บทที่ 467: ข้าต้องการให้เจ้ามากับข้า

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 467: ข้าต้องการให้เจ้ามากับข้า

 

หลังจากที่พาหลานลี่ชิงไปยังห้องส่วนตัวที่เธอเป็นเจ้าของภายในตำหนักโอสถแล้ว ซูหยางก็มองดูเธออย่างเงียบๆด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ทำไมต้องทำหน้าเครียด เกิดอะไรขึ้นรึ ข้าอยู่ที่นี่เสมอเผื่อเจ้าต้องการใครสักคนที่จะพูดด้วย”  หลานลี่ชิงกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มปลอบประโลกหลังจากที่ผ่านเวลาอันเงียบงันไปหลายนาที

 

รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ก่อนที่จะพูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริง ข้ามีเรื่องบางอย่างในใจ แต่ทว่ามันก็มิมีอะไรที่สำคัญมากมายนัก ดังนั้นทำไมเราจึงมิมาสนุกร่วมกันก่อนล่ะ”

 

หลานลี่ชิงเผยให้เห็นรอยยิ้มยอมแพ้และพยักหน้า “ถ้านั่นจักทำให้เจ้าสบายใจขึ้น พวกเราก็มาสนุกร่วมกันให้มากเท่ากันที่เจ้าต้องการเถอะ”

 

ในอีกไม่กี่วินาทีถัดไป หลานลี่ชิงก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอและเอนกายลงไปบนเตียงพร้อมกับกางแขนกว้างดึงดูดเขาให้เข้าไปในอ้อมอกของเธอด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์บนใบหน้าสวยของเธอ

 

“…”

 

แต่ทว่าซูหยางไม่ได้ขยับและเพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้น

 

“ซูหยาง… มีอะไรผิดไปหรือ” หลานลี่ชิงถามเขาด้วยคิ้วที่ย่นด้วยความเป็นกังวล

 

“ไม่ เจ้าเพียงแต่ทำให้ข้านึกถึงใครบางคนที่ข้ารู้จัก” เขาตอบด้วยสีหน้าไฝ่หา “ตั้งแต่นิสัยใจคอไปจนถึงวิธีการมองของเจ้า… เจ้าคล้ายกับคนหนึ่งที่ข้ารักมากที่สุด”

 

“…”

 

หลานลี่ชิงพูดไม่ออก ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าจะตอบสนองกับคำพูดนั้นได้อย่างไร

 

จากนั้นซูหยางก็พูดต่อว่า “แม้ว่าเธอจะดูเหมือนจะเย็นชาและไร้ความหวาดกลัวในภายนอก ครั้นเมื่อเจ้ารู้จักกับเธอ เธอนั้นเอาใจใส่และอ่อนโยนเป็นที่สุด เหมือนกับเจ้าเมื่อตอนที่ข้าพบกับเจ้าเป็นครั้งแรก”

 

“แต่ความเหมือนนั้นมิได้มีเพียงแค่นั้น มิเพียงแต่เธอเป็นคู่ครองคนแรกของข้าในเวลานั้น เจ้าเองก็ยังเป็นคู่ครองคนแรกของข้าเช่นกันในชีวิตนี้….” ซูหยางพึมพัมด้วยเสียงเบา

 

หลานลี่ชิงเลิกคิ้วด้วยท่าทางงงงัน ทำไมจึงฟังดูเหมือนกับว่าเขาพูดถึงชีวิตคนอื่นในอดีต

 

“ถ้าเธอกลับมาเกิดใหม่ เธอก็ควรจักเป็นสิ่งที่เจ้าเป็นอยู่ดังเช่นทุกวันนี้”

 

“ผู้หญิงที่เจ้าพูดถึง…หรือว่าเธอ…” หลานลี่ชิงอดที่จะถามให้ชัดเจนไม่ได้

 

“ถูกต้องแล้ว เธอมิได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป”

 

“ข้าขอแสดงความเสียใจสำหรับความสูญเสียของเจ้า…”

 

สองสามอึดใจผ่านพ้นไปอย่างเงียบๆ ซูหยางจ้องมองไปที่ดวงตาของหลานลี่ชิงและกล่าวด้วยเสียงจริงจังว่า “แม้ว่าข้าจะยังมิได้ตัดสินใจ แต่ก็จะมีโอกาสสูงมากที่ข้าจะจากที่แห่งนี้ไปในเวลาสองปี”

 

“อ-อะไรนะ” หลานลี่ชิงพลันยืนขึ้นด้วยใบหน้าตระหนก “น-นั่นกระทันหันเกินไป ทำไมเจ้าจึงจะจากไปในตอนนี้ นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต้องการเจ้า”

 

“ข้ารู้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมข้าจึงต้องทำให้นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปตะวันออกนี้ก่อนที่ข้าจะจากไปในเวลาสองปีข้างหน้า เพื่อที่ว่าเมื่อถึงตอนที่ข้าต้องจากไปจริงๆ พวกเขาจักได้มิต้องพึ่งพาข้าอีกต่อไป”

 

“…คนอื่นๆรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง” เธอถามเขาซึ่งเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนโยน

 

“เจ้าวางแผนที่จะบอกพวกเขาหรือไม่”

 

“แน่นอน ครั้นเมื่อทุกอย่างลงตัวและกลับคืนสู่สภาพปกติ”

 

“เช่นนั้นข้าก็เป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้สิ”

 

“ถูกต้อง”

 

“ทำไมเจ้าจึงบอกข้าเรื่องนี้…”

 

“…”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่จริงใจ “เพราะว่าข้าต้องการให้เวลาเจ้าในการตัดสินใจ”

 

“ตัดสินใจรึ…” เธอเลิกคิ้ว

 

“ข้าต้องการให้เจ้ามากับข้ายามเมื่อข้าตัดสินใจที่จะไป”

 

หลานลี่ชิงดวงตาเบิกกว้างเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขา และเธอก็ถามว่า “เราจะไปที่ไหนกัน”

 

“ที่ใดที่หนึ่งที่แสนไกลโพ้น ซึ่งเป็นที่ข้ามาจากที่นั่น”

 

“เขามาจากที่ไหนกัน” หลานลี่ชิงทวนคำพูดของเขาในใจ หรือว่านี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังอันลึกลับของเขา

 

“ครั้นเมื่อเจ้าจากไป.. เจ้าจะกลับมาอีกหรือไม่” เธอถามเขาต่อ

 

“ยากที่จะกล่าว แต่ข้าจักพยายามเต็มที่”

 

ทั้งห้องเปลี่ยนเป็นเงียบอย่างสมบูรณ์หลังจากนั้น

 

จากนั้นหลานลี่ชิงจึงนอนอยู่บนเตียงโดยวางมือก่ายหน้าผาก ราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในห้วงคิดลึก

 

“เจ้ามิจำเป็นต้องตัดสินใจในตอนนี้ อย่าลืมว่ายังมีเวลาอีกมากมาย” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้าจักปล่อยให้เจ้าพักผ่อนในตอนนี้”

 

ในขณะที่ซูหยางหันกายหลานลี่ชิงก็หยุดเขาไว้ด้วยเสียงสดใส “เดี๋ยวก่อน เจ้าจะทิ้งข้าไว้อย่างงี้อย่างงั้นรึ”

 

เมื่อซูหยางหันกายกลับมาหลานลี่ชิงก็มองดูเขาด้วยสายตาชวนหลงไหลและนิ้วของเธอก็ชี้ไปยังร่างเปลือยเปล่าของตนเอง

 

ซูหยางดวงตาเบิกกว้า แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูด เธอก็กล่าวต่อว่า “เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้วซูหยาง สองปีรึ นั่นนานเกินไป ข้ามิต้องการเวลาถึงสองนาทีในการตัดสินใจด้วยซ้ำ ข้าต้องการตามเจ้าไป”

 

“เอ๋ เจ้ามั่นใจในเรื่องนี้รึ มิใช่ว่านี่เป็นบ้านเจ้ารึ” เขาถาม

 

“ข้าเคยได้อ้างถึงเรื่องนี้ให้กับเจ้าก่อนหน้านี้ไปแล้วซูหยาง ที่ทำให้ที่นี่เป็นบ้านของข้านั้นเป็นผู้นำนิกายคนก่อนที่ได้รับเลี้ยงข้า ตอนนี้เมื่อพวกเขาล้วนจากไปแล้วที่นี่ก็มิใช่บ้านข้าอีกต่อไป ตามความเป็นจริงข้ามีบ้านใหม่เรียบร้อยแล้วในตอนนี้”

 

จากนั้นเธอก็ชี้ไปทางเขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นบ้านใหม่ของข้าในตอนนี้ซูหยาง เจ้าไปที่ไหนก็ตามที่แห่งนั้นก็จักเป็นบ้านของข้า”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ซูหยางก็หลับตาลงแล้วสูดลมหายใจลึกๆและพึมพัมด้วยรอยยิ้มว่า “จริงๆ.. เจ้าช่างเหมือนกับเธอจริงๆ…”

 

จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปหาเธอและมองเข้าไปในดวงตาของเธอและกล่าวว่า “ลี่ชิงเจ้าปรารถนาที่จะรับผนึกตระกูลของข้าหรือไม่”

 

“ผนึกตระกูล มันคืออะไร”

 

ซูหยางจึงทำการอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับผนึกตระกูลและกฏที่เธอต้องห้ามทำเมื่อรับมันไว้แล้ว

 

“รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราจะแต่งงานกันเลยซูหยาง” หลานลี่ชิงหัวเราะคิกคัก

 

“คล้ายแบบนั้นแหละ แต่ว่าผนึกตระกูลเป็นอะไรที่มากกว่าการแต่งงานกัน” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม

 

เวลาถัดไปหลานลี่ชิงก็กล่าวขึ้นว่า “ข้ามิเคยคิดว่าข้าจักพูดแบบนี้กับข้อเสนอของชายคนหนึ่งแต่ทว่า… ใช่ ข้าปรารถนา”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหยางกว้างขึ้น และเขาก็เข้าถึงริมฝีปากของเธอทันที จูบเธอด้วยความเสน่หา

 

ไม่นานหลังจากนั้นซูหยางก็ปลดเสื้อผ้าของตนเองออก ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มกิจกรรมร่วมฝึกคู่กันด้วยความหลงไหล