ตอนที่ 23 สิงร่างลูกผู้ดี แล้วปรี่เข้าประจบท่านอ๋อง (23)

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

ลมฤดูสารทพัดโชย เปลวไฟบนกองฟืนพลิ้วไหวตามลม บางครั้งคราวยังแตกปะทุเป็นสะเก็ดไฟกระเด็นตกใส่บริเวณเท้าของจวินเฉิง กลิ่นหอมของปลาย่างลอยกรุ่นมาตามลม ส่งมาถึงจมูกของตันหวายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม 

 

 

(ขอแสดงความยินดีท่านเจ้าของร่าง ค่าความประทับของจวินเฉิงต่อตัวท่านสูงถึงแปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์แล้ว ชัยชนะรออยู่เบื้องหน้า ผู้เขียนโปรดพยายามต่อไป) 

 

 

ระบบที่เงียบสนิทมานานแล้วเด้งข้อมูลขึ้นมากะทันหัน ตันหวายกลับไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจ 

 

 

ดวงตาจดจ้องตรงไปยังปลาย่างที่อยู่ไม่ไกล ตันหวายกลืนน้ำลายเอื๊อกเป็นครั้งที่ N   

 

 

จวินเฉิงแสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็นแม้แต่น้อย ค่อยๆ ขยับแขนพลิกปลาบนแท่นปิ้ง คอยโรยเครื่องปรุงบนตัวปลาอยู่เป็นระยะ 

 

 

ตันหวายขอคารวะจวินเฉิงจากใจจริง ออกล่าสัตว์ยังจะพกเครื่องปรุงมาเอง เขาอยากถามดูสักทีว่าจะมีใครทำได้อีก! 

 

 

“จวินเฉิง…คุณชายจวิน…” ตันหวายบีบเสียงอ้อน “ข้าขอกินคำหนึ่ง คำเล็กๆ ก็คงพอแล้วล่ะ แค่คำเดียวเอง” 

 

 

จวินเฉิงนิ่งไม่ไหวติง 

 

 

“ท่านพี่จวิน~” 

 

 

จวินเฉิงมือสั่นสะท้าน ปลาเกือบจะร่วงตกลงในกองไฟ ทว่ายังดีที่ทรงตัวไว้ได้ 

 

 

“ท่านอย่าได้ใจไปหน่อยเลย!” ตันหวายลุกพรวดขึ้นมา “ปลาตัวนี้ข้าจับมานะ! ข้าจับมาเอง!” 

 

 

จวินเฉิงผินหน้าเล็กน้อย สายตาปรายมองตรงเท้าของตันหวาย ความหมายบ่งบอกชัดเจน 

 

 

ตันหวายใจฝ่อ พลางเขยิบไปทางซ้ายเล็กน้อย ปิดบังเศษก้างปลากองหนึ่งใกล้กับเท้าตนเอง ใครจะรู้ว่าปลาที่เขาจับเองทำไมถึงได้น้อยขนาดนั้น ยังไม่พอให้ติดซอกฟันด้วยซ้ำ หันไปมองปลาของจวินเฉิง แต่ละตัวอ้วนท้วนสวยงาม ตัวเดียวเท่ากับเขาสองตัว ตอนนี้เขาเตรียมจะกลายร่างเป็นผีอาฆาตรังควาญจวินเฉิงให้ขาดใจตาย 

 

 

จวินเฉิง “อยากกินก็ย่อมได้ แต่เจ้าต้องบอกข้าว่าประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร” 

 

 

ตันหวายแกล้งโง่ “ประโยคไหน? ข้ารู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อย ข้าพูดว่าอะไรไปหรือ?” 

 

 

จวินเฉิงเลิกคิ้วขึ้น บ่งเป็นนัยว่าตนไม่ได้รีบร้อนอะไร พลิกมือเอาปลาที่สุกดีแล้ววางไว้บนใบไม้ที่ล้างจนสะอาด ต่อจากนั้นจึงค่อยย่างตัวที่สอง 

 

 

ตันหวายมองดูปลาย่างบนใบไม้เขียวสด ตาก็เขียวปั้ด 

 

 

ทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตันหวายยอมแพ้พลางระบายความโกรธ “ข้าบอกก็ได้!” 

 

 

ตันหวายเม้มปาก ก่อนค่อยๆ เอ่ยปากกล่าว “หนึ่งน่ะ มีความหมายว่าน้องชาย ข้าหมายถึงว่าความผูกพันพี่น้องที่ข้ามีต่อท่านแน่นแฟ้นจนฟ้าดินซาบซึ้ง ยินดีจะเป็นน้องชายของท่าน” 

 

 

จวินเฉิงแค่นหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ ก่อนจะหยิบปลาที่ย่างสุกตัวหนึ่งกัดเข้าปาก 

 

 

ชิบหาย!  

 

 

ตันหวายเบิกตาโพลง โผเข้าหาร่างของจวินเฉิงโดยไม่ทันยั้งคิด คว้ามือเขาที่หยิบปลามากินเอาไว้แล้วร้องกล่าว “ข้าบอกแล้วข้าบอกแล้ว! หนึ่งก็คือคนที่อยู่ข้างบน ถ้าท่านอยากอยู่ข้างล่าง ข้าก็ไม่ถือเรื่องอยู่ข้างบนหรอกกกกก!” 

 

 

จวินเฉิงเงียบกริบ ผ่านไปอีกสักครู่ใหญ่ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม “ใครบอกเจ้าว่าข้า…” 

 

 

ตันหวายกะพริบตาปริบ เฝ้ารอคำพูดต่อไปของจวินเฉิงอย่างเงียบๆ 

 

 

จวินเฉิงไม่ได้กล่าวต่อ เพียงเอาปลายัดใส่มือของตันหวายแล้วกล่าวว่า “กินเถอะ” 

 

 

ตันหวายที่ถูกยัดเยียดปลามาให้ดีอกดีใจ ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างรู้สึกสับสน เป็นอย่างที่คาด ยอมรับแล้วสินะ เขาคือหมายเลขศูนย์ ดูท่าต่อไปนี้ตนคงต้องมีจิตสำนึกความเป็นหมายเลขหนึ่งซะบ้างแล้ว 

 

 

ตันหวายกินปลาไปพลาง จ้องมองจวินเฉิงไปพลาง ตัดสินใจในใจเงียบๆ ว่าต่อไปนี้จะต้องปกป้องฝ่ายรับของตนเองให้ดี นี่คือความรับผิดชอบของผู้เป็นฝ่ายรุก 

 

 

หลายวันที่ล่าสัตว์อยู่กลางแจ้งนับว่าราบรื่นไปด้วยดี จวินเฉิงยิงธนูแม่นมาก ขอเพียงมองเห็นเหยื่อโดยปกติแล้วก็มักเก็บแต้มใส่กระเป๋าได้เสมอ 

 

 

สิ่งเดียวที่ทำให้จวินเฉิงรู้สึกแปลกใจ ก็คือตันหวายที่พักนี้ทำตัวผิดปกติยิ่งนัก 

 

 

พอคลายมือ ลูกศรในมือก็แล่นพุ่งออกไป ยิงดอกเดียวถูกกระต่ายที่หมอบคลานอยู่บนพื้น 

 

 

ตันหวายไต่ปีนลงมาจากหลังม้าอย่างเชื่องช้าพลางหยุดยั้งจวินเฉิงที่กำลังจะลงม้า แล้ววิ่งต๊อกๆ เข้าไปหิ้วกระต่ายขึ้นมาแขวนด้านหลังม้า 

 

 

“ท่านวางใจเถอะ เรื่องที่ข้าทำได้ จะไม่ปล่อยให้ท่านทำแน่นอน” ตันหวายกล่าวอย่างแน่วแน่ มองด้วยสายตาของจวินเฉิงแล้วแทบจะมีประกายแสงออกมา 

 

 

จวินเฉิง “…” 

 

 

ระบบชักจะทนดูต่อไปไม่ไหว รีบกล่าวโน้มน้าว (ท่านเจ้าของร่าง คือเราคิดว่า ท่านอาจจะคิดมากไป) 

 

 

ตันหวายกลอกตาไม่สนใจระบบ เจ้าระบบนี่เขามองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว นอกจากประกาศค่าความประทับใจได้นิดหน่อย เรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นล้วนไร้ประโยชน์สิ้นดี ไหนจะภารกิจลับก่อนหน้านี้แลกเปลี่ยนอย่างไรก็ยังไม่ทันได้ตรวจสอบแน่ชัด เขาความจำดีมากนะจะบอกให้