ตอนที่ 1655

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,655 : ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่าน!

 

ตราผนึกมารไม่ใช่เรื่องแปลกปลอมสำหรับหานเจิ้งเทียน!

 

ตราผนึกมารคือยอดศาสตราเซียน ติดอันดับ 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยิ่งไปกว่านั่นมันยังเป็นลำดับต้นๆอีกด้วย!

 

เหตุผลที่ไฉนมันถึงติดอันดับต้นๆนั้น ไม่ใช่เพราะความสามารถในแง่ของการเพิ่มพูนพลัง หากแต่เป็นความสามารถวิเศษในการปราบมาร!

 

ตราผนึกมารนั้นทรงพลานุภาพสูงล้ำนัก หากนำไปใช้กับผู้ฝึกมาร!

 

ด้วยเหตุนี้พอมันทราบด้วยกลวิธีบางอย่าง ว่าตราผนึกมารอยู่ในทวีปมนุษย์ที่อยู่ในทิศใต้ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันจึงส่งชิงหนูออกไปค้นหา อนิจจากลับคว้าน้ำเหลวอยู่หลายปี

 

ในที่สุดมันก็จำต้องยอมแพ้

 

อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าตราผนึกมารที่มันค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ กลับตกมาอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน!

 

ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นสหายที่บุตรของมันไปพบพานและทำความรู้จักตอนที่นางติดตามชิงหนูไปเที่ยวเล่นที่ทวีปมนุษย์

 

กล่าวได้ว่า เบาะแสที่มันได้รับมานั้นล้วนเป็นความจริง ตราผนึกมารกลับอยู่ในทวีปมนุษย์ทางใต้จริงๆ!

 

เพียงแค่ชิงหนูไม่ได้รับ เป็นต้วนหลิงเทียนได้มาครองแทน

 

ในที่สุดมันก็เข้าใจแล้วว่าไฉนลูกสาวของมันถึงได้ขอให้มันสัญญาอะไรแบบนั้น นับว่าตราผนึกมารนั้นสร้างความสนใจให้มันมากทีเดียว!

 

แน่นอนว่าหากเทียบกับลูกสาวคนเดียวแล้ว ตราผนึกมารก็ไม่นับเป็นอะไรได้!

 

ในใจของมันลูกสาวคนเดียวเป็นสิ่งสำคัญที่มีค่ามากที่สุด ยังมีค่ามากกว่าชีวิตของมันเสียอีก!

 

“ยาโถวน้อยโง่งม เจ้ากลัวพ่อปล้นชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าหรือ?”

 

หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาค่อยกล่าวสืบต่อ “อย่างไรก็ตามความสามารถของพี่ใหญ่หลิงเทียนเจ้านับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก ก่อนหน้าข้าคิดว่าเขาคงเทียบได้กับอัจฉริยะระดับต้นๆของคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ตอนนี้ดูเหมือนเป็นข้าที่ยังดูเบาเขาไป…สามารถเอาชนะอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน อย่างหลินตงผู้นั้นมาได้ ทั้งๆที่หลินตงก็มิได้อ่อนแอไปกว่าอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์คลื่นขจีพวกเรา!”

 

“ที่สำคัญที่สุดคือเขากลับสังหารหลินตงลงได้ทั้งๆที่หลินตงสามารถทะลวงขอบเขตเซียนได้แล้ว…ในเรื่องนี้อย่าว่าแต่คฤหาสนน์หลิ่งหนานหยวนหรือคฤหาสน์คลื่นขจี ต่อให้เป็นทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งเป็นภูมิภาคเบื้องบน ก็คงยากจะมียอดฝีมือใต้ขอบเขตเซียนเป็นคู่มือให้เขาได้…”

 

กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาหานเจิ้งเทียนก็สว่างโรจน์ขึ้นมา “ยาโถวน้อย พ่อสนใจพบพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้านัก…เจ้าจักมิแนะนำเขาให้พ่อรู้จักหน่อยหรือ?”

 

“ท่านพ่อ ตั้งแต่พี่ใหญ่ปิดด่านบ่มเพาะไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่…”

 

ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่ส่ายหัวไปมาคล้ายจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ออกจากการปิดด่าน พลันมีเสียงหนึ่งดังแจ้งขึ้นมาจากด้านนอก “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นายน้อยหลิงเทียนต้องการพบท่านเจ้าค่ะ”

 

เป็นเสียงของสตรีรับใช้ท่ำหน้าที่เฝ้าประตูนั่นเอง

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียนออกจากการปิดด่านแล้วหรือ?”

 

สองตาหานเฉวี่ยไน่ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำรายงาน “รีบเชิญพี่ใหญ่เข้ามาเร็ว!”

 

“ดูเหมือนว่าข้ายังมีโชคไม่น้อย”

 

หานเจิ้งเทียนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

 

ขณะเดียวกันลึกลงไปในแววตาของมันก็เผยประกายสว่างเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง คล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามาจนเห็นหานเฉวี่ยไน่ เขาก็สังเกตเห็นว่านางมีแขกอยู่อีกคน

 

ชายวัยกลางคนแลดูสง่าผ่าเผยคนนี้ ทั่วร่างเผยแรงกดดันให้เขาสัมผัสได้ระดับหนึ่ง…หากเป็นเดือนที่แล้ว แรงกดดันจากกลิ่นอายพลังของชายวัยกลางคนผู้นี้คงสะกดข่มเขาได้แน่ เพราะกลิ่นอายพลังของชายวัยกลางคนผู้นี้นับว่าเหนือกว่ากลิ่นอายพลังทั้งหมดที่เขาเคยพบพานมาก่อน

 

กระทั่งชิงหนู และเจ้าเมืองคลื่นขจียังไม่มีกลิ่นอายพลังแข็งกล้าขนาดนี้

 

กระทั่งกลิ่นอายพลังของตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บนั่นก็ยังด้อยกว่า! ส่วนกลิ่นอายพลังของสตรีลึกลับพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ…เขามิอาจจับสัมผัสใดๆได้เลย!

 

หลังจากพินิจอีกฝ่ายจนได้แลเห็นหว่างคิ้ว เค้าโครงใบหน้า ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชายวัยกลางคนหน้าตาดีคนนี้ละม้ายคล้ายหานเฉวี่ยไน่หลายส่วน เขาจึงพอคาดเดาตัวตนของชายเบื้องหน้าได้ทันที

 

ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียน!

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน ในที่สุดท่านก็ออกจากการปิดด่านแล้ว!!”

 

ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หานเฉวี่ยไน่ก็เผยสีหน้ามีความสุขและท่าทางเต็มไปด้วยความยินดีออกมาทันที

 

ด้านหานเจิ้งเทียนพอเห็น มุมปากก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา

 

“อ่า”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้หานเฉวี่ยไน่ทั้งทักทายนางด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองหานเจิ้งเทียนพร้อมโค้งศีรษะเล็กน้อย “ต้วนหลิงเทียน คารวะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี”

 

ต่อหน้าหานเจิ้งเทียน ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงอะไร

 

“ฮ่าๆๆ…ดี ดี! ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินเฉวี่ยไน่กล่าวถึงเจ้าหลายครั้งหลายครานัก ทั้งยังเล่าเรื่องการเดินทางจากทวีปมนุษย์มาจนถึงวันนี้ อนาคตเจ้านับว่าไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง!”

 

หานเจิ้งเทียนยิ้มกล่าว “อย่างไรก็ตามเนื่องจากเจ้าเป็นสหายอันดับของเฉวี่ยไน่ เช่นนั้นก็อย่าได้สุภาพกับข้าให้มาก…หากเจ้าไม่รังเกียจเพียงเรียกหาข้าว่าลุงหานเถอะ!”

 

ด้วยความสำเร็จและผลงานที่ผ่านมาของต้วนหลิงเทียน มันเองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมจากใจ

 

“ฮัยยาพี่ใหญ่หลิงเทียน ใบหน้านี้ของท่านเย็นชาขู่ขวัญผู้อื่นยิ่ง ท่านเปลี่ยนกลับได้หรือไม่ ข้าไม่ชอบใบหน้าปลอมที่แสนไร้อารมณ์นี้ของท่านเลย”

 

หานเฉวี่ยไน่เบ้ปากกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมาตามตรง

 

“เออะ? ใบหน้าปลอม?”

 

หานเจิ้งเทียนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะชะงัก

 

ต้องทราบด้วยว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามาในห้อง มันก็แผ่สำนึกเทวะสำรวจเขาไปทั่วร่างกายแล้ว

 

กล่าวไปยังสร้างความประหลาดใจให้มันอยู่บ้าง ที่มันไม่อาจตรวจสอบด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนได้

 

เมื่อครู่ตอนที่มันใช้ทักษะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน มันพบว่าร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายจะเป็นหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง แม้จะจ่ายส่งสำนึกเทวะออกไปหยั่งถึงเท่าใดก็ไม่อาจค้นพบสิ่งใดได้

 

ถึงแม้มันจะประหลาดใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

 

ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากว้างใหญ่ไพศาลนัก ทักษะลี้ลับ วิชาพิสดารอันใดก็มีมากมายนับร้อยแปดพันเก้า ทักษะปกปิดพลังฝึกปรือเองก็มีไม่น้อย บางทักษะวิชากระทั่งเซียนในขอบเขตพลังสูงส่งยังจนปัญญาจะตรวจสอบ

 

แต่เหตุผลที่หานเจิ้งเทียนชะงัก จนเสียอาการนั้นไม่ใช่เพราะพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน แต่เป็นคำว่าใบหน้าปลอมต่างหาก!

 

ใบหน้าของต้วนหลิงเทียน ย่อมโดนสำนึกเทวะของมันแผ่ไปตรวจสอบแล้วเช่นกัน และมันก็ไม่ได้พบร่องรอยการปลอมแปลงใดๆแม้แต่น้อย!!

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมันจับจ้องไปยังใบหน้าของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง 2 ตาของมันก็ต้องเบิกกว้างออกมาปานลูกวัว ปากยังอ้าออกค้าง ประหนึ่งได้พบความเปลี่ยนแปลงอันพลิกฟ้าคว่ำดิน เพราะใบหน้าแสนเย็นชาแววตาอำมหิตไร้ใจ กลับกลายเป็นใบหน้าหล่อเหลาแฝงความกล้าหาญ คิ้วคมเข้มดั่งดาบ สองตากระจ่างใสเป็นประกาย “นิ…นี่มัน”

 

นี่มันทักษะแปลงโฉมเลิศล้ำอันใดกันแน่ ไฉนมันไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย?

 

หากไม่ได้ใช้พลังภายนอกหรืออุปกรณ์ใดเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อใบหน้า นั่นหมายความว่าต้องใช้พลังของตัวเองเปลี่ยนแปลงแล้ว!

 

ทันใดนั้นหานเจิ้งเทียนคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นได้ สองตามันทอแสงสว่างวาบขึ้นมาทันที

 

“ลุงหาน”

 

ต้วนหลิงเทียนทักทายหานเจิ้งเทียนอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกชื่นชมหานเจิ้งเทียนคนนี้ไม่น้อย

 

อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงนัก เป็นบิดาที่ดี…กล้ายืนหยัดไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายน้อยจากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น ยินดีแบกความกดดันที่มีต่อคฤหาสน์คลื่นขจีไว้บนบ่าตัวเอง

 

นับว่าเป็นบิดาที่มีคุณสมบัติครบถ้วน!

 

บุคคลเช่นนี้สมควรได้รับความเคารพ

 

หลังจากนั้นหานเจิ้งเทียนก็เริ่มพูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระกับต้วนหลิงเทียน

 

ไปๆมาๆก็เริ่มกล่าวถึงวีรกรรมซุกซนทั้งหลายในวัยเด็กของหานเฉวี่ยไน่ กระทั่งเรื่องพิเรนทร์มากมายที่นางได้กระทำเอาไว้ เรียกว่าตอนที่นางได้พบพานต้วนหลิงเทียนนั้น ความซุกซนของนางในวัยเด็กแทบหายไปหมดแล้ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนุกสนานและขบขันไม่น้อย

 

“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพวกนี้ของข้าออกมาได้อย่างไร หากท่านยังไม่หยุด..ข้าจำได้ว่าท่านปู่เองก็เคยเล่าให้ข้าฟัง ว่าตอนท่านยังเด็ก ท่านเป็นอย่างไรบ้าง…”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ท่าทางไม่พอใจที่ถูกบิดาขายเสียเท่าไหร่

 

“เอาล่ะๆ พ่อไม่แกล้งเจ้าแล้ว”

 

หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าเป็นสหายอันดีของเฉวี่ยไน่ ทั้งเรียกข้าว่าลุงหานแล้ว งั้นจากนี้ไปหากเจ้าไม่ว่าอะไรข้าจะเรียกหาเจ้าว่า เสี่ยวเทียน แล้วกัน”

 

ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ขัดข้องอะไร

 

“เสี่ยวเทียนข้าได้ยินเฉวี่ยไน่เล่ามา ว่าตอนที่เจ้าอยู่ประเทศฝูเฟิง…เจ้าสามารถฆ่าหลินตงอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนได้ ทั้งๆที่มันทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้วจริงหรือ?”

 

หานเจิ้งเทียนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอยากรู้นัก

 

มันไม่รีบกล่าวถึงตราผนึกมารออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดมาก

 

ส่วนคำถามที่มันพึ่งถามออกไปนั้นนับเป็นเรื่องที่สร้างความตกตะลึงให้มันมากเป็นอันดับสองรองจากเรื่องตราผนึกมาร

 

ในฐานะที่เป็นคนที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียน มันย่อมรู้ดีว่าการทะลวงถึงขอบเขตเซียนหมายความว่าอะไร นี่ไม่ใช่แค่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ แต่ยังมีความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมหาศาล!

 

ตัวตนที่มีพลังในขอบเขตเซียนนั้น ต่อให้เป็นผู้ที่พึ่งทะลวงผ่าน แต่พลังอำนาจก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนในขอบเขตสู่เซียนจะต้านทานรับมือได้เลย!

 

ในคฤหาสน์คลื่นขจีของมันเองก็มียอดฝีมือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินตงเช่นกัน พลังฝีมือยังนับว่าเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน

 

อย่างไรก็ตามยอดฝีมือเช่นนั้น หากต้องไปเผชิญหน้ากับผู้ที่พึ่งทะลวงผ่านขอบเขตเซียนมาก็มีแต่จะถูกทุบตีทำร้ายอย่างไร้ซึ่งหนทางตอบโต้!

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างขอบเขตสู่เซียนกับเซียน!

 

เมื่อทะลวงถึงเซียน ก็เสมือนย่างเยื้องมาถึงอีกโลกหนึ่ง!

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าในฐานะที่ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียน ต้วนหลิงเทียนไปทำอีท่าไหนกันแน่ถึงสามารถสังหารหลินตงที่ทะลวงผ่านขอบเขตเซียนไปแล้วได้

 

“ข้าก็แค่มีโชคนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ”

 

หานเจิ้งเทียนจะอยากรู้เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองว่าไม่ได้แปลกอะไร เขาเพียงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น

 

ในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี สายตาของหานเจิ้งเทียนไหนเลยไม่แหลมคม มันมองตาต้วนหลิงเทียนก็รู้แล้วว่าตอบจริงหรือไม่จริง…

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้มันบยังเกิดความตื่นตระหนกในใจนัก

 

“ถึงแม้ข้าจักไม่รู้ว่าเจ้ากระทำได้อย่างไรกันแน่…แต่การที่เจ้าสามารถกระทำเช่นนั้นได้ เผยให้เห็นว่าภายใต้ขอบเขตเซียนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ล้วนมิมีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าอีกต่อไป…”

 

หานเจิ้งเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

‘ใต้ขอบเขตเซียน?’

 

ใจต้วนหลิงเทียนผงะไปวูบหนึ่ง หากแต่ไม่ได้กล่าวความเห็นอะไรเพิ่มเติม

 

หากเป็นเดือนที่แล้วคำกล่าวชมนี้ของหานเจิ้งเทียนอาจพอทำให้เขารู้สึกภาคภูมิได้บ้าง แต่ตอนนี้มันช่างไร้สำคัญเสียเหลือเกิน…

 

เพราะใต้ขอบเขตเซียน…ไม่ใช่โลกที่เขายืนอยู่อีกต่อไป!

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน เรื่องที่ท่านมีตราผนึกมารข้าเล่าให้ท่านพ่อฟังไปแล้ว ท่านคงมิโกรธข้าหรอกนะ?”

 

ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ส่งเสียงมาถึงต้วนหลิงเทียน ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ คล้ายกลัวต้วนหลิงเทียนดุเอาไม่น้อย

 

“ไม่เป็นไรหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ “ในเมื่อบิดาเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร ต่อให้เจ้าไม่เล่าออกไป แต่ข้าเกรงว่าอีกไม่นานบิดาเจ้าก็ต้องรู้อยู่ดีว่าตราผนึกมารอยู่ในมือของข้า”

 

หานเฉวี่ยไน่พอได้ยินก็หายกังวลทันที

 

“ยาโถวน้อยเจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนไป พ่อมีอะไรจะหารือกับพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าเล็กน้อย”

 

หานเจิ้งเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ ก่อนที่จะกล่าวบอกให้นางออกไปข้างนอกก่อน

 

“ท่านพ่อ”

 

พอได้ยินคำนี้หานเฉวี่ยไน่โค้งคิ้วคู่งามขึ้นทันใด สิ่งแรกที่คิดก็คือใช่บิดาของนางจะผิดคำสัญญาและแย่งชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนหรือไม่

 

“เจ้าไม่ต้องกังวลไป”

 

ในฐานะบิดาของหานเฉวี่ยไน่ หานเจิ้งเทียนย่อมรู้ดีว่าในใจบุตรีคิดอะไรอยู่ เพียงส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะส่งเสียงบอกนางว่าไม่ได้คิดช่วงชิงตราผนึกมารจากต้วนหลิงเทียนแน่นอน…