ตอนที่ 496 ทำลายล้างอาณาจักรอินทรีสวรรค์ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 496 ทำลายล้างอาณาจักรอินทรีสวรรค์ (2)

นิกายพยัคฆ์มังกรเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ หลังจากที่พวกเขาถอยไปแล้ว อาณาจักรอินทรีสวรรค์ก็ไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากอาณาจักรฉินหวงได้อีกต่อไป เซียนสวรรค์คนอื่นจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ไม่ต้องการที่จะสู้ต่อและทิ้งชีวิต พวกเขาถูกดึงมายุ่งกับเรื่องนี้เพราะอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ในขณะที่ไม่มีใครที่มีความแค้นส่วนตัวกับอาณาจักรเกอซุน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นพวกเขาจึงยอมแพ้โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

นิกายพยัคฆ์มังกรเป็นเสาหลักของเซียนสวรรค์ในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่เซียนสวรรค์นั้นเป็นเสาหลักที่สนับสนุนทหารธรรมดาซึ่งต่อสู้อยู่ด้านล่าง ดังนั้นเมื่อเซียนสวรรค์ทั้งหมดถูกจับกุม ทหารทั้งหมดก็สูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้และเริ่มยอมแพ้

หลังจากที่หาโซ่เหล็กหนาได้แล้ว เจี้ยนเฉินให้เซียวเทียนและคนอื่น ๆ มัดเซียนสวรรค์เอาไว้ แม้ว่า โซ่จะไม่ได้ออกแบบมาที่จะทำแบบนั้น แต่ในสายตาของทหารธรรมดาด้านล่าง ความจริงนั้นก็ค่อนข้างแตกต่างออกไป

จากการปฏิบัติเช่นนี้ของอาณาจักรฉินหวง เซียนสวรรค์ก็เงียบและโกรธจนควันออกหู แต่พวกเขาก็ได้แต่กลืนความโกรธและความอับอายเอาไว้ แม้ว่านี่จะเป็นการเสียหน้าต่อหน้าพวกทหารทั้งหมด แต่ถ้ามันหมายความว่าชีวิตของพวกเขาจะปลอดภัย พวกเขาจะรักษาหน้าไปทำไม ? นอกเหนือไปจากนั้นการที่ถูกจับด้วยน้ำมือของที่ปรึกษาจักรพรรดิอาณาจักรฉินหวงนั้นก็ไม่ได้แย่สักเท่าไรนัก

“เซียวเทียน พวกเจ้า 10 คนอยู่ที่นี่แล้วจับตาดูพวกเขาเอาไว้ ถ้ามีคนพยายามที่จะขัดขืนหรืออื่น ๆ ฆ่าพวกเขาซะ” เจี้ยนเฉินสั่งที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งสิบ

“ขอรับ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ! ” เซียวเทียนตอบกลับก่อนที่จะนำเซียนสวรรค์ที่ถูกจับไปยังด้านล่างกำแพง

เจี้ยนเฉินมองไปที่ฉินหวู่หมิงและอีกทั้งสองคน “ฉินหวู่หมิง ฉินหวู่เทียน ฉินหวู่เจี้ยน ให้กองทัพเทพดาบตะวันออก 100,000 คนตามข้าไปล้อมที่พระราชวัง” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินนั้นแฝงไว้ด้วยความสง่างามอย่างไม่รู้ตัว บางทีอาจเป็นเพราะเขาได้ออกคำสั่งมาสักพักแล้วในตอนนี้ เจี้ยนเฉินจึงมีอำนาจแบบนี้โดยธรรมชาติในตัวของเขา

“ขอรับ ! ” ฉินหวู่หมิงเรียกระดมพลทันที

เจี้ยนเฉินลดตัวลงไปบนพื้นช้า ๆ ก่อนที่จะลงไปอยู่ข้างพระราชาของอาณาจักรเกอซุนและคนอื่น ๆ

“เซียงเอ๋อ สถานการณ์ด้านหน้าเป็นอย่างไรบ้าง ? อาณาจักรอินทรีสวรรค์นำจอมยุทธมากมายมาได้อย่างไร ? ” เจียงหยางป้าเป็นคนแรกที่ถามออกมา เขากังวลมากเกี่ยวกับการต่อสู้ข้างหน้า แต่เพราะว่าเขาอยู่ห่างมาก เขาจึงไม่สามารถที่จะเห็นสถานการณ์ได้ชัดนัก

“ท่านพ่อ ทุกอย่างเรียบร้อยดี อาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้เซียนสวรรค์มาเป็นผู้ช่วยหลายคน แต่พวกเขาล่าถอยไปแล้วในตอนนี้ จอมยุทธทั้งหมดของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นยอมแพ้แล้วและถูกพวกเราจับกุม เมืองถูกยึดแล้ว ทั้งหมดที่พวกเราต้องทำก็คือการจับกุมพระราชาในพระราชวังของเขา” เจี้ยนเฉินพูดอย่างสงบ สำหรับเขาแล้ว นี่ก็เกือบเป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีอารมณ์อะไรมากนัก

“ฮ่าฮ่า หลานรักของข้า ให้ข้าไปกับเจ้าที่พระราชวัง พระราชาคนนี้อยากเห็นพระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์อยู่ในสภาพแบบนั้น” พระราชาของอาณาจักรเกอซุนหัวเราะ มีความอยากรู้อยากเห็นในน้ำเสียงของเขา และในตอนนี้ เขานั้นก็ไม่มีสภาพเหมือนเป็นพระราชาเลย

“ข้าอยากจะไปเหมือนกัน ! ” องค์หญิงโหยวเยว่กระตือรือร้นเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะนางตื่นเต้นมากเกินไป หน้าของนางจึงค่อนข้างกลายเป็นสีชมพู แต่สีชมพูนี้ก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับนาง

เจี้ยนเฉินยิ้ม “ในตอนนี้ จอมยุทธของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้ถูกจับหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ในพระราชวังมีเพียงเซียนปฐพีและคนอื่น ๆ เท่านั้น หมายความว่ามันไม่น่าจะมีอันตรายเลย เช่นนั้นพวกเราทั้งหมดจะเข้าไปพร้อมกัน”

ทหาร 500,000 คนของอาณาจักรเกอซุนไม่ได้เข้าไปในเมืองและตั้งค่ายอยู่ที่ด้านนอกแทน เจี้ยนเฉินนำพระรราชา เจียงหยางป้า และคนอื่น ๆ บนหลังสัตว์อสูรเข้าไปในเมืองบนถนนที่เต็มไปด้วยคราบเลือด บางครั้งเลือดก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ กลิ่นนั้นคาวมากคนกระทั่งองค์หญิงต้องใช้มือของนางปิดจมูกเอาไว้ และนางก็หลับตาเพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องมองบนพื้น

ข้างในเมืองนั้นเหมือนดินแดนบริสุทธิ์ในโลกที่แยกตัวออกมา แม้ว่าจะมีควันลอยโชยคละคลุ้งอยู่รอบ ๆ บ้าง แต่ก็ไม่เต็มไปด้วยเลือดเหมือนด้านนอกเมือง ทุกอย่างดูสงบสุขในตอนนี้ที่นี่ เมื่อเดินทางเข้าไปในเมืองสักพัก เจี้ยนเฉินก็พบฉินหวู่หมิงและคนอื่นอีก 2 คนที่ขี่สัตว์อสูรอยู่ในที่สุดพร้อมกับหน่วยทหารของพวกเขา

“ไปที่พระราชวัง ! ” เจี้ยนเฉินตะโกน เขาขี่สัตว์อสูรอยู่ด้านหน้าสุดและมุ่งไปทางพระราชวัง ที่สองข้างทางถนน สามัญชนและทหารรับจ้างยืนดูอยู่ข้าง ๆ นิ้วของพวกเขาชี้ไปที่กองทหารของอาณาจักรฉินหวงพร้อมกับซุบซิบไม่หยุด แต่ใบหน้าของทุกคนนั้นดูกังวล กลัว และเกรงสิ่งที่สงครามจะทำกับพวกเขา

ด้วยความเร็วที่ทหารเคลื่อนที่ไป มันก็ใช้เวลาน้อยกว่าเทียนไขหมดเล่มก่อนที่พวกเขาจะไปถึงที่ประตูของพระราชวังอาณาจักรอินทรีสวรรค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับในอดีตแล้ว พระราชวังนั้นก็ได้สูญเสียความยิ่งใหญ่ทั้งหมดของมันไป แม้ว่ายามรักษาการณ์ทั้งหมดจะอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาทั้งหมดก็ท่าทางเยือกเย็นและอ้างว้าง เกือบจะเหมือนว่ามันเป็นพิพากษาของพวกเขา

ในตอนที่กองทหารที่อยู่บนกำแพงเห็นกลุ่มของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดไปทันทีก่อนที่พวกเขาจะลงไปจากกำแพงด้วยความตกตะลึง

“ล้อมพระราชวังเอาไว้ อย่าให้ใครออกมาได้ ! ถ้ามีคนไม่ทำตาม ฆ่าโดยไม่ต้องสนใจ” เจี้ยนเฉินสั่งออกไปเสียงดังเพื่อให้ทุกคนจากกองทัพเทพดาบตะวันออกได้ยิน

“ขอรับ ! ” ทหารหลายหมื่นคนทั้งหมดคำรามออกมาจนดังไปถึงสวรรค์ก่อนที่จะล้อมพระราชวังไว้ในพริบตา

เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ขี่สัตว์อสูรไปที่พระราชวังอย่างช้า ๆ ด้านหลังของพวกเขามีกลุ่มของทหารฝีมือดีจำนวน 100 คน แต่ละคนเป็นเซียนปฐพี

ในตอนนี้ภายในพระราชวัง พระราชานั่งอยู่คนเดียวด้วยท่าทางหมดสภาพบนบัลลังก์มังกรของเขา สายตาของเขาเหม่อลอย ในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ พระราชวังโดยไม่มีจิตวิญญาณในดวงตาเลย เขาได้รับรายงานเกี่ยวกับผลลัพธ์ของสงครามแล้ว ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะพึ่งพลังอำนาจของนิกายพยัคฆ์มังกรเพื่อที่จะหลีกหนีจากเคราะห์ร้ายนี้ได้ ด้วยการที่นิกายพยัคฆ์มังกรเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนหยวนซึ่งพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาณาจักรฉินหวงเลย เขาคิดว่าแม้แต่อาณาจักรฉินหวงยังต้องกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกนั้น

เขาไม่คิดว่าอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรฉินหวงจะตั้งใจทำลายอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเขาขนาดนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะไล่นิกายพยัคฆ์มังกรกลับไป พวกเขายังสาบานที่จะเหยียบย่ำอาณาจักรอินทรีสวรรค์อีกด้วย

พระราชามองไปรอบรอบโถงของพระราชวังที่ว่างเปล่า เขารู้สึกโศกเศร้าในใจของเขา เขารู้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ อาณาจักรอินทรีสวรรค์จะต้องเผชิญกับประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันย้อนกลับคืนมาได้

“เฮ้อ คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริงจริง แค่เรื่องผิดพลาดง่าย ๆ ในอดีต หยาดเหงื่อและเลือดของชนรุ่นก่อนรุ่นแล้วรุ่นเล่าที่เสียไปในการก่อตั้งอาณาจักรนี้ต้องล่มสลายไป” ราชาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ในตอนนี้ ขันทีของพระราชวังก็รีบวิ่งเข้ามาในท้องพระโรง เขาพูดอย่างเร่งรีบ “ฝ่าบาท องค์ชายใหญ่ องค์ชายรองและองค์ชายสามได้เข้าไปในทางลับและหนีไปได้สำเร็จแล้ว มีเวลาเหลืออีกไม่มาก ฝ่าบาทต้องรีบเสด็จไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว”

พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ส่ายหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ขันทีของพระราชวังก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร

“ฝ่าบาท ไม่มีเวลาเหลือแล้ว กองทหารของอาณาจักรฉินหวงได้เข้ามาในพระราชวังแล้วและจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า ฝ่าบาท ถ้าพวกเราไม่ไปตอนนี้ มันจะสายเกินไป พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ตราบใดขุนเขายังเขียวขจี อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา ตราบใดที่พวกเรายังมีชีวิตรอดอยู่ พวกเราก็มีโอกาสที่จะแก้แค้นได้” ขันทีพูดอย่างตื่นตระหนก

“ไม่ ข้าจะไม่หนี ! ” พระราชาพูดออกมาในที่สุด เขาไล่ให้ขันทีไป แล้วเขาก็ยืนขึ้นบนบัลลังก์และมองไปที่ท้องพระโรงของพระราชวังที่ว่างเปล่า ด้วยจิตวิญญาณที่มืดมน เขาพึมพำออกมา “ถ้าเจ้าอยากจะไปก็ไปซะ พระราชาคนนี้จะไม่ไปไหน ข้าจะอยู่ที่นี่และไม่ไปจากที่นี่ ข้าจะอยู่ที่นี่”

“ฝ่าบาท อย่าทรงตรัสเช่นนั้นเลย มันไม่มีเวลาแล้ว พวกเราจะต้องไปทันที ! ไม่มีเวลาแล้วหากเราช้ากว่านี้” ขันทีตกตะลึงในตอนนี้และเริ่มดึงแขนพระราชา

“ออกไป ! ” พระราชาตะโกนระเบิดออกก่อนที่จะเหวี่ยงแขนสะบัดขันทีออกไป “พระราชาคนนี้จะไม่ไปไหน ข้าจะอยู่กับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ เมื่ออาณาจักรยังอยู่ ผู้คนก็ยังอยู่ ถ้าอาณาจักรตาย คนก็จะตายไปด้วย ! ” พระราชาเริ่มใช้อารมณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ กับคำพูดขณะที่ตะโกนออกมา