ตอนที่ 465 ของคนอื่น / ตอนที่ 466 ไม่มั่นใจ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 465 ของคนอื่น

 

 

“น้องสาวฉันก็ทำอาหารอร่อยเหมือนกัน ถ้ามีเวลาพวกนายก็มาเจอกันหน่อยสิ” เสิ่นมั่วหลีเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

เหยียนเค่อรู้ดีว่าตนคงคุยกับคนอื่นเพราะเรื่องทำอาหารไม่รู้เรื่องหรอก เขาทำอาชีพที่ตัวเองถนัดดีกว่า ไม่ได้สนใจในเรื่องทำอาหารมากนัก

 

 

แล้วก็นะ ในบ้านมีคนทำกับข้าวเป็นแค่คนเดียวก็พอแล้ว เขาตอบเสิ่นมั่วหลี “ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็ทำอาหารอร่อย”

 

 

“จะอร่อยแค่ไหนก็เป็นของคนอื่นล่ะนะ” เสิ่นมั่วหลีพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ความจริงกลับจงใจกระตุ้นเหยียนเค่อ

 

 

เหยียนเค่อสำลักเล้กน้อย จึงดื่มน้ำก่อนจะกินข้าวต่อ เรื่องนี้สวีรั่วชีพูดหลายต่อหลายครั้งแล้ว ด้านหนึ่งเขาก็มองเขาใจอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็ปล่อยวางไม่ลง พูดง่ายๆ ก็คือเลวนั่นแหละ

 

 

เขาพยักหน้า ยอมรับความจริงข้อนี้จากปากของเสิ่นมั่วหลี “ถ้าไม่ได้มาอยู่ในมือ ก็เป็นของคนอื่นไปตลอดกาล”

 

 

เสิ่นมั่วหลีมองเขาอย่างเรียบเฉย ก่อนจะกินข้าวต่อ

 

 

ทุกคนต่างก็มีทางเลือกที่แตกต่างกัน การจุดชนวนจะทำให้พวกเขาตัดสินใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้า

 

 

เหยียนเค่อปล่อยมือ เขาก็คงรู้สึกประหลาดใจ เขาทำอะไรลงไปตั้งมากมายหลายอย่าง จะมีใครบ้างที่ไม่อยากจะได้รับผลตอบแทน

 

 

หลังจากเหยียนเค่อกินข้าวเสร็จขึ้นห้องมาไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์จากสวีรั่วชี นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่ตนคุยเรื่องนั้นกับเสิ่นมั่วหลีเสร็จ สวีรั่วชีก็รีบโทรมาทันที

 

 

“ฉันช่วยจัดการคนพวกนั้นให้เธอแล้ว เธอยังมีปัญหาอะไรอีก”

 

 

“นายเชื่อจริงๆ เหรือว่าฉันจะเอาซย่าเสี่ยวมั่วใส่พานถวายให้นาย” สวีรั่วชีนึกไม่ถึงว่าเขาจะรวดเร็วขนาดนี้ เรื่องราวถูกจัดการแล้ว ความชั่วร้ายที่ฝังลึกในจิตใจของเธอก็เปิดเผยออกมา

 

 

“นี่มันคนละเรื่องกัน” สิ่งที่เหยียนเค่อทำ เพื่อซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเขาก็ไม่ต้องการผลตอบแทนอะไร

 

 

คนที่อาสาก็ต้องแบกรับผลและปัญหาที่ตามมา เหยียนเค่อเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี และก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนอะไร

 

 

“ความจริงถึงฉันอยากจะทำแบบนั้น แต่ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ยอม ฉันก็ช่วยไม่ได้” สวีรั่วชีรู้สึกว่า

 

 

เหยียนเค่อน่าสงสารมาก ทว่าคิดไปคิดมาก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาปลอบใจเขา แต่สิ่งที่เธอพูดกับ

 

 

เหยียนเค่อนั้นไม่ใช่เพียงคำสัญญาปากเปล่า

 

 

สวีรั่วชีรายงานข้อมูลที่มีประโยชน์ให้เหยียนเค่อฟังดีกว่า “ฉันจะบอกให้ วันนี้ซย่าเสี่ยวมั่วเกือบมีเรื่องแล้ว สุดท้ายหลานชายคนเล็กของบ้านตระกูลมู่ก็ซวย มารับเคราะห์แทนซย่าเสี่ยวมั่วไป”

 

 

สวีรั่วชีนึกถึงสีหน้าตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วบอกเล่าความเป็นมาเป็นไปให้เธอฟังแล้วก็อดยกยิ้มขึ้นไม่ได้

 

 

“อือ” เหยียนเค่อตอบกลับเบาๆ ในใจรู้สึกได้ถึงลางร้าย

 

 

“ก่อนหน้านี้เขาเคยสารภาพรักกับซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ซย่าเสี่ยวมั่วปฏิเสธไป ครั้งนี้เขากลัวว่า

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจะเกิดอุบัติเหตุก็เลยขี่ตามหลังมา หลงหัวปักหัวปำแล้วจริงๆ”

 

 

เหยียนเค่อไม่อยากจะพูดอะไรต่อ วันนี้เขาส่งคนไปด้วย ทำให้พอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ อยู่บ้าง แต่เบื้องลึกเบื้องหลังโดยละเอียดนั้นต้องฟังจากปากสวีรั่วชีเท่านั้น

 

 

“อืม”

 

 

“นายนิ่งเกินไปไหม ไม่มีจะพูดอะไรแล้วหรือไง”

 

 

“แล้วฉันควรจะพูดอะไรล่ะ เขาชอบซย่าเสี่ยวมั่ว ไม่ใช่ฉันสักหน่อย” ตอนนี้เหยียนเค่อไม่มีสิทธิ์คิดเรื่องพวกนี้

 

 

สวีรั่วชีเบ้ปาก ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ แต่ก็ใช่ว่าในใจของเหยียนเค่อจะไม่ได้คิดเช่นนั้นเสียหน่อย เธอกำลังจะพูดต่อก็ได้ยินเสียงซย่าเสี่ยวมั่วตะโกนออกมาจากห้อองน้ำ

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงมีชีวิตชีวาของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็อารมณ์ดีขึ้น

 

 

ปลายสายมีเสียงพูดคุยดังขึ้นเลือนราง

 

 

“โทรศัพท์อีกแล้ว นายมีผู้ชายคนอื่นลับหลังสวีอันหรานใช่ไหม หรือว่าวันหนึ่งเธอต้องโทรหา

 

 

สวีอันหรานเยอะขนาดนี้เลยหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วนอนลงบนโซฟาแล้วเล่นผมของสวีรั่วชี

 

 

“จะไปทำอะไรก็ไป ห้ามมาฟังฉันคุยโทรศัพท์” สวีรั่วชีต้องเล่าเรื่องราวโดยละเอียดให้เหยียนเค่อฟังอีก

 

 

“ไม่ เธอต้องเล่นเป็นเพื่อนฉัน รีบวางสายเลย!” ซย่าเสี่ยวมั่วดึงเธอไว้ไม่ปล่อย

 

 

“อย่าดื้อน่า”

 

 

สวีรั่วชีอยากจะไล่ยายนี่ออกไปแล้วทวงคืนพื้นที่อันเงียบสงบในการบอกเล่าข่าวคราวกลับคืนมา ขณะที่กำลังจะไล่เธอไปนั้นก็ได้ยินเสียงเหยียนเค่อพูดขึ้น “เธอไปเล่นกับเขาเถอะ มีอะไรค่อยคุยกัน”

 

 

“แต่ว่า ฉัน…” สวีรั่วชียอมแพ้ให้กับสองคนนี้แล้ว เธอครุ่นคิดสักครู่จึงจะตอบ “เดี๋ยวฉันค่อยโทรหานายแล้วกัน บ๊ายบาย”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 466 ไม่มั่นใจ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนึกไม่ถึงว่าเธอจะป่วนจนได้ผล ก่อนจะเข้าไปนั่งติดสวีรั่วชีแล้วทายาให้ตัวเอง

 

 

สวีรั่วชีหยิบยามาทาบนขาอ่อนของซย่าเสี่ยวมั่ว ก็อดค่อนแคะไม่ได้ “คนแบบเธอทำไมยังไม่แต่งงานอีกนะ แค่ดูแลตัวเองยังมีปัญหาเลย”

 

 

“ใครบอกว่าฉันมีปัญหา” ซย่าเสี่ยวมั่วตีหลังมือเธอหนึ่งที “ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสเธอจับขาอ่อนฉัน ยังไม่รักษาโอกาสนี้เอาไว้อีก”

 

 

“จ้าๆๆ ฉันจะรักษาโอกาสนี้เอาไว้” สวีรั่วชีไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเธอต่อ ถามเรื่องปัจจุบันดีกว่า “เธอคิดจะทำยังไงต่อไป”

 

 

“ทำอะไร” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้ว่าเธอถามถึงอะไร ก็นึกว่ายังคุยเรื่องเดิมอยู่ จึงตอบ “ไม่แต่งงานก็อยู่คนเดียวไง”

 

 

“ใครหมายถึงเรื่องนี้กันเล่า!” สวีรั่วชีถลึงตาใส่เธออย่างหงุดหงิด “ฉันหมายถึงลูกชายคนเล็กของบ้านมู่ต่างหาก”

 

 

“มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยหรือไง”

 

 

นอกจากก่อนหน้านี้ที่เขาสารภาพรักกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างงุนงงแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย เรื่องคราวนี้ก็ไม่ถือว่าเขาได้ช่วยซย่าเสี่ยวมั่วเอาไว้เสียหน่อย ต่อให้เธอเป็นคนที่พวกเขาจะคิดบัญชีด้วยจริง แต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็เป็นแค่ตัวละครหนึ่งในแผนของลูกชายบ้านมู่เท่านั้น

 

 

“ก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่เธอจะไม่สนใจเลยหรือไง” สวีรั่วชีเลิกคิ้ว ใจแข็งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ในนั้น ถ้าเราสองคนรู้จักมักจี่กันสักหน่อย เธอไปเยี่ยมก็คงไม่เป็นไร แต่ลูกชายบ้านมู่คิดเป็นอื่น เป็นเธอที่ต้องหลบหน้าเขาต่างหากเล่า ทำไมเธอต้องบุกเข้าไปเองด้วย

 

 

“ฉันบอกเขาว่าฉันแต่งงานแล้ว ดังนั้นเธอสบายใจได้” ตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากหาปัญหาเพิ่มเลยสักนิด จะบอกว่าเธอเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่เธอก็แค่ชอบชีวิตเรียบง่ายอย่างในตอนนี้ ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องอื่น

 

 

สวีรั่วชีเข้าใจความหมายของเธอ ดูท่าเหยียนเค่อคงไม่ต้องห่วงว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะไปหาชายอื่นแล้ว ให้สองคนนี้เป็นแบบนี้ต่อไปเมื่อไรจะลงเอยกันเสียที

 

 

“เธออย่ามั่นใจนักเลย ถ้าเธอกับนายคนนั้นเหมาะสมกันพอดีล่ะ”

 

 

“ทำไมคนที่เหมาะพอดีมันเยอะนักล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ชอบผู้ชายที่อายุน้อยกว่าตน เดิมทีเธอก็เป็นเหมือนสาวน้อยที่ต้องการให้คนมาเอาใจอยู่แล้ว ถ้าตอนนี้คบกับผู้ชายอายุน้อยกว่าคงอึดอัดใจตายเลย

 

 

สวีรั่วชีหมดคำจะพูด “ก็ได้ๆ ไม่มีใครคู่ควรกับเธอได้หรอก”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มให้แผ่นหลังของเธอที่หันกลับไปด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอก็แค่คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคนในใจเธอก็เท่านั้น

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้ตั้งใจรอโทรศัพท์จากสวีรั่วชีเลย เขาอ่านหนังสือเพลินจนลืมเวลาไป เมื่อสวีรั่วชีโทรมา เขาจึงเพิ่งจะรู้ตัวว่านี่เป็นเวลาเย็นมากแล้ว

 

 

“ลูกชายคนเล็กบ้านมู่แอบเล็งซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ ซย่าเสี่ยวมั่วบอกว่าตัวเองแต่งงานแล้ว ทำไม ไม่อยากให้สิ่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเป็นจริงหรือไง”

 

 

“เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ”

 

 

“ค่อยว่ากันบ้าอะไร” สวีรั่วชีพบว่าผู้ชายพวกนั้นนิสัยเหมือนกันหมด ถ้าไม่ถึงเวลาสำคัญจริงๆ ก็เอาแต่หยิ่งในศักดิ์ศรี จะเชิดไปให้ใครดูกันยะ!

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนสวีอันหราน จึงไม่มีความอดทนต่อสวีรั่วชี “ถ้าอยากด่าคนก็อย่ามาคุยกับฉัน”

 

 

“ฉันจะบอกนายตรงๆ เลยนะ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่สนใจผู้ชายคนอื่น แต่ถ้านายยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปละก็ ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่มีวันเป็นของนายได้หรอก”

 

 

สวีรั่วชีล่ะปวดหัว ไม่ว่าเหยียนเค่อจะคว้าโอกาสในตลาดการเงินได้เก่งกาจเพียงใด แต่ในด้านความรักกลับพลาดโอกาสดีๆ ไปหลายครั้งหลายครา

 

 

เหยียนเค่อคิดมากยิ่งกว่าสวีรั่วชีเสียอีก ตอนนี้เขาหมั้นกับสวีอิ๋งอิ๋งอยู่ ถ้าตอนนี้เขาคบกับ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็เท่ากับว่าเป็นการไม่รับผิดชอบต่อเธอ

 

 

เขาจะไม่ให้ซย่าเสี่ยวมั่วต้องเข้าไปโต้เถียงแบบนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นในอนาคตต้องกระทบกับความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนเป็นแน่ แถมแต่ไหนแต่ไรมาซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่เคยแสดงออกว่าชอบเขาเลย นี่ยิ่งทำให้เขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร