ตอนที่ 154 บุรุษที่แปลกประหลาด

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

” เรื่องรักษา ข้าทำไม่เป็น แต่ถ้าจะให้ถอนพิษก็พอจะทำได้” หยวนเฟย เดินไปนั่งลงที่ข้างกายเขา 

 

 

” ท่านแม่ทัพช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้ายอมสมควรตอบแทนมีน้ำใจของท่าน ขอท่านแม่ทัพโปรดเชื่อถือข้าเถอะ ”  

 

 

ตู๋กูจุนมองดูดวงตาของนาง สาวน้อยผู้นี้องอาจกล้าหาญ ดวงตาของนางมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม 

 

 

” รบกวนแม่นางแล้ว” 

 

 

เขาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ดวงตาหนักอึ้ง คิดแต่จะหลับลงไปเท่านั้น 

 

 

” ท่านแม่ทัพ! ” เหล่าลูกน้องต่างรู้สึกว่าเขาประมาทเกินไปแล้ว สตรีที่ไม่มีที่มาผู้หนึ่งบอกให้เชื่อก็เชื่อถือได้หรือ?  

 

 

หยวนเฟยไม่กล่าววาจาไร้สาระอีก เพียงเห็นนางล้วงเอาเข็มเงินออกมาจากกำไลข้อมือ ยื่นมือไปเหนือทรวงอกของตู๋กูจุน ” ค่อนข้างจะเจ็บอยู่บ้าง ขอท่านแม่ทัพอดทนสักครั้ง” 

 

 

พูดแล้วก็เห็นนางปักเข็มลงไปบนปากแผลของตู๋กูจุนเพียงรวดเดียวก็สิบกว่าเข็ม หลังจากนั้นก็ล้วงเอาหนอนสีดำออกมาจากในถุงข้างเอว วางลงบนจุดที่ปักเข็มเอาไว้ นอนดำได้กลิ่นคาวเลือด ก็ขบกัดลงบนผิวหนังมุดลงไปใต้ผิวหนัง 

 

 

ดวงตาของท่านหมอกลายเป็นไข่ไก่ ” นี่……….. นี่เป็นหนอนพิษ! แม่นางน้อย เจ้าเรียนรู้อะไรไม่เรียน ทำไมเรียนรู้วิชาทำร้ายผู้คน! “ 

 

 

ผู้ที่รายล้อมอยู่ต่างก็ตกตะลึงไป พอพวกเขาเห็นหนอนสีดำเหล่านั้นคลานเข้าไปใต้ร่างของท่านแม่ทัพแต่ละคนก็คิดจะลงมือฆ่านางปีศาจน้อยผู้นี้เสีย 

 

 

” หนอนที่สามารถทำร้ายคน ก็สามารถช่วยคนได้ แก่ๆ อย่างเจ้าไม่รู้จักก็ช่างเถอะ อย่าได้รบกวนข้าช่วยคน” 

 

 

นางต้องการให้หนอนเหล่านี้เข้าไปในเลือดเนื้อของเขา ดูดพิษร้ายเหล่านั้นออกมาให้หมด 

 

 

ท่านหมอโดนตอกหน้าไปรอบหนึ่ง ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องพิษจึงได้แต่เฝ้าดูอยู่ที่ด้านข้าง 

 

 

หยวนเฟยไม่คิดจะเสียสมาธิเมื่อของนางขยับต่ำลงไปที่บนอกของตู๋กูจุนก็พบว่า 

 

 

ดูสิ! มีขนหน้าอกด้วย! แถมยังดกดำนุ่มแน่นยิ่งกว่าบุรุษที่แข็งแกร่งของชาวหนานเจียงเสียอีก 

 

 

นี่เป็นบุรุษคนแรกในต้าโจวที่นางเห็นว่ามีขนหน้าอก ต่อให้ต้องทุ่มเทชีวิตลงไปนางก็จะต้องช่วยเขาให้ได้  

 

 

ท่ามกลางความมึนงงตู๋กูจุนรู้สึกจั๊กจี้ตรงหน้าอก ยุบยิบๆ เท่ากับว่ามีมือเล็กๆ คู่หนึ่งกำลังลูบไล้ไปมา 

 

 

 

 

 

……………………… 

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องที่องค์หญิงใหญ่ถูกทำร้าย ท่านแม่ทัพผู้พิชิตได้รับบาดเจ็บ มีผู้เห็นเหตุการณ์อยู่ไม่น้อย เพียงไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปถึงจีเฉวียน แม้กระทั่งตู๋กูซิงหลันก็ยังรู้  

 

 

นางออกจากวังตั้งแต่กลางดึก ทันทีที่มาถึงจวนตระกูลตู๋กู ก็เข้าไปดูพี่ใหญ่ในทันที ยามที่เข้าไปนั้น นางเห็นเพียงตู่กูจุนกำลังหลักพักผ่อนอยู่ ร่างท่อนบนของเขาถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าขาว สีหน้าค่อนข้างสงบนิ่ง หากไม่ใช่เพราะว่าเขากำลังหายใจอยู่ ตู๋กูซิ่งหลันก็คงคิดว่าเขาได้ตายไปแล้ว นางกวาดสายตามองดู เห็นสาวน้อยที่มีเลือดท่วมตัวผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่ที่ปลายเตียง มือเล็กๆ ข้างหนึ่ง ยังเอื้อมาสัมผัสกับหน้าอกของพี่ชายตนเอง เมื่อนางเดินเข้าไป หยวนเฟยก็รู้สึกตัว หันศีรษะกลับมามองนาง กล่าวว่า ” วางใจเถอะ พิษของเขาถูกกำจัดไปแล้ว” 

 

 

นางยอมเสียหนอนพิษไปถึงสิบสองตัว ถึงได้ช่วยชีวิต ผู้มีพระคุณผู้นี้เอาไว้ได้ ทันทีที่นางพูดออกมา ก็ได้ยินเสียงของตู๋กูซิง่หลันกล่าวว่า ” เสี่ยวหยวนเฟยเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร 

 

 

” พูดไปแล้วก็คงเป็นเรื่องยาว หยวนเฟยหัวเราะเบาๆ ” สรุปก็ คือว่า ในเมืองหลวงไม่ค่อยสงบนัก” ว่าแล้วนางก็ค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกมา 

 

 

ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้วแน่น นางนั่งลงที่ข้างตัวของตู๋กูจุน พอตรวจสอบดูจนแน่ใจว่าพี่ชายไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต หัวใจที่ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศถึงได้สงบลงได้ เพียงแต่ดวงตาคู่นั้น ปรากฏแววเย็นยะเยือกออกมา คนในครอบครัวของนางตู๋กูซิงหลัน ผู้ใดที่กล้าแตะต้อง นางจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า 

 

 

ในเมื่อพี่ชายโดนลูกศรไปดอกนึง เช่นนั้นฝ่ายตรงข้าม สมควร ได้รับพันศรแทงหัวใจ!  

 

 

หยวนเฟยมองดูนาง อยู่ๆ ก็อดที่จะรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาไม่ได้ กระทั่งปลายเท้าก็ยังรู้สึกเย็นวูบวาบ  

 

 

ครู่ต่อมาตู๋กูซิงหลันค่อยสั่งให้สาวใช้ในจวนนำหยวนเฟยไปชำระร่างกาย หาเสื้อผ้าใหม่ของนางให้หยวนเฟยสวมใส่ ตัวนางเองคอยเฝ้าตู๋กูจุนอยู่ข้างๆ กระทั่งฟ้าสางแล้วตู๋กูจุนถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา 

 

 

” น้องเล็ก……………… เจ้ามาได้อย่างไร” ตู๋กูจุนเห็นสีหน้าของนางเป็นกังวลในใจก็รู้สึกเจ็บปวดนัก เขาอุตส่าห์สั่งพวกลูกน้องเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ให้รบกวนนาง 

 

 

” ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าท่านแม่ทัพผู้พิชิตได้รับบาดเจ็บแล้วข้าที่เป็นน้องสาว จะไม่รู้ได้อย่างไร ” ตู๋กูซิงหลันกุมมือของตู๋กูจุนเอาไว้ ” ต่อไปหากเกิดเรื่อง จะต้องบอกข้าเป็นคนแรกพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันสมควรรักใคร่ปรองดองเอาไว้” 

 

 

 

 

 

ตู๋กูจุนตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ค่อยคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง ยกมือช้าๆ อย่างกินแรงอยู่บ้าง ลูบศีรษะของน้องสาวเบาๆ พี่ใหญ่ร่างกายแข็งแรงดุจเหล็กกล้า ย่อมสามารถปกป้องเจ้าได้ไหนเลยจะต้องให้เจ้ามาคอยปกป้องด้วย` 

 

 

น้องสาวผู้นี้เติบโตขึ้นแล้วรู้จักปกป้องดูแลผู้อื่น ครู่หนึ่งเขาค่อยถามว่า องค์หญิงใหญ่ทรงเป็นเช่นไร 

 

 

” นางนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องรับแขก” มีเชียนเชียนคอยดูแลอยู่ 

 

 

 

 

 

ยามที่นางไปแอบมองดูองค์หญิงใหญ่ พระองค์บรรทมอยู่ แต่ถึงจะหลับไม่ได้สติ ก็ยังคงท่องชื่อหนึ่งไม่หยุด ฟู่หม่า (ราชบุตรเขย) ฉางซุนซู่ แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร นางก็ไม่ยอมตื่น ราวกลับว่ากำลังติดอยู่ในความฝัน 

 

 

ตู๋กูจุนขมวดคิ้วแน่น ” ช่วงนี้นางมักจะ ไปกราบไหว้ ฟู่หม่าที่สุสานอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งจะมีท่าทางจิตใจล่องลอย ราวกับคนที่ไร้วิญญาณ ข้าดูแล้วไม่วางใจ จึงได้ติดตามนางไว้อยู่ตลอด  

 

 

เมื่อคืนนี้เห็นนางเข้าไปที่ถนนเหนือ บริเวณตลาดกลางคืน ในเรือนไม้หลังหนึ่ง ดูท่าทางแปลกประหลาดอยู่บ้าง ตอนที่บุกเข้าไปก็พบบุรุษชุดดำ ที่มีท่าทางลึกลับผู้หนึ่ง “ 

 

 

” ท่าทางลึกลับหรือ? ” ตู๋กูซิงหลันจับประเด็นสำคัญเอาไว้  

 

 

” เป็นบุรุษที่ดูแปลกประหลาดผู้หนึ่ง” ตู๋กูจุนทบทวนความทรงจำรอบหนึ่ง ” ข้ามองไม่เห็นหน้าของเขา น้ำเสียงก็ฟังไม่ออกว่าเป็นคนมาจากที่ใด “ 

 

 

” ผู้ที่สามารถทำให้พี่ใหญ่บาดเจ็บได้ ย่อมสมควรมีฝีมือไม่ธรรมดา ” ตู๋กูซิงหลันพูดพลาง ก็นำยาที่ได้มาจากท่านหมอ ป้อนให้เขาดื่มทีละช้อน  

 

 

ตู๋กูจุนได้รับการดูแลเช่นนี้ ก็แปลกประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาจดจำได้ว่ายามที่น้องเล็กป่วยเมื่อตอนเด็กๆ นั้น ตอนป้อนยา เขาและเจ้ารองต้องช่วยกันหลอกล่อนาง ใช้วิธีมากมายที่เตรียมไว้นับร้อยอย่าง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่ง น้องเล็กจะเป็นคนป้อนยาให้กับเขา  

 

 

” แล้วแม่นางน้อย พี่ถอนพิษให้ข้าเล่า? ” ดื่มยาไปได้ครึ่งชาม ตู๋กูจุนก็คิดถึง แม่นางน้อยเมื่อวานขึ้นมาได้ เขามองไปรอบทิศ เขามองไปรอบทิศสี่ด้านก็ไม่เห็นตัวคน  

 

 

” นางเองก็ได้รับบาดเจ็บ รอจนนางหายดีแล้ว ข้าจะส่งนางกลับไปบ้านด้วยตัวเอง แม่นางน้อยผู้นั้นช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่ง ข้าสมควรจะต้องขอบคุณนาง” 

 

 

 

 

 

ขณะที่เขาพูดเรื่องนี้ออกมา หยวนเฟยที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าประตูมาและได้ยินอยู่พอดี แต่ไหนแต่ไร นางไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าของชาวต้าโจว ยามนี้สวมใส่ผ้าไหมที่งดงามอยู่บนล่าง บ่าวหญิงของจวนตู๋กู ยังเปลี่ยนทรงผมเป็นแบบสตรีต้าโจวให้กับนาง ทำให้นางรู้สึกไม่คุ้นเคยเข้าไปใหญ่ 

 

 

” เป็นท่านแม่ทัพที่ช่วยข้าไว้ สมควรเป็นข้าที่ต้องขอบคุณท่านต่างหาก” 

 

 

ตู๋กูจุนหันมามองเห็นนางสวมใส่กระโปรงสีแดง เส้นผมสีดำยาวดุจคลื่นในทะเล ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดูแล้วช่างแตกต่าง กับสตรีทั่วไปที่มีผิวขาว ในทางตรงกันข้ามนั้น ผิวพรรณของนาง เหมือนกับเมล็ดงาคั่วของคนที่มีสุขภาพดี ยามที่นางเดินเข้ามาใกล้ เสียงกระพรวนก็ดังขึ้นเบาๆ ช่างน่าฟังนัก  

 

 

 

 

 

หยวนเฟยเดินมาถึงข้างกายเขา ใบหน้าเล็กๆ นั้นทาบลงไปบนทรวงอกของเขา ” ร่างกายของท่านแม่ทัพแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่ยังไม่สมควรเคลื่อนไหวให้มาก ขอเพียงผ่านไปอีก 1 เดือนก็จะฟื้นฟูดังเดิม” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ด้านข้างของนาง นางเองก็คุ้นเคยกับการแต่งตัว ในแบบสาวน้อยหนานเจียงของหยวนเฟย อยู่ๆ ได้เห็นนางแต่งตัวเช่นนี้ ยังเกือบจะจำไม่ได้มองไม่ออกไปเหมือนกัน