ตอนที่ 1107 ทะเลาะวิวาททั้งกลุ่ม / ตอนที่ 1108 ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1107 ทะเลาะวิวาททั้งกลุ่ม

 

 

หวังมามาเกือบจะคุกเข่าให้กับคนกลุ่มนี้แล้ว!

 

 

ทว่าไม่มีใครฟังที่นางเอ่ยสักนิด ไม่แม้กระทั่งจะสนใจนาง

 

 

 หวงฮ่าวและคนอื่นๆของสำนักเต๋อซั่น หลังจากที่รู้สึกตัวต่างก็พากันเข้าร่วมการต่อสู้นี้ พวกหวงฮ่าวปกป้องซูหลีอย่างแน่นหนา ทำให้ซูหลีไม่ได้รับความลำบากเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเหยียบคนจำนวนไม่น้อย

 

 

บรรยากาศทั้งห้องโถงใหญ่มีความวุ่นวายในชั่วพริบตาเดียว

 

 

“ทะ ท่านอ๋อง นี่ควรจะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ” เด็กรับใช้ที่อยู่ข้างกายฉินม่อโจวตกตะลึงจนทึ่มทื่อไปแล้ว หลังจากที่เกิดความวุ่นวาย เขาจึงยืนอยู่ข้างกายฉินม่อโจวและเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

 

 

ใบหน้าของฉินม่อโจวเคร่งขรึมดุจหิมะ สีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างมาก เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยด้วยความโกรธ “หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

 

ตุบ ตับ ปัง ผลัวะ! เสียงที่ตอบเขาก็คือเก้าอี้ไม้แดงที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้าเขา

 

 

เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านหลังของฉินม่อโจวขดตัวลงเล็กน้อย ทันทีที่ชำเลืองมองก็พบกับสีหน้าดำคล้ำของท่านอ๋องของพวกเขา

 

 

“ไปช่วยเถอะ!” แต่ถึงจุดนี้ก็ช่างเถอะ ทว่ากลับมีคนยังต้องการเพิ่มความวุ่นวายเข้าไปอีก

 

 

ฉินม่อโจวหันศีรษะจ้องไปที่ฉินมู่ปิงตาเขม็ง เอ่ยด้วยความโกรธ “ช่วย!? ช่วยอะไรกัน เจ้ายังรู้สึกว่านี่ยังวุ่นวายไม่พอหรืออย่างไร!”

 

 

ใบหน้าของฉินมู่ปิงกระตุกเล็กน้อย ทว่ากลับไม่หยุดก้าวเท้าเดินไป เขานำเด็กรับใช้ข้างกายให้ถลาเข้าไปต่อสู้ด้วย

 

 

ฉินม่อโจว…

 

 

“ยังไม่รีบไปหยุดพวกเขาอีก! มัวตะลึงอะไรกันอยู่!?” เขาไร้ซึ่งหนทางที่จะจัดการได้ จึงทำได้แผดเสียงดังใส่หวังมามาที่อยู่ด้านข้าง

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หวังมามาประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งยังถูกเขาตะคอกเช่นนี้ ในที่สุดนางก็ดึงสติกลับมา จากนั้นรีบส่งให้คนไปเรียกทหารภายในหอหร่วนเซียงทั้งหมดมา เพื่อที่จะแยกซูหลีและคนอื่นออก

 

 

นางเห็นสภาพเมื่อครู่นี้ คิดแล้วว่าหากไม่แยกพวกเขาออกจากกัน จางเหิงอาจจะสิ้นชีพแล้ว!

 

 

ไยใต้หล้าถึงมีสตรีเฉกเช่นซูหลีกัน!? ทางด้านบุรุษยังไม่เริ่มตีกัน นางก็กระโจนเข้าไปตีผู้อื่นก่อน!

 

 

“ใครก็ได้เข้ามาที! รีบเข้ามาเร็วเข้า!”

 

 

“แยกพวกเขาให้ข้าซะ!”

 

 

“อ้า!”

 

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้หลังจากที่หนึ่งท่านอ๋องและหนึ่งจักรพรรดิที่อยู่ในห้องรับรองพูดคุยกันจบสองประโยค หันศีรษะไปมองจึงพบกับภาพสถานการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้

 

 

“นี่…” ฉินเฮ่าตะลึงค้าง ชี้ไปที่คนที่อยู่ข้างล่างเหล่านั้น เขาถึงกับพูดไม่ออก

 

 

และไม่ทันได้รอให้เขามีท่าทีตอบสนอง เขาพลันรู้สึกถึงลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างเขาไป เมื่อเขาดึงสติกลับมาฉินเย่หานที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ไม่อยู่แล้ว!

 

 

ใบหน้าของฉินเฮ่าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาหันศีรษะมองไปทางข้ารับใช้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน จากนั้นถึงเอ่ยถามอย่างฉงนสงสัย “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน”

 

 

“ดะ ดูเหมือนชั้นล่างจะมีปากมีเสียงกัน จากนั้นก็เริ่มต่อสู้กันพ่ะย่ะค่ะ” เด็กรับใช้เห็นเช่นนี้ จึงอธิบายออกมาด้วยใบหน้าแข็งทื่อ

 

 

ฉินเฮ่า…

 

 

แน่นอนว่าเขารู้ว่าพวกเขาต่อสู้กัน เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็เห็นซูหลีอยู่ในคนกลุ่มนั้น อีกทั้งยังลงมือต่อสู้กับพวกเขาอีก!

 

 

นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน

 

 

คำถามนี้เกรงว่าหากเขาถามออกไป เด็กรับใช้ก็คงตอบเขาไม่ได้ ใครจะรู้ว่าในสมองของซูหลีคิดอะไรอยู่กัน!

 

 

สตรีทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น!

 

 

“หยุดเดี๋ยวนี้! ซูหลี เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่!” ส่วนชั้นล่าง ฉินม่อโจวรู้สึกว่าเลือดในร่างไหลพลุกพล่านไปที่สมองหมดแล้ว เขารู้สึกปวดหัวเกินจะเปรียบ ในเวลานี้คนกลุ่มนั้นกำลังเลือดเข้าตา หาได้มีคนสนใจเขาไม่

 

 

“ทะ ท่านอ๋อง นี่จะทำอย่างไรดีเพคะ” หวังมามาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว นางเรียกทหารทั้งหมดเข้ามา ทว่าอย่างไรคนเหล่านี้ก็เป็นลูกหลานของเชื้อพระวงศ์ มิอาจแตะต้องได้ง่าย ทหารเหล่านี้ยืนดูอยู่นาน แต่ไม่กล้าที่จะเข้าไปลงมือ

 

 

จึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน

 

 

หวังมามาเห็นโต๊ะเก้าอี้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ แจกันดอกไม้และของตกแต่งก็แตกละเอียดแล้วเช่นกัน ประหนึ่งหัวใจของนางแทบจะมีเลือดซึมออกมาแล้ว!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1108 ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ!

 

 

“ใครก็ได้…”

 

 

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ฉินม่อโจวก็ไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน ขณะที่เตรียมจะเรียกคนให้แยกพวกเขาออกจากกันอย่างเด็ดเดี่ยว พลันได้ยินเสียงเยียบเย็นเช่นนี้เสียก่อน

 

 

น้ำเสียงทั้งเฉียบคมและละเอียด แตกต่างกับคนสามัญยิ่งนัก เสียงสูงที่ตะโกนออก ทั้งยังได้ผลจริงๆ

 

 

ฉินม่อโจวตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ทันทีที่หันศีรษะไปก็พบพระพักตร์ที่เย็นชาของเสด็จพี่ของเขา…

 

 

ทั้งร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าแข็งกระด้างไปหมด!

 

 

“หยุดลงมือเดี๋ยวนี้!” หลังจากที่เขาดึงสติกลับคืนมา จึงรีบร้องตะโกนประโยคนี้ออกมา

 

 

คิดไม่ถึงว่า ทันทีตะโกนประโยคนี้ออกมา การเคลื่อนไหวในห้องโถงจะสงบลงอย่างกะทันหัน

 

 

ฉินม่อโจวชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ทันทีที่เขาเสตามองถึงได้พบกับซูหลีที่ไม่รู้ถูกคนฉุดดึงออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดึงนางมานั่งอยู่ตรงหน้าฉินเย่หาน

 

 

“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่” น้ำเสียงของฉินเย่หานเยียบเย็นไปถึงกระดูก

 

 

ก่อนที่จะถูกดึงออกมา ซูหลีเตรียมยกมือขึ้นข่วนใบหน้าของอีกฝ่าย คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้จัดการก็ถูกคนดึงออกมาเสียก่อน แต่นี่ก็ช่างเถอะ ทว่าทันทีที่เหลือบตามองกับสบเข้ากับดวงตาล้ำลึกของฉินเย่หานคู่นั้น

 

 

ซูหลี…

 

 

“ฝะ ฝ่า…” ซูหลีที่เมื่อครู่ยังสง่าผ่าเผย ในเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นพูดติดอ่างเสียแล้ว

 

 

สถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ หลังจากที่ฉินม่อโจวดึงสติกลับมา จึงรีบคุกเข่าลงไปก่อนคนแรก…

 

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี!”

 

 

คำพูดดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องโถงของหอหร่วนเซียง อีกทั้งยังให้บรรยากาศที่ผิดปกติแผ่ซ่านไปทั่วห้อง

 

 

“ตุบ!” ซูหลีคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน

 

 

ใครจะบอกนางได้บ้าง!

 

 

ว่าทำไมฝ่าบาทจู่ๆ ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้!?

 

 

นี่มิใช่หอโคมเขียว!?

 

 

อารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้าของซูหลีแปรเปลี่ยนไปมาอย่างไม่อาจคาดเดาได้ ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นตัวมากที่สุด มิหนำซ้ำนางยังรู้สึกถึงอากาศที่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงก้นบึ้งหัวใจ

 

 

เส้นสายตาที่อยู่เหนือศีรษะนั้นประหนึ่งมีรูปมีร่างก็มิปาน ราวกับกำลังรัดร่างนางไว้อยู่ ทำให้หัวใจทั้งดวงของนางสั่นสะท้าน

 

 

ชะ ช่วยด้วย!

 

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท!” ในที่สุดคนทั้งห้องโถงก็ดึงสติกลับคืนมา หลังจากที่ชะงักค้างไปก็รีบคุกเข่าลง

 

 

เพียงชั่วพริบตาเดียวห้องโถงที่เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวายพลันเงียบสงบลง ทุกคนคุกเข่าลงเต็มห้องโถงที่มีบรรยากาศที่กดดัน

 

 

“หวงเผยซาน” ใบหน้าของฉินเย่หานเคร่งขรึมเสียจนเหมือนกับจะหยดน้ำออกมาได้มิปาน

 

 

หวงเผยซานที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างใกล้ชิด จึงรีบเอ่ยขานรับทันที

 

 

“นำเรื่องการทะเลาะวิวาทและก่อความวุ่นวายทั้งหมดในวันนี้ไปแจ้งกับผู้ว่าการซุ่นเทียนซะ!” ฉินเย่หานแสดงสีหน้าเพิกเฉยและเอ่ยประโยคนี้ออกมา

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของซูหลีพลันเปลี่ยนไป นางรีบเงยหน้าขึ้นโดยไม่สนใจเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

คิดไม่ถึงว่าทันทีที่นางแหงนศีรษะขึ้นกับสบเข้ากับดวงตาที่ล้ำลึกประหนึ่งสายน้ำที่หมุนเวียนอยู่มิปาน ดวงใจนางรู้สึกสั่นสะท้านไปหมด ทั้งยังเริ่มขดตัวอย่างสำนึกได้

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากหวงเผยซาน ซูหลีก็รีบฉีกยิ้มให้กับฉินเย่หานอย่างไม่สนใจเรื่องใดทั้งสิ้นแล้วเอ่ย

 

 

“ฝะ ฝ่าบาท! กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

หวงเผยซานอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากขึ้น ใต้เท้าซู ผู้เป็นที่หนึ่งในใต้หล้าอา!

 

 

ความรวดเร็วในการยอมรับผิดก็เป็นที่หนึ่งในใต้หล้า!

 

 

ถึงตายก็ไม่สำนึกก็เป็นที่หนึ่งในใต้หล้า!

 

 

เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์เมื่อครู่นี้ เขาเห็นยังรู้สึกสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ซูหลีเป็นสตรีคนหนึ่ง แต่กลับไปสู้กับบุรุษร่างใหญ่เหล่านั้น…

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝ่าบาท!

 

 

ซูหลีไม่กล้ามองฉินเย่หานเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคู่นั้นเคลื่อนไปมาอย่างลุกลี้ลุกลน รออยู่นานก็ยังไม่ได้ยินฉินเย่หานพูดอะไรออกมา

 

 

ในขณะที่นางกำลังตื่นตระหนก พลันเห็นรองเท้าสีดำลายเมฆคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า

 

 

ซูหลี…

 

 

“ฝ่าบาท ทรงเย็นพระทัยลงเถิด!”