ตอนที่ 501 รักเมียอย่างสุดหัวใจจนต้องร้องไห้ / ตอนที่ 502 ลูกล่ะ

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 501 รักเมียอย่างสุดหัวใจจนต้องร้องไห้

 

 

ผู้หญิงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่ง่ายเลย ครึ่งชีวิตแรกมีชีวิตอยู่เพื่อสามี ครึ่งชีวิตหลังมีชีวิตอยู่เพื่อลูก ทำงานหนักตลอดชีวิต สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

 

 

เฉินยางยังจำตอนที่สะใภ้ใหญ่จูคลอดฉางสุ่ยตอนนั้นอยู่ สามีของนางดื่มเหล้ามา เมามายจนไม่ได้สติ นอนหลับอยู่ในห้อง สะใภ้ใหญ่จูยังต้มน้ำต้มแก้เมาเหล้าให้เขาอยู่เลย ผู้หญิงคนหนึ่งแบกท้องใหญ่ขนาดนั้นไปต้มน้ำต้มแก้เมาเหล้าให้เขา ป้อนเขาให้ดื่มมันลงไป แล้วยังเช็ดหน้าให้เขาอีก ปรนนิบัติให้เขานอนลง แค่คิดก็รู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลย พอปรนนิบัติสามีของนางเรียบร้อยแล้ว ท้องของนางก็ก่อเรื่องตีกลอง สามีของนางนอนหลับสนิทปางตายไม่ได้ยินเสียงที่นางร้อง จนในที่สุดคนที่ได้ยินคือเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆ จึงประคองนางกลับห้องอย่างชุลมุนแล้วช่วยทำคลอดให้นาง พอสามีของนางตื่นขึ้นมา ได้ยินว่าตัวเองได้ลูกชาย ดีใจเหมือนอะไร อุ้มลูกชายไม่ยอมปล่อยมือ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ถามสะใภ้ใหญ่จนสักคำว่าเจ็บหรือเปล่า เหนื่อยหรือไม่

 

 

ดังนั้นจึงพูดว่าผู้หญิงเราถ้าได้แต่งงานถูกคนก็ย่อมมีชีวิตที่มีความสุขไปตลอดชีวิต แต่ถ้าแต่งงานผิดคนก็จะมีชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยไปตลอดชีวิต

 

 

สะใภ้ใหญ่จูเคยพูดกับนางว่า ผู้หญิงเรามีเพียงแค่ตอนคลอดลูกเท่านั้นถึงจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้รักเจ้าจริงหรือไม่ รักเจ้าอย่างสุดหัวใจหรือไม่

 

 

คำพูดนี้พูดไว้ไม่ผิดเลย อย่างไรเฉินยางก็รู้สึกว่าตัวเองแต่งงานถูกคน นางลูบไปที่หน้าของเขา ปลายนิ้วลูบเปียกไปหมด รู้สึกประหลาดใจ “เจ้า…ร้องไห้หรือ”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้พูดอะไร จูบไปที่ผมนางครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

หมอตำแยเห็นนางพักผ่อนพอได้แล้ว พูดกับเฝิงเยี่ยไป๋ว่า “ท่านอ๋อง ท่านออกไปเถอะ ในห้องคลอดไม่สะอาด เดี๋ยวจะล่วงเกินท่านได้”

 

 

เขาไม่ยอมไป เฝ้าอยู่ที่หน้าเตียงของนาง จับมือนาง “ล่วงเกินอะไรกัน ข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ข้าจะอยู่เฝ้านางที่นี่ เจ้าทำหน้าที่ทำคลอดของเจ้าไปก็พอ”

 

 

หมอตำแยไม่ได้พูดอะไรอีก คนเข้าไปในผ้าม่านอีกครั้งหนึ่ง นิ้วมือที่เ**่ยวแห้งกดไปที่จุดลมปราณที่ท้อง “นายท่านที่ีรัก ท่านออกแรงอีกหน่อย ข้าจะหมุนตัวท่านซื่อจือ พอหมุนตัวได้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ออกแรง ออกแรงหน่อย……”

 

 

เฉินยางเหงื่อไหลท่วมตั้งแต่แรก คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้าซีดเซียว กัดฟันกลั้นแรงไว้ ครั้งแรกไม่ได้ รู้สึกท้อใจ ความพยายามที่ทำมาก่อนหน้าสูญเสียไปหมด

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เห็นนางเป็นอย่างนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ทั้งเอาผ้าเช็ดนางให้นาง ทั้งปลอบใจนาง “อย่าเพิ่งท้อ ออกแรงอีกนิด แรงที่ใช้เถียงทะเลาะกับข้าทุกวันนั้นไปไหนหมดแล้วล่ะ เอาแรงนั้นออกมา ไม่ต้องคิดอะไร เจ้าคิดแค่ว่าถ้าลูกชายได้คลอดออกมาแล้ว เราสามคนก็จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”

 

 

อีกทั้งยังพูดขึ้นอีกว่า “เจ้าเด็กนี่ทรมานเจ้าถึงเพียงนี้ รอให้เขาออกมาก่อน ในฐานะที่ข้าเป็นสามีเจ้า ข้าจะสั่งสอนเขาเอง”

 

 

หมอตำแยทำคลอดให้คนมาสิบกว่าปีแล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้ชายที่รักเมียตัวเองมากมายถึงเพียงนี้ ผู้ชายไม่มีวันเข้าใจความทุกข์ของผู้หญิงตอนคลอดได้หรอก ในสิบคนมีเก้าคนที่ทำท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร คิดว่าการคลอดลูกเป็นเรื่องไม่ใหญ่โตอะไร กัดฟันนิด ย้ำเท้าหน่อย เด็กก็ออกมาแล้วไม่ใช่หรือ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าในนั้นจะยากลำบากเพียงใด และไม่เหมือนคนคนตรงหน้าคนนี้ ผู้ชายที่ร้องไห้เพราะรักเมียมาก

 

 

ผู้หญิงเราได้แต่งงานกับคนที่ถูก นับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว

 

 

“นายท่าน ท่านออกแรงนิด ใช่แล้ว หายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นไว้ อย่าปล่อยออกมา เหลืออีกนิดหน่อยหัวก็หมุนมาแล้ว ท่านต้องกลั้นใจไว้ ดี แบบนี้แหละ ฟังที่ข้าพูดนะ ค่อยๆ ปล่อยลมออกมา ก้นนั่งลงไป …… ใช่ๆๆ แบบนี้แหละ กัดฟันทนอีกนิด ดีๆๆ หัวของท่านซื่อจื่อออกมาแล้ว นายท่าน ท่านออกแรงอีกนิดนะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 502 ลูกล่ะ

 

 

หัวของเด็กโผล่ออกมาแล้ว ออกมาอีกนิดก็จะราบรื่นแล้ว หมอตำแยยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อ ยิ้มและพูดกับเฝิงเยี่ยไป๋ขึ้นว่า “สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วท่านอ๋อง นายหญิงช่างมีบุญ เด็กออกมาได้อย่างราบรื่น”

 

 

ทั้งพูดทั้งเอามือล้วง ล้วงจนถึงขั้นสุดท้าย ไม่ต้องให้หมอตำแยสอน เฉินยางก็สามารถหายใจแรงๆ ด้วยตัวเองได้ อดทนหน่อย ใช้แรงออกแรงดันอีกหน่อย ร่างกายที่ยกชึ้นพอผ่อนปล่อยลง และเสียงเด็กร้องก็ดังออกมาคับห้อง

 

 

เฉินยางหันไปดูที่มือของหมอตำแย เลือดเต็มไปหมด นางมึนงงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางเป็นคนคลอดออกมา เหมือนเป็นคนคนหนึ่ง และเหมือนจะไม่ใช่คน นางเหนื่อยมาก ได้ยินเหมือนมีเสียงคนเรียกชื่อนางลอยมา ทั้งรีบทั้งหอบ นางได้ยิน อยากที่จะตอบกลับเขาไป แต่ปากอ้าไม่ได้และไม่มีเสียงที่จะพูด เหมือนตกอยู่ในเหวลึกอันไร้ขอบเขต รอบๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสีดำ มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น แล้วได้ยินคนเรียกชื่อของนาง เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงช่างอ่อนโยน เรียกนาง “เฉินยาง” ทีแล้วทีเล่า

 

 

ตรงหน้ามีแสงสว่างกระจ่างขึ้นมา แสงสว่างทั้งกว้างและใหญ่ขึ้น เสียงขึ้นผู้หญิงยังฟังยิ่งดังขึ้น สุดท้ายก็มีแสงส่องมาแทนที่ความดำมืด ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้านางทว่ามองเห็นหน้าไม่ค่อยชัด แต่เฉินยางรู้สึกว่าเป็นแม่ของนาง

 

 

ผู้หญิงพูดขึ้นว่า “เฉินยาง ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ลูกของข้า ถึงขนาดนี้ข้าก็ไม่ทันได้มาดูเจ้าเลย” ลงท้ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ เหมือนเกือบจะร้องไห้ออกมา

 

 

นางยืนมือไปคว้า แต่แสงสว่างแตกสลายกลางมือนาง คว้าอะไรไม่ได้เลย

 

 

“ท่านแม่ ท่านแม่เป็นท่านหรือไม่ ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”

 

 

“เป็นแม่เอง ลูกรักของแม่ แม่ก็คิดถึงเจ้า ประตูนรกของผู้หญิงเรา เจ้าผ่านมันมาได้แล้ว ช่างเก่งเหลือเกิน เก่งกว่าแม่ของเจ้าเสียอีก ตอนที่คลอดเจ้า แม่หมดแรงไป อดทนไม่ถึงตอนสุดท้าย แม้แต่หน้าของเจ้าแม่ก็ยังไม่ทันได้เห็น เจ้าผ่านมาได้ก็ดีแล้ว ผ่านมาได้ก็ดีแล้ว”

 

 

นางฝืนยื่นมือออกไปอีกครั้ง “ท่านแม่ ข้าอยากกอดท่านเหลือเกิน ท่านให้ข้ากอดหน่อยได้หรือไม่ ตั้งแต่เล็กจนโต ข้ายังไม่เคยกอดท่านเลย”

 

 

เสียงที่เปร่งมาจากแสงสว่างนั้นพูดขึ้นว่า “เข้ามาสิลูก แม่ก็อยากกอดเจ้าเหลือเกิน”

 

 

นางรีบเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ โถมกอดไปที่อกของแม่ กอดแม่แน่น ไม่ปล่อยมือ กอดแล้วรู้สึกเหมือนได้กอดจริงๆ นางยกมุมปากขึ้น ยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

 

“เฉินยาง? เฉินยาง? เฉินยาง? ”

 

 

เสียงนั้นใกล้มาข้างหู ค่อยเปลี่ยนไปไม่ใช่เสียงผู้หญิงแล้ว แสงสว่างในความฝันกำลังค่อยๆ เลือนหายไป แม่พูดขึ้นว่า “แม่ต้องไปแล้วนะ ลูกรักของแม่ ดูแลท่านพ่อเจ้าให้ดีๆ อยู่ต่อไปอยู่มีความสุขนะ”

 

 

แม่ที่อยู่ในอ้อมกอดกำลังค่อยๆ หายไป จุดดาวสว่างๆ กำลังหายไปจากนาง—แม่ของนางจากไปแล้ว

 

 

“เมียที่รักของข้า เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจ เจ้ารีบตื่นขึ้นมาสิ ตื่นขึ้นมา ได้หรือไม่”

 

 

แม่จากไปแล้ว ยังมีคนเรียกนางอยู่ เฉินยางค่อยๆ ลืมตาที่ดูเหมือนจะหนักมาก เพิ่งเปิดได้นิดเดียว แสงสว่างที่อยู่ต่อหน้าโถมเข้ามา เหมือนอยู่กันคนละภพชาติไม่รู้ว่าเป็นนรกหรือสวรรค์ที่ดึงนางกลับมาสู่โลกมนุษย์

 

 

หัวเตียงมีซั่งเหมยกับซั่งเซียงยืนอยู่ มีเฝิงเนี่ยไป๋ที่ดูกึ่งคุกอยู่ข้างๆ นาง กุมมือนางไว้ แววตาเต็มไปด้วยหมอก

 

 

“พวกเจ้ามายืนทำอะไรกันอยู่ที่นี่” เสียงที่เปร่งออกมาทั้งแหบทั้งแห้ง ซั่งเหมยสายตาว่องไว รีบไปรินน้ำอุ่นๆ มาป้อนให้นางดื่ม ยกมือขึ้นเช็ด เช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนหน้า

 

 

“นายหญิง ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา ท่านสลบนอนไปทั้งวันแล้ว ข้าตกใจแทบแย่”

 

 

ทั้งวัน? นางฝันไปทั้งวันหรือ

 

 

หันหน้าไปถามเฝิงเยี่ยไป๋ “แล้วลูกล่ะ”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เช็ดเหงื่อที่ขมับให้นางแล้วพูดว่า “แม่นมกำลังป้อนนมอยู่ห้องข้างๆ น่ะ”