ตอนที่ 712 คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถาม

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ตอนที่ 712 คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถาม

 

“สองทางเลือก” หยางเทียนกวาดตามองหลูอี้ที่แต่งองค์ทรงเครื่องตัวด้วยชุดเจ้าหน้าที่ทหาร ” ข้อหนึ่ง กลุ่มของคุณจ่ายราคาตั๋วเข้าด้วยราคาปกติ ข้อสองเนื่องด้วยค่ายของคุณอยู่ในขอบเขตพื้นที่ของเมืองอันลู ภายใต้เขตอํานาจปกครองของพลเอกชูชัน ตราบใดที่คุณเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรเข้าร่วมกับค่ายเขี้ยวหมาปา เราจะปฏิบัติเหมือนพวกคุณคือประชากรของเมืองอันดูและจะได้ส่วนลด 50%”

 

เมื่อได้ยินข้อเสนอทั้งสองเงื่อนไข กลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 2 ที่มาจากค่ายเจี้ยนอี้ส่งเสียงพูดคุยเสียงดังระงมทันที

 

“นี่ยังต้องเก็บค่าตั๋วอีกเหรอ ฉันพึ่งจะได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก?”

 

“เราติดตามท่านผู้นํา เราก็ไม่ต้องจ่ายค่าตัวเองไม่ใช่เหรอไง?”

 

“นี่ค่าตัวมันเท่าไหร่?”

 

“เมืองโรแมนติกนี่หรูหราเหลือเกิน ทุกอย่างดูมีราคาแพงทั้งนั้น ฉันกลัวว่ามันจะไม่ใช่ถูกๆ”

 

หลูอี๋ยังหาคำพูดออกจากปากตัวเองไม่เจอ –

 

“ตั๋วมีราคายังไง?” ทันใดนั้นชายคนหนึ่งที่ยืนถัดจากหลูอี๋ก็เอ่ยถามออกมา เขาแต่งตัวด้วยชุดราคาแพงและสะอาดสะอ้าน รอบกายมีกลุ่มของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ดูแตกต่างกับผู้ชายคนนี้อย่างสิ้นเชิง แววตาดูภาคภูมิในตัวเอง ดูทระนงตัวอย่างมากและเหยียดใส่คนอื่นๆ

 

หยางเทียนมองชายคนนี้ด้วยความสนใจ จากนั้นก็หันมายิ้มให้หลูอี๋ “ใครกันล่ะ หรือเป็นคนที่ซางจิงส่งมา?”

 

คําพูดของหยางเทียนมันชัดเจนในตัวเอง และมันก็ทําให้เหล่าทหารของหลูอี๋ส่งเสียงอื้ออึง

 

หลูอี๋หัวใจเต้นรัว คําพูดของหยางเทียนเป็นการหยามหน้าเขาชัด ก่อนหน้านี้เขาอยู่แต่ในค่ายเจียน วุ่นวายอย่างมาก จนในที่สุดก็รู้สึกเหมือนอํานาจของตัวเองถดถอยลง

 

เจ้าหน้าที่ซางจึงส่งมาชะงัก และรีบหันมามองหน้าหมูอี้ทันที

 

“โอ๊ะ ขออนุญาติแนะนํา” หลูอี๋ยิ้มกว้าง “นี่คือเจ้าหน้าที่ที่ซางจึงส่งมา…ขุนอี้เจีย และเขาก็เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 2 ที่มาทําการประเมิณเสาหินจากค่ายเจี้ยนอี้เช่นกัน”

 

แควิวัฒนาการระยะ 2?

 

หยางเทียนยิ้มมุมปากอย่างสนใจ เขากวาดสายตามองทั่วตัวซุนอี้เจีย แสดงความสนใจอย่างมาก “เจ้าหน้าที่จากซางจิง?”

 

ซุนอี้เจียชักสีหน้าทันที หากเขาก็รีบเก็บซ่อนสีหน้าและอารมณ์เอาไว้ เขาไม่เคยถูกมองอย่างโจ่งแจ้งและหยาบคายแบบนี้มาก่อน ซุนอี้เจียไม่ได้มองกลับหยางเทียน เขาซ่อนแววตาดูถูกและเหยียดหยามเอาไว้ ไอ้หน้าหล่อนี้มันกล้าทําตัวไม่สุภาพกับเขางั้นเหรอ?

 

“มองหาอะไร?” ซุนอี้เจียที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ถามใส่หยางเทียนทันที

 

หยางเทียนที่เห็นอีกฝ่ายหลุดความควบคุมก็พอใจอย่างมาก เขาใช้นิ้วพันเล่นผมสีเงินของตัวเองจากนั้น —

 

” ปัง!”

 

พลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 6 ระเบิดโพล่งออกมาอย่างกระทันหัน!

 

“พริป-”

 

พลังผันผวนอันรุนแรงโหมกระหน่ําปะทุขึ้นมาราวกับพายุ สิ่งของรอบๆลอยกระจายปลิวตามแรงลม ส่งผลให้กลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 2 ยืนตะลึงขาแข็ง แม้แต่หลูอี๋ซึ่งเป็นวิวัฒนาการระยะ 5 ก็ยังช็อคและอึ้งค้าง มองไปที่หยางเทียนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

 

นี้อีกฝ่ายวิวัฒนาการระยะ 6 งั้นเหรอ?

 

ได้เจอกับวิวัฒนาการระยะ 6 อีกคนแล้ว!

 

นี้ชูฮันมีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 6 อยู่ในมือกี่คนกัน? ไม่ใช่ว่าระยะ 6 ที่มีทั้งจีนกลายเป็นคนของชูฮันหมดเลยเหรอไง?

 

ในเวลาเดียวกัน หลังจากผ่านความกลัวและความกังวลไปแล้ว หลูอี๋ก็ตัดสินใจได้ว่าแม้ว่าเขาจะถูกชูฮันบังคับช่วงชิงผลประโยชน์ไปทางอ้อม แต่ชูฮันก็เป็นคนพูดจริง ทําจริง และน่าเคารพ ดังนั้นมันถึงได้มีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับสูงมากมายติดตามชูฮัน

 

ซุนอี้เจียเป็นแค่วิวัฒนาการระยะ 2 เท่านั้น พลังผันผวนของหยางเทียนจึงส่งผลกระทบต่อซุนอี้เจียเต็มๆ ภายใต้ความกดดันมหาศาลที่โดนบีบอัด ซุนอีเจียแทบอดต่อไม่ได้ไหวอีกแม้แต่วินาทีเดียว

 

“บึง!”

 

หัวเข่ากระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ร่างสั่นเทิ้มจากนั้นก็นั่งแหมะลงกับพื้น เขาไม่สามารถต้านทานพลังมหาศาลที่บีบอัดร่างกายตัวเองอยู่ได้

 

“หึ!” หยางเทียนเยาะเย้ยและดึงพลังผันผวนของตัวเองกลับคืนเข้าร่าง หลุบตามองซุนลี่เจีย ที่อยู่ที่พื้นและส่งรอยยิ้มดูถูกใส่ “ฉันเป็นใคร? คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถาม?”

 

อย่าเอาภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้ชายหน้าสวยมาดูถูกหยางเทียนเด็ดขาด ภายในของหยางเทียนเป็นคนที่เย่อหยิ่งสุดๆและเด็ดขาด ไม่ว่าจะในยุคศิวิไลซ์หรือในโลกาวินาศ ก่อนที่ชูฮันจะปรากฏตัวขึ้นและหยางเทียนตัดสินใจยกค่ายของตัวเองให้ชูฮันนั้น ก่อนที่ใครจะได้เห็นวิธีการปกครองค่ายของหยางเทียนนั้น ไม่มีใครสักคนกล้าพูดคําว่า “ไม่ เพราะทันทีที่พูด คนคนนั้นจะถูกฆ่าทันที

 

ส่วนสําหรับอันดับของหยางเทียน เขารักษาอันดับของตัวเองไว้ที่ระยะ 5 เป็นเวลานาน ด้วยเพราะงานที่มากมายและยุ่งอยู่เสมอ หากตัวหยางเทียนเองก็พึ่งจะได้ยกระดับขึ้นเป็นระยะ 6 เมื่อวานนี้เอง และความสามารถของหยางเทียนเป็นเหมือนกับธรรมชาติติดตัวมาแต่เกิดเหมือนกับที่ชูฮันเคยพูดไว้ แม้จะเป็นหลี่อีเฟิงที่ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงด้วยตัวเองอยู่เสมอก็ไม่สามารถเอา ชนะหยางเทียนได้

 

ในจังหวะที่ความกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็นหายไป ซุนอี้เจียก็เหงื่อแตกพลั่ก และมันพึ่งจังหวะนั้นที่เขาพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกบังคับให้คุกเข่าลงพื้น ความอับอายพุ่งขึ้นมาใจทันที แววตาสั่นระริก หากก็ไม่สามารถหนีไปได้

 

แต่หลูอี๋ที่ช็อคอยู่ในตอนแรก พอได้สติก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “คุณเป็นใคร?”

 

นอกเหนือจากการที่รู้ว่าชายรูปงามคนนี้ชื่อว่าหยางเทียน หลูอี๋ก็รู้แค่ว่าหยางเทียนเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเขี้ยวหมาปาเท่านั้น แต่ข้อมูลเฉพาะเจาะจงนั้นเขาไม่รู้เลยสักนิด โดยเฉพาะเมื่อพึ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 ความคิดในหัวของหลูอี๋ก็ยิ่งล้มระเนระนาดไปหมด

 

ยังไงเขาก็ยศสูงกว่าอยู่แล้ว! มันกล้าทําตัวเหนือกว่าได้ยังไ?

 

สําหรับคําถามภายในใจของหลูอี๋นั้น หยางเทียนมองออกและยกยิ้มมุมาก “หลูอี๋ ฉันจะบอกให้ว่าเราอยู่สถานะระดับเดียวกัน”

 

ทันทีที่หยางเทียนพูดออกมา ซุนอี้เจียที่พึ่งตะกายตัวขึ้นยืนด้วยก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาหันไปมองหลูอี๋ ด้วยท่าทางไร้ซึ่งความถ่อมตัว แถมยังมองหยางเทียนด้วยสายตาเย่อหยิ่ง กว่าหลูอี๋มองหยางเทียนซะอีก

 

ถ้าสถานะเดียวกัน ก็ต้องเป็นพลโทสิ?

 

นี้อีกฝ่ายก็เป็นพลโทเหมือนกันเหรอ?

 

แต่ไหนค่ายเขี้ยวหมาปาบอกว่ามีเฉินชาวเยู่คนเดียวที่เป็นพลโท?

 

“ฉันเป็นกัปตันของเจ้าหน้าที่เมืองอันลู” หยางเทียนยิ้มอย่างมีนัยนะ “ขอบเขตทั้งหมดของเมืองอัน ไม่ว่าจะเป็นค่ายเขี้ยวหมาป่า เมืองโรแมนติก หรือแม้กระทั่งค่ายเจี้ยนอี้ของคุณ ทั้งหมดอยู่ใต้การดูแลของฉันทั้งหมด ท่านพลเอกชูชันได้ทําเรื่องขออนุมัติอย่างเป็นทางการสําหรับตําแหน่งพลโทของฉันเรียบร้อย และมันกําลังถูกส่งไปที่ซางจิง ถ้าไม่มีอุบัติเหตุใดๆ ฉันก็จะมีตําแหน่งเท่ากับคุณในเดือนหน้า”