ตอนที่ 406 จักรพรรดิองค์ใหม่

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 406

จักรพรรดิองค์ใหม่

ตูม!! ร่างของทหารยามคนหนึ่งลอยหวือเข้ามากระแทกประตูวังหลวงจนประตูบานใหญ่ถึงกับเปิดไปพร้อมๆกับวิญญาณของทหารคนนั้นที่หลุดลอยออกจากร่าง

“เกิดอะไรขึ้น”แทบจะทันทีที่เกิดเสียงอึกทึก เหล่าทหารยามเฝ้าวังหลวงก็กรู่กันเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“พวกเจ้า รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน กล้ามาทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”ทหารคนหนึ่งตะโกนถามพลางมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทีดุดัน

“อะ เอ่อ…. ขะ ข้า”ชายวัยกลางคนเหมือนไม่ทราบจะตอบว่าอะไรดี มันคือชายขี้เมาที่เมื่อคืนโดนพวกคิดชิงบัลลังก์จับตัวไปนั่นเอง วันนี้มันก็โดนพาตัวมายืนอยู่หน้าประตูวังหลวงเสียแล้ว แถมพวกนั้นยังก่อเรื่องที่หน้าประตูวังหลวงอีกต่างหาก

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร”ชายที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าถามพลางชี้หอกมาทางชายวัยกลางคน

“คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรที่จะคุยกับหัวหน้าของข้าหรอก”ชายหนุ่มที่เป็นคนจับตัวชายขี้เมามาพูดพลางเดินไปยืนอยู่ข้างหน้าชายขี้เมาเอาไว้

“เตาเสียง ป้องกันจักรพรรดิองค์ใหม่ไว้”หัวหน้าของกลุ่มกบฏพูดพลางถือขวานเดินเข้าไปที่ประตูทันที มันไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเหล่าทหารที่ยืนล้อมอยู่โดยรอบเลยแม้แต่น้อย

ตูม!! ขวานในมือของมันฟาดลงพื้นทีเดียวก็แยกเอาพื้นดินออกจากกันเป็นทางยาวสร้างความตื่นตกใจให้เหล่าทหารไม่น้อย

“วันนี้นายของข้าจะมาให้เกียรติเป็นจักรพรรดิของพวกเจ้า”ชายที่ใช้ขวานอยู่ๆก็ตะโกนบอกว่าชายขี้เมาคือหัวหน้าของพวกมันเสียอย่างนั้น ทำเอาชายขี้เมาขนลุกไปทั้งตัว

“พวกกบฏคิดจะล้มเบื้องสูง”หัวหน้าของเหล่าทหารกัดฟันกรอดก่อนจะสั่งให้ลูกน้องเข้าไปโจมตีทันที

“อากกกกก”เหล่าทหารที่เข้าไปโจมตีไม่ได้มีฝีมือกระจอกๆ แต่เพียงพริบตาเดียวก็โดนขวานเล่มใหญ่นั้นกระแทกร่างจนขาดเป็นสองซีกอย่างรวดเร็ว

ตูม!!! ร่างของเหล่าทหารกลายเป็นก้อนเลือดในพริบตาหลังจากขวานของชายคนนั้นทุบลงมาที่ร่างของพวกมัน

“ส่งสัญญาณ มียอดฝีมือมาบุก”หัวหน้าทหารสั่งพลางบอกให้ลูกน้องตนเองส่งสัญญาณไปบอกในวังหลวง มันบดขยี้เหล่าทหารระดับเทียนเซียนราวผักปลา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันคือชนชั้นยอดฝีมืออย่างแน่นอน

“มากันให้หมด”ชายที่ถือขวานคำรามพลางยกขวานด้ามใหญ่ขึ้นมาพาดไหล่ ดวงตาของมันยามนี้ดุดันน่ากลัวจนคนรอบข้างไม่มีใครกล้าเข้าไปโจมตีอีกเลย

เปรี้ยง!! อยู่ๆเงาร่างร่างหนึ่งก็ทะยานเข้ามาโจมตีใส่ชายที่ใช้ขวาน พวกมันฝีมือสูงกว่าทหารธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”ชายคนนั้นว่าพลางแทงกระบี่ในมือใส่ร่างของชายที่ใช้ขวาน ความเร็วของมันนั้นไม่ธรรมดาเลย เพียงพริบตาเดียวก็แทงเข้าที่คอของชายที่ใช้ขวานอย่างแม่นยำ แต่น่าเสียดายกำลังของมันกลับยังไม่ถึงขั้น กระบี่ของมันหยุดลงที่คอของชายที่ใช้ขวานเท่านั้น

ตูม!! ขวานของหัวหน้ากลุ่มกบฏฟาดลงมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้ชายที่ใช้กระบี่ต้องถอยออกไปก่อนที่ขวานจะถึงตัว ขวานที่มันใช้ทั้งใหญ่ทั้งหนักแต่มันกลับเหวี่ยงได้เร็วแทบไม่ต่างจากกระบี่ของมันเลย ท่าทางงานนี้จะเจอตอเสียแล้ว

“ไอ้บ้าที่ไหนมาบุกวังหลวง”ชายคนหนึ่งพูดพลางกระโดดลงมาจากกำแพง ในมือของมันปรากฏค้อนขนาดใหญ่ที่สมควรจะทุบร่างของชายที่ใช้ขวานจนแปลกเละได้อย่างง่ายดาย

ตูม!! แทนที่จะป้องกันหรือหลบ ชายที่ใช้ขวานเหวี่ยงขวานตนเองใส่ค้อนที่ทุบลงมาอย่างจังจนค้อนของอีกฝ่ายแตกเป็นรอยขวานในพริบตา

“ระวัง มันเป็นชนชั้นยอดฝีมือ หรือมากกว่า”ชายคนที่ใช้กระบี่กล่าวเตือน

“พวกเจ้ามีกันแค่นี้หรือ”ชายที่ใช้ขวานถามพลางเรียกเอาขวานอีกด้ามออกมาจากมิติของตนเอง ทำเอาทั้งชายที่ใช้กระบี่และใช้ค้อนกลืนน้ำลายลงคอ

“ที่นี่คือวังหลวง เจ้าคิดว่าจะมียอดฝีมือแค่พวกเราหรือไง”ชายที่ใช้กระบี่ว่าพลางมองไปรอบๆ หลังจากส่งสัญญาณไปไม่นาน เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ห่างออกไปก็เข้ามาล้อมพวกกบฏเอาไว้ พวกมันมีฝีมือ แต่น่าขำที่จะบุกวังหลวงด้วยกำลังเพียง 5 คน

“ดี”ชายที่ใช้ขวานยิ้มออกมาพลางควงขวานคู่ในมือไปทางชายที่ใช้กระบี่

เปรี้ยงๆๆๆๆๆ ขวานคู่ทั้งหนักทั้งเร็ว ทำให้ชายที่ใช้กระบี่รับมือแทบไม่ไหว เพียงพริบตาเดียวตนเองก็เสียเปรียบเสียแล้ว

“ตาย”ชายที่ใช้ค้อนเห็นช่องว่างก็ตรงเข้าไปโจมตีจากด้านหลังทันที

ตูม! ขวานในมือของหัวหน้ากลุ่มกบฏฟาดไปรอบตัวส่งทั้งร่างของชายที่ใช้กระบี่และชายที่ใช้ค้อนขาดเป็นสองท่อนในครั้งเดียว

“อะไรกัน…”เหล่าทหารพากันเบิกตากว้าง ทั้งสองคนเป็นระดับยอดฝีมือ แต่กลับโดนเจ้าคนใช้ขวานโจมตีขาดครึ่งตัวในครั้งเดียวเนี่ยนะ เจ้านั่นมีกำลังระดับไหนกันแน่

“เข้ามาให้หมด”แม้จะสัมผัสพลังวิญญาณจากชายที่ใช้ขวานไม่ได้ แต่พริบตาที่มันคำรามออกมาก็ทำเอาคนรอบข้างถึงกับตัวสั่นสะท้านไม่กล้าเข้าไปอีก ไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหารธรรมดาเลย แม้แต่พวกยอดฝีมือยังไม่กล้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า

“ลูกพี่ เกรงว่าใช้เวลานานจะไม่ดีนะขอรับ”เตาเสียงชายหนุ่มแต่งกายสุภาพเดินเข้ามากลางสมรภูมิอย่างสบายใจพลางรายงานให้ลูกพี่ของมันทราบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบดูแล้วไม่เหมือนคนใช้กำลังเท่าไหร่

“แบบนั้นจักรพรรดิเราคงจะเมื่อยแย่ บุกมันทีเดียวเลยแล้วกัน”ชายที่ใช้ขวานว่าพลางเกร็งแขนตนเองแน่น ก่อนจะหวดขวานไปทางประตูใหญ่ที่เป็นเส้นทางเข้าไปยังวังหลวงชั้นใน

เปรี้ยง!!! ทั้งประตูทั้งพื้นดินโดนทำลายในพริบตา ก่อนที่ชายผู้ใช้ขวานจะเดินเข้าประตูไปโดยไม่สนใจเหล่ายอดฝีมือที่รุมล้อมอยู่

“หยุดนะ”ยอดฝีมือคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะหยุดชายที่ใช้ขวาน แต่ยังไม่ทันถึงตัวร่างของมันก็โดนใครบางคนโจมตีเสียก่อน

เปรี้ยง!! ร่างของชายชุดดำที่โผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบเตะเข้าที่ท้องยอดฝีมือผู้นั้นอย่างจัง พร้อมพุ่งตัวตามเข้าไปกระทืบซ้ำอีกต่างหาก

“เจ้าพวกนี้มันยอดฝีมือจริงงั้นหรือ”ชายชุดดำว่าพลางหายตัวไปจากสายตาของเหล่ายอดฝีมือ

“จัดการพวกมันให้หมด แล้วก็องค์จักรพรรดิ ตามข้ามา”ชายที่ใช้ขวานพูดพลางชี้มาทางชายขี้เมา ทำให้ชายขี้เมาที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่พยายามก้าวเดินตามคำสั่งของอีกฝ่ายทันที เพราะหากมันไม่ทำก็คงโดนขวานนั้นสับขาดแน่ๆ

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่”ชายขี้เมาตัวสั่นไปทั้งตัว เดินแต่ละก้าวราวกับจะล้มให้ได้ทั้งๆที่ตอนนี้มันไม่ได้เมาแล้วแท้ๆ

“เจ้าไม่ต้องรู้”พูดจบชายที่ใช้ขวานก็พาชายขี้เมาเข้าไปในวังหลวงชั้นในก่อนจะสับร่างของเหล่ายอดฝีมือที่บุกเข้ามาโจมตีมันทิ้งไปทีละคน

“ฆ่าให้หมด วันนี้วังหลวงจะต้องไม่มีใครรอดชีวิต”ชายคนหนึ่งในกลุ่มกบฏพูดพลางใช้ดาบในมือตัดผ่าร่างของเหล่ายอดฝีมือจนตายคาดาบ พวกมันมากันเพียงไม่กี่คนแต่กลับสังหารยอดฝีมือไปแล้วกว่า 20 คน จำนวนขนาดนี้สามารถตั้งเป็นกองทัพได้เสียด้วยซ้ำ แต่กลับโดนสังหารได้อย่างง่ายดายชนิดที่ว่าฝ่ายกบฏไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายเลยแม้แต่คนเดียว

ตูม!!! ประตูวังหลวงถูกกระแทกจนพังไม่เหลือชิ้นดี พร้อมร่างของชายที่ใช้ขวานที่เดินเข้ามาภายในวังหลวงอย่างสบายใจเฉิบ

“เจ้า….พวกเจ้าเป็นใคร”ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถามพลางชี้มาทางชายที่ใช้ขวาน

“ข้านะหรือ ข้าคือตัวแทนความไม่พอใจยังไงล่ะ”ชายที่ใช้ขวานว่าพลางยิ้มบางๆก่อนจะเดินเข้าไปกลางท้องพระโรงทั้งๆที่ขวานยังเปื้อนเลือดอยู่

“ความไม่พอใจ? เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าทำให้ประชาชนไม่พอใจหรือยังไง”ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถามพลางกัดฟันแน่น เจ้านี่บุกเข้ามาถึงท้องพระโรงโดยไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมขวานของมันยังอาบไปด้วยเลือด ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าชะตาของมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

“เปล่า ข้าไม่ใช่ตัวแทนของประชาชน”ชายที่ใช้ขวานว่าพลางมองไปรอบๆ ตอนนี้ทั้งองค์หญิงทั้งองค์ชายต่างอยู่ในท้องพระโรงทั้งหมด คงคิดว่าท้องพระโรงจะปลอดภัยเมื่อมีการโจมตีเกิดขึ้นกระมัง แต่ก็จริงเพราะที่นี่มียอดฝีมือคุ้มกันเยอะมากทีเดียว เพียงแต่ยอดฝีมือเหล่านั้นคุ้มกันไม่ไหวเท่านั้นเอง

“ข้ามาเพื่อระบายอารมณ์ให้เหนือหัวของข้า”ชายที่ใช้ขวานว่าพลางเดินไปทางชายคนหนึ่งที่หลบอยู่ข้างบัลลังก์

“เจ้าคือองค์ชายจินกงหลางใช่หรือไม่”ชายที่ใช้ขวานถามพลางมององค์ชายจินกงหลางที่กำลังตัวสั่นอยู่บนพื้น มันไม่มีท่าทีจะตอบคำถามอะไรทำให้ชายที่ใช้ขวานเหมือนจะไม่พอใจนัก

ฟุบ!! ขวานในมือของมันฟาดวูบไปอยู่ที่คอของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ นางคือองค์หญิงของอาณาจักรจินนั่นเอง

“บอกมา มันคือจินกงหลางใช้หรือไม่”ชายที่ใช้ขวานถามพลางกดขวานลงไปบนลำคอขาวขององค์หญิงเบาๆ

“ชะ ใช่”ความรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็กและความกลัวตายอีกนิดหน่อยก็สามารถง้างปากองค์หญิงได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่ทราบว่าชายตรงหน้ามันคือจินกงหลางจริงๆชายที่ใช้ขวานก็ยิ้มออกมา

“ดี”พูดจบมันก็เก็บขวานด้านขวามือไป พร้อมกำหมัดแน่น

ตูม!! มันต่อยเข้าใส่ใบหน้าขององค์ชายจินกงหล างอย่างจัง ทำเอาหน้าของมันบวมแดงไปครึ่งหน้า ทำเอาองค์ชายจินกงหลางสะท้านวาบ ทำไมมันถึงใช้หมัดต่อย.. กำลังของมันสมควรบดขยี้หัวของตนเองได้ต่อให้ใช้แค่หมัดก็ตามไม่ใช่หรือ

“เจ้า….เป็นคนของไป๋ชินอี้”องค์ชายจินกงหลางพูดพลางมองมาทางชายที่ใช้ขวาน หมัดเมื่อครู่ไม่ได้หมายเอาชีวิต แต่เพื่อเอาคืนที่มันต่อยองค์ชายไป๋ชินอี้ไปงั้นหรือ

“ถูกต้อง”ชายที่ใช้ขวานว่าพลางเปลี่ยนร่างตัวเองกลับเป็นอสูรกระทิงในพริบตา มันโยนขวานในมือตนเองทิ้ง ก่อนจะยกขาหน้าที่กลายเป็นกีบเท้า ขึ้นมาเหนือหัวขององค์ชายจินกงหลาง ก่อนจะ…

ตูม!! ไม่จำเป็นต้องให้บอกทุกคนก็ทราบทันทีว่าองค์ชายจินกงหลางไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้ และพวกมันเองก็ไม่มีทางรอดชีวิตมาได้เช่นกัน

“เอาล่ะ องค์จักรพรรดิ เสด็จประทับที่บัลลังก์ซะ”อสูรกระทิงที่กลับคืนร่างมาเป็นมนุษย์อีกครั้งสั่งพลางมองมาทางชายขี้เมาที่ยามนี้แทบจะก้าวขาไม่ออก แต่เมื่ออีกฝ่ายสั่งให้มันนั่งมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินไปนั่งเท่านั้น