก็เห็นว่าตรงเงามืดนั้นคือชายหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมผ้าลินินตัวยาว

ไม่ใช่สิ เป็นสตรี ลูเซียนหรี่ตาลง สตรีปลอมกายกระตุ้นความสนใจของลูเซียนอย่างยิ่ง

ช่วงที่ผ่านมา ลูเซียนคอยแอบมองหาคนนอกที่น่าสงสัยมาตลอด ด้วยหวังว่าจะเจอผู้พิทักษ์ราตรีและจับตัวมาเค้นหาข้อมูลที่ต้องการ แน่นอน สตรีนางนี้คือเป้าหมายที่ลูเซียนต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ลูเซียนเดินต่อไป เขาไม่หยุดฝีเท้าเลยจนกระทั่งเข้าไปในเขตคนยากไร้และหามุมมืดที่ไม่มีผู้คน ลูเซียนสงบจิตใจแล้วร่าย ‘เวทรู้แจ้งเห็นจริง’ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง แล้วเดินออกจากเขตคนยากไร้ แสร้งทำเป็นกำลังเร่งรีบ

ในตอนที่เขากลับมายังมุมที่สตรีนางนั้นยืนอยู่ ลูเซียนก็แสร้งทำเป็นเพียงเหลือบมองธรรมดาๆ แต่ลูกนัยน์ตาของเขาในตอนนี้กลับดูมืดมิดลึกล้ำยากจะหยั่งถึง

‘เวทรู้แจ้งเห็นจริง’ คือเวทมนตร์ระดับหกที่ทรงพลังของโหราศาสตร์ซึ่งจะทำให้ผู้ร่ายมองผ่านภาพมายา สภาพล่องหน การแปลงกาย ความมืด ความคลุมเครือ เงาสะท้อน ประตูลับ และมิติพิเศษบางประเภท ส่วนความแน่นอนนั้นขึ้นอยู่กับพลังข องผู้ร่าย สตรีนางนี้มีพลังระดับต่ำกว่าลูเซียนมาก ดังนั้นการปลอมแปลงกายจึงถูกลูเซียนมองออกได้อย่างง่ายดาย และกลับกลายเป็นว่านางคือหนึ่งในคนรู้จักของลูเซียน

นางคือโซเฟีย

ลูเซียนจำได้ในทันทีว่าสตรีที่ดูท่าทางใสซื่อและงดงามดั่งนางฟ้าตัวน้อยผู้นี้คือเจ้าหญิงโซเฟียแห่งจักรวรรดิไฮลซ์ศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่ลูเซียนเห็นนาง เขาก็นึกไปถึงรูดอล์ฟที่สอง พระบิดาผู้ทรงอำนาจน่าคร้ามเกรงของนาง บุคคลระดับตำนานที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้แตะความลับส่วนหนึ่งของปีศาจโบราณทั้งเจ็ดและเหล่าเทพเจ้าแห่งบรรพกาล ความคิดนั้นทำให้ลูเซียนปวดหัว

ดังนั้น เมื่อลูเซียนรู้ตัวตนของโซเฟีย เขาก็ตัดสินใจยกเลิกความคิดที่จะจับตัวนางมาเค้นข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งของสภาเวทมนตร์ในทันที เขาเคยได้รับบทเรียนมาแล้วเมื่อคราวอยู่ในปราสาทใต้ดิน มีความเป็นไปได้ว่ารูดอล์ฟที่สองผู้เปี่ยมด้วยปริศนาอาจจะนำภาพจำลองของพระองค์แฝงเข้ามาในตัวธิดาของตนเองแล้วก็เป็นได้

ลูเซียนส่ายศีรษะแล้วเร่งฝีเท้าจากไป

โซเฟียไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนเองเพิ่งจะโชคดี นางยังคงเดินไปเดินมาตรงมุมนั้น ด้วยรู้สึกขยะแขยง นางหาได้อยากจะก้าวเข้ามาในเขตสกปรกส่งกลิ่นเหม็นเช่นนี้เลยสักนิด

ไม่นานหลังจากนั้น ลูเซียนก็ได้พบคนรู้จักคนที่สองหลังออกมาจากเขตคนยากไร้ ในตอนที่ชายผู้หนึ่งเดินออกมาจากป่า ลูเซียนก็จำเขาได้ในทันที

เป็นฟรานซิส!

และฟรานซิสก็เดินตรงไปยังมุมที่โซเฟียยืนอยู่

ลูเซียนนึกสงสัยว่าว่าฟรานซิสกับโซเฟียไปรู้จักกันตอนไหน และความสงสัยนั้นก็ทำให้ฝีเท้าของเขาช้าลง ฟรานซิสจึงเหลือบมามองทันที ลูเซียนจำต้องเก็บงำความคิดแล้วเดินต่อไป แสร้งทำเป็นผู้ที่ผ่านทางมาเฉยๆ ในตอนนั้นเอง ชายอีกคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมผ้าลินินตัวยาวก็เดินออกมาจากเขตคนยากไร้ เขาดูท่าทางมืดหม่นและโหดเหี้ยม

ฟรานซิสยังคงจดจ้องแผ่นหลังของลูเซียนจนกระทั่งลูเซียนเดินห่างออกไปไกล จากนั้นเขาจึงหันกลับมาในที่สุด และพยักหน้าให้กับชายผู้นั้นกับโซเฟีย

“ดี เจ้าทั้งสองมาตรงเวลา เราไปที่อื่นกันเถิด”

หลังจากเดินต่อไปอีกสักพัก ลูเซียนก็แปลงกายเป็นแมลงวันและบินกลับไปยังมุมมืดนั้น ทว่า ฟรานซิส โซเฟีย และชายผู้นั้นต่างหายตัวไปแล้ว และจุดนั้นก็มิมีเบาะแสใดทิ้งไว้เลย

ลูเซียนถอนหายใจและล้มเลิกแผนการไปเยี่ยมเยียนผู้ศรัทธาเทพแอลในวันนี้ จากนั้นเขาก็กลับไปยังสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งอยู่ในเขตสามัญชน

หลังจากปิดหน้าต่างและเปิดใช้งานวงแหวนเวทเตือนภัย ลูเซียนก็กำจัดความคิดทั้งหมดเกี่ยวกับฟรานซิสและโซเฟียออกไป และเพ่งจิตไปที่ข้างในตัว เขาต้องหาคำตอบให้ได้ว่าความรู้สึกเย็นเยียบนี้มาจากจุดไหน มิเช่นนั้นเขาอาจเป็นกังวลตลอดทั้งวันทั้งคืน!

เพราะความรู้สึกเย็นเยียบนี้อาจเกี่ยวข้องกับพลังชั่วร้ายและความตาย ลูเซียนจึงตัดสินใจลองดูสักตั้ง

ร่างกายเขาพลันถูกปกคลุมด้วยแสงจันทร์สีเงินชั้นหนึ่ง แล้วกล้ามเนื้อเขาก็ดูกำยำขึ้นเล็กน้อย ก่อรูปร่างเป็นเส้นโค้งงดงาม รัศมีรอบกายเขากลายเป็นกดข่มและหนักอึ้ง

เวทมนตร์ระดับหก ‘เวทแปลงกายเปเลอร์!’

เวทบทนี้สร้างขึ้นโดยเหล่านักเวทในจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณจากความล้มเหลวหลายครั้งหลายคราในการพยายามผสมผสานพลังโลหิต ‘เวทแปลงกายเปเลอร์’ สามารถเปลี่ยนนักเวทให้เป็นอัศวินในระดับเดียวกันชั่วเวลาหนึ่ง และพลังของอัศวินก็ขึ้นอยู่กับสายเลือดของผู้ร่ายเอง ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพละกำลัง ความคล่องแคล่ว ความเร็ว หรืออำนาจจิตกับความสามารถในการสลายกายกลมกลืนไปกับแสงจันทร์ ลูเซียนถือเป็นอัศวินอาภาระดับหกที่แท้จริง

เขาหยิบ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ ออกมาจากกระเป๋ามิติ สูดหายใจเข้าลึกสองสามครั้ง แล้วค่อยๆ ยกดาบขึ้น แต่บัดนี้ เป้าหมายก็คือตัวเขาเอง

ดาบหน้าตาธรรมดาๆ เล่มนี้กลับบรรจุพลังที่น่าหวั่นเกรงเอาไว้ หัวใจลูเซียนเต้นรัวแรงก่อนที่มันจะแตะโดนหน้าผากเขาด้วยซ้ำ และพลังที่อยู่ภายในร่างเขาก็กระตุ้นให้เขาหยุดมือบัดเดี๋ยวนี้

ในตอนนั้นเอง ความรู้สึกเย็นเยียบและการกดข่มก็แผ่มาจากมือซ้ายของลูเซียน ทำให้สติเขาแจ่มใส เสริมอำนาจจิตเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความกลัวในส่วนลึกจึงไม่ส่งผลใดๆ ต่อเขาอีกต่อไป ลูเซียนทาบใบดาบกับหน้าผากตนและแทงเข้ามาทีละนิ้วๆ ด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า

หน้าผากเขาเจ็บแปลบ แต่เขาก็ไม่คิดหยุดมือ

ทันใดนั้น ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ ก็เปล่งประกายแสงสีเงินโลหะ พลังที่แผ่พุ่งออกมาจากตัวดาบให้ความรู้สึกยิ่งกว่าอบอุ่นและเด็ดเดี่ยว ลูเซียนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน แล้วร่างกายกับดวงวิญญาณของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง

ลูเซียนหยุดกดแทงดาบในทันใด เขาสัมผัสถึงใบดาบที่เย็นเยียบแหลมคมบนหน้าผากได้อย่างชัดเจน

ในขณะเดียวกันนั้น ที่ด้านหลังลูเซียน ปรากฏใบหน้ามนุษย์ซีดเซียวบิดเบี้ยวที่ระเหยหายไปในอากาศพลางกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน

ใครบางคนทิ้งสิ่งนี้ไว้ในร่างของลูเซียน!

ไม่แปลกเลยที่รามีโร่จะสะกดรอยตามลูเซียนมาถึงที่นี่ได้!

นี่หาใช่ความบังเอิญแน่นอน!

ลูเซียนมักจะเป็นคนอ่อนโยนและสงวนท่าทีอยู่เสมอ แต่บัดนี้เขากลับดูท่าทางกรุ่นโกรธมากทีเดียว หยาดโลหิตที่ไหลลงมาจากหน้าผากยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวสยดสยอง

ผู้ที่กระทำการนี้มิได้ปรับเปลี่ยนความทรงจำของลูเซียน บางทีคนผู้นั้นคงกลัวว่าจะได้เห็นความคิดแปลกๆ ไร้สาระทั้งหลายในหัวลูเซียนก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ ‘เครื่องบดศีรษะ’ คิดอยู่นั้นคงจะทำให้ศีรษะของคนอื่นระเบิดได้ทุกเมื่ออย่างแน่นอน