ถังซียิ้มตอบ เฉียวเหลียงหันไปสั่งคนของเขาให้แยกย้ายกันไปได้ แล้วเขาก็พาเธอเดินออกไปนอกตึก เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกมา อาหกซึ่งยืนพิงประตูรถพิมพ์ข้อความอยู่บนแป้นพิมพ์ ก็รีบเก็บคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ ถังซียิ้มให้เขา ระยะหลังมานี้เธอยิ่งสวยขึ้นทุกวัน อาหกจึงหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเธอยิ้มให้ เขายกนิ้วแตะจมูก ท่าทางเขินอายแล้วก้มศีรษะลง ไม่ยอมสบตาถังซี

 

 

ถังซีมองอาหกอย่างงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นรถ ขณะนั้นอาหกรู้สึกได้ว่ามีสายตาเย็นเยือกพุ่งมาที่เขา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉียวเหลียงกำลังจ้องเขม็ง เขารู้สึกหนาวสะท้านด้วยสายตาพิฆาตนั้น มิน่าล่ะ เขาถึงได้หนาวสั่นในฉับพลัน เพราะนายน้อยเกิดหึงขึ้นมานี่เอง!

 

 

คุณถัง โปรดอย่ายิ้มให้ผมอีกเลย! ผมรับไม่ไหว! นายน้อยฝังผมทั้งเป็นแน่ ถ้าเห็นคุณยิ้มให้ผมอีก!

 

 

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงเฉียวเหลียงเย็นเฉียบ

 

 

อาหกรีบพยักหน้า “ครับ เรียบร้อยครับ ผมจัดการหยุดการทำงานของดาวเทียมเฝ้าระวังในบริเวณนี้ทั้งหมดชั่วคราว และทำลายกล้องวงจรปิดภายในตึก รวมทั้งบริเวณรอบอาคารหลังนี้ทั้งหมดด้วย วางใจได้ครับ นายน้อย”

 

 

เฉียวเหลียงส่งเสียงคำรามอยู่ในลำคอ ถังซีเลิกคิ้ว มิน่าเล่า เขาถึงได้เดินเข้าไปในสำนักงานของฉินเปิ่นหยวนโดยไม่ต้องปลอมตัวใดๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะเขามีแฮกเกอร์มือหนึ่งทำงานให้นี่เอง เขาจึงไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครเห็นหรือจำเขาได้!

 

 

จากนั้นอาหกก็กล่าวขึ้นว่า “มีอีกเรื่องหนึ่งครับ เครื่องบินส่วนตัวของคุณเก้ามีปัญหานิดหน่อย เขาเลยขอยืมเครื่องบินของนายน้อยไปใช้ และขอให้ผมช่วยบอกนายน้อยให้ด้วย… แต่นายน้อยกำลังยุ่งอยู่บนตึกนั่น ผมเลยจองตั๋วเที่ยวบินเวลาสามทุ่มครึ่งให้แล้ว เป็นที่นั่งเฟิสต์คลาส”

 

 

เฉียวเหลียงหรี่ตามองอาหก ซึ่งรีบหักหลังหลินหย่วนในทันใดโดยบอกว่า “คุณเก้าบอกว่านายน้อยตกลงให้ยืมแล้วเมื่อเช้านี้ ให้ผมแค่บอกคุณ… ผมก็เลย…”

 

 

เฉียวเหลียงทำหน้าถมึงทึง หยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลข “คุณชักจะกล้าขึ้นทุกวันแล้วนะ”

 

 

หลินหย่วนซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศและไวน์ชั้นดี พูดผ่านโทรศัพท์ที่มีไว้ใช้งานเฉพาะบนเครื่องบินด้วยรอยยิ้ม “เครื่องบินของผมมีปัญหานิดหน่อย แล้วผมก็มีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการที่เบอร์ลิน ส่วนคุณก็ยุ่งอยู่กับการดูแลสุภาพสตรีคนสวยในเมืองหลวง ไม่มีเวลาไปส่งผมที่เบอร์ลินหรอก ผมเลยต้องขอยืมเครื่องบินคุณมาใช้ก่อน อย่าขี้หวงไปหน่อยเลยน่า แล้วผมก็จองตั๋วเครื่องบินเฟิสต์คลาสให้คุณเรียบร้อยแล้วด้วย”

 

 

“อาหกต่างหากที่เป็นคนจองตั๋วให้ผม” เฉียวเหลียงขัดหลินหย่วนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

 

หลินหย่วนหัวเราะ “ผมบอกให้อาหกจอง ก็เหมือนผมจองเองนั่นแหละ ถึงที่นั่งเฟิสต์คลาสจะไม่สบายเท่าเครื่องบินส่วนตัวของคุณ แต่ก็ใช้ได้น่า จากเมืองหลวงไปเมือง A ใช้เวลาแค่สองชั่วโมง น้อยกว่าผมตั้งเยอะ”

 

 

เฉียวเหลียงทำเสียงคำรามในคอ และถามขึ้นอย่างกะทันหันว่า “นี่คุณอยู่ที่ไหน”

 

 

หลินหย่วนดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่าในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็รู้จักเป็นห่วงเขา แต่ก่อนจะได้ตอบคำถามนั้น เฉียวเหลียงก็บอกว่า “เตรียมลงจอดฉุกเฉิน และลงจอดทันทีที่หาสนามบินที่ใกล้ที่สุดได้”

 

 

หลินหย่วนเลิกคิ้ว ถามอย่างสงสัย “ทำไมล่ะ”

 

 

เฉียวเหลียงยิ้ม ต่อมาก็ได้ยินเสียงกัปตันเอ่ยขึ้น “คุณเก้าครับ เครื่องบินน้ำมันกำลังจะหมด แถวนี้มีแต่ภูเขา ดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้ร่มชูชีพโดดออกจากเครื่อง เครื่องบินกำลังจะระเบิดในอีกไม่นานนี้!”

 

 

หลินหย่วนตกตะลึง ตะโกนใส่โทรศัพท์ว่า “บ้าที่สุด นี่คุณจัดฉากไว้ใช่ไหม เฉียวเหลียง คุณนี่มัน…”

 

 

เฉียวเหลียงหัวเราะเบาๆ อย่างสะใจ กล่าวว่า “ก็คุณไม่ถามผมก่อนนี่ ว่าเครื่องบินมีน้ำมันพอหรือเปล่า จริงไหม จู่ๆ ก็มาเอาเครื่องบินผมไปบินโดยไม่บอกสักคำ ความผิดใครล่ะ” เขายิ้มอีก “อ้อ ลืมบอกไปว่า บนเครื่องดูเหมือนจะมีร่มชูชีพอยู่แค่สองชุด กับร่มธรรมดาอีกสองสามคัน คุณอาจต้องใช้ร่มธรรมดาโดดลงมานะ ขอให้เที่ยวให้สนุกท่ามกลางหุบเขาก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็วางสายด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ อาหกก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาควรลาออกจากงานดีไหม ถ้านายน้อยเกิดแนะนำแฟนหน้าตาขี้เหร่ให้เขาล่ะ เขาไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงขี้เหร่หรอกนะ!

 

 

เขามั่นใจว่าสายตานายน้อยมีประกายอำมหิตอยู่เต็มเปี่ยม ตอนที่คุณถังยิ้มให้เขา!

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง ถังซีถึงกับกะพริบตาปริบๆ แต่แล้วก็ยิ้มออกมา แล้วกล่าวว่า “คุณนี่เกเรจริง น้ำมันเต็มถังอยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนที่คุณบอกให้กัปตันตรวจสอบเครื่องก่อนขึ้นบิน”

 

 

เฉียวเหลียงมองถังซี แล้วยิ้ม “ถังน้ำมันอาจจะรั่วก็ได้”

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอก” ถังซีส่ายศีรษะ นี่คงจะเป็นแผนการซุกซนของเฉียวเหลียง เพราะเขาเดาได้ว่าหลินหย่วนจะมาเอาเครื่องบินไปใช้โดยไม่บอก

 

 

ทางอีกด้านหนึ่ง เครื่องบินกำลังกระตุกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองไปที่ร่มชูชีพสองชุด และร่มกันแดดสองสามคันที่วางอยู่บนเครื่องบิน หลินหย่วนก็สบถก่นด่าเฉียวเหลียงอยู่ในใจ! พระเจ้า ในเครื่องบินลำนี้มีคนอยู่สี่คน! หลินหย่วนจิกตามองกัปตัน และตะโกนถามว่า “คุณไม่ได้ตรวจสอบเครื่องก่อนขึ้นบินหรือ น้ำมันหมดได้ยังไง!”

 

 

เขามั่นใจว่าเฉียวเหลียงต้องสั่งให้สูบน้ำมันออกจากถังแน่ หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจเช็กเครื่องเพื่อความปลอดภัยก่อนขึ้นบิน! เลวที่สุด! ให้ตายเถอะ! เขาต้องเอาคืนอย่างสาสม แบบไม่ให้เฉียวเหลียงมีโอกาสตั้งตัวเลย ครั้งต่อไปที่เจอกัน!

 

 

หลินหย่วนคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “พวกคุณใช้ร่มชูชีพ ผมจะใช้ร่มธรรมดา ผมมั่นใจว่าผมไม่ตกลงไปตายแน่นอน!”

 

 

กัปตันปฏิเสธทันที “คุณเก้าครับ ความปลอดภัยของคุณคือสิ่งสำคัญที่สุด พวกเราจะใช้ร่มธรรมดาเอง”

 

 

“พวกคุณน่ะยังเป็นทารกอยู่เลย ตอนที่ผมหัดโดดร่มด้วยร่มธรรมดา ตกลงนะ หยุดพูดได้แล้ว ผมจะใช้ร่มธรรมดา!” หลินหย่วนโบกมืออย่างหมดความอดทน “เครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูงเท่าไร”

 

 

“เราพยายามอย่างดีที่สุดที่จะลดระดับให้เหลือหนึ่งหมื่นฟุตครับ” กัปตันรายงาน

 

 

หลินหย่วนสบถด่าเฉียวเหลียงในใจอีก หยิบร่มคันหนึ่งขึ้นมา และบอกให้กัปตันเปิดประตูห้องโดยสาร

 

 

ขณะนั้นเองที่โทรศัพท์บนเครื่องดังขึ้น หลินหย่วนรับสายทันที เสียงเฉียวเหลียงถามมาว่า “ยังไม่โดดอีกเหรอ”

 

 

หลินหย่วนขบกรามกรอด “เฉียวเหลียง แล้วเราจะได้เห็นดีกัน! ความเป็นเพื่อนของเราสิ้นสุดแค่นี้! ถ้าผมรอดไปได้ ผมจะฆ่าคุณ!”

 

 

เฉียวเหลียงหัวเราะสะใจ “รักษาสัญญาด้วยนะ”

 

 

หลินหย่วนชะงัก อึ้งไปหนึ่งอึดใจ แล้วระเบิดออกมา “ผมรักษาคำพูดเสมอ จริงไหม แต่ผมคิดว่าครั้งนี้อาจจะไม่รอด! เพราะฉะนั้นไสหัวไปให้พ้น!” แต่แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวขึ้นว่า “เดี๋ยว ขอผมบอกรหัสบัญชีธนาคารก่อน ถึงผมจะไม่มีโอกาสได้ใช้เงินในนั้น แต่คุณ…”

 

 

“หุบปากได้แล้ว!” เฉียวเหลียงขัด แล้วกล่าวต่อไป “มีร่มชูชีพอีกสองชุดที่ตู้เก็บของในห้องน้ำ เร็วเข้า ผมคิดว่าเครื่องบินกำลังจะระเบิดภายในอีกสามนาที แล้วอย่าลืมเอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยล่ะ”

 

 

ว่าแล้วเขาก็วางสายทันทีโดยไม่รีรอ