การค้นพบนี้ ทำให้ชวนชมสับสนวุ่นวายทำอะไรไม่ถูก
เธอไม่รู้ว่าทำไมคุณมายมิ้นท์คือชวนชมตัวจริง ยิ่งไม่รู้ว่าคุณมายมิ้นท์มีความแค้นอะไรกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์
เธอแค่รู้ว่าหากตัวตนที่แท้จริงของคุณมายมิ้นท์เปิดเผย ถ้าอย่างนั้นเธอที่เป็นชวนชมตัวปลอมต่อไปจะมีชีวิตรอดอย่างไร
คุณมายมิ้นท์ให้เธอปลอมตัวเป็นชวนชม เพราะคุณมายมิ้นท์ไม่รู้ว่าตัวเองคือชวนชม ถ้าคุณมายมิ้นท์รู้เข้า ไม่แน่อาจจะไม่ให้เธอปลอมตัวเป็นชวนชมต่อแล้วก็ได้
เพราะถ้าหากเป็นเธอ เธอจะไม่ให้ ไม่มีใครยอมเห็นตัวตนของตัวเองถูกคนอื่นแอบอ้างหรอก
ถ้าคุณมายมิ้นท์รู้ว่าตัวเองคือชวนชม จะต้องกลับตระกูลภักดีพิศุทธิ์แน่ๆ ถึงแม้คุณมายมิ้นท์จะมีความแค้นกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แต่เผชิญหน้ากับความรักในครอบครัว ความแค้นมากแค่ไหนก็คงหายไป ถึงตอนนั้นคุณมายมิ้นท์ได้รู้จักพ่อแม่ งั้นเธอก็จะถูกส่งกลับไปที่บ้านเกิดอีกครั้ง ไปใช้ชีวิตอันมืดมนสิ้นหวังในอดีต
ไม่ เธอกลับไปไม่ได้!
กว่าเธอจะออกมาจากครอบครัวที่น่าอึดอัดนั้นได้ ได้ใช้ชีวิตหรูหราในตอนนี้ เธอจะกลับไปได้ยังไง!
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ร่างชวนชมสั่นเหมือนตะแกรง สีหน้าก็ซีดเซียว
มายมิ้นท์มองเธออย่างสงสัย “เธอเป็นอะไร?”
ชวนชมแววตาหลีกเลี่ยงไม่หยุด “ฉัน……ฉันไม่เป็นไร……จู่ๆ ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย……”
“ไม่สบาย? ป่วยเหรอ?” มายมิ้นท์ถามอย่างเป็นห่วง
มือชวนชมที่วางอยู่บนโต๊ะก็กำแน่นขึ้นมา แต่บนใบหน้ากลับฝืนยิ้มออกมา “อืม จู่ๆ ก็ปวดท้องนิดหน่อยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว งั้นฉันจะพาเธอไปหาหมอ” มายมิ้นท์ก็ไม่ได้สงสัยคำพูดเธอ ท่าทางของเธอเหมือนป่วยจริงๆ
แต่ชวนชมเหมือนตกใจมาก โบกมือปฏิเสธซ้ำๆ “ไม่……ไม่ต้องหรอกค่ะคุณมายมิ้นท์ ฉันไปเองได้ คนขับรถรอฉันอยู่ข้างนอก ฉันให้คนขับรถไปส่งฉันก็ได้ค่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็ชี้ไปด้านนอก
มายมิ้นท์หันศีรษะไปมอง ผ่านกระจกหน้าต่าง เห็นรถหรูจดอยู่ด้านนอก ก็ยิ้มขณะพยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเธอก็รีบไปเถอะ”
“ค่ะ งั้นคุณมายมิ้นท์คะ ฉันไปก่อนนะคะ ในอนาคตมีคำสั่งอะไรคุณค่อยเรียกฉัน” ชวนชมโค้งคำนับเธอเล็กน้อย แล้วเดินไปข้างนอก
หลังจากเดินได้สองก้าว จู่ๆ เธอก็กุมหน้าผาก ร่างกายโซเซ ทำท่าเหมือนจะเป็นลม
มายมิ้นท์เห็นเป็นเช่นนั้น ก็รีบยืนขึ้นมา “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉัน……ฉันค่อนข้างเวียนหัว……” ชวนชมตอบอย่างอ่อนแอ
วินาทีต่อมา เธอก็ล้มไปที่มายมิ้นท์ทันที
“เฮ้……” มายมิ้นท์ตกใจก่อนอันดับแรก จากนั้นก็รีบจับเธอไว้
ชวนชมพิงไหล่มายมิ้นท์ ในที่ที่มายมิ้นท์มองไม่เห็น ความมืดมนที่ฉายแววในดวงตาก็หายวับไปทันที
จากนั้นแขนของเธอก็วางบนไหล่มายมิ้นท์ และขยับมือที่ปลายผมมายมิ้นท์ ไม่นานก็หยุดลง
ทุกอย่างนี้กระทำด้านหลังมายมิ้นท์ แน่นอนว่ามายมิ้นท์มองไม่เห็น
เธอตบหน้าชวนชมเบาๆ อย่างกังวลใจ “ชวนชม เธออย่าเพิ่งเป็นลมสิ อดทนไว้ก่อน ฉันจะเรียกคนขับรถเธอมา!”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณมายมิ้นท์” ชวนชมเงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มซีดเซียวอ่อนแอให้มายมิ้นท์ “ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณที่เมื่อกี้คุณเข้ามาประคองฉันได้ทัน ไม่งั้นฉันล้มลงพื้นแล้ว”
“ไม่เป็นไรแล้ว?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “เธอไม่เหมือนคนไม่เป็นไรเลยนะ”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ฉันเป็นโรคกระเพาะกำเริบ รวมกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ก็เลยเกือบเป็นลม คุณมายมิ้นท์คุณก็รู้ว่าแต่ก่อนฉันใช้ชีวิตยังไง มีอาการป่วยพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เดี๋ยวก็ค่อยๆ ดีขึ้น” ชวนชมพูด
มายมิ้นท์ยังคงไม่ค่อยวางใจ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?”
“จริงค่ะ คุณมายมิ้นท์คุณปล่อยฉันเถอะ ฉันยืนเองได้แล้ว” ชวนชมพยักหน้าหนักแน่นขณะพูดขึ้น
ในเมื่อเธอยืนกราน แน่นอนว่ามายมิ้นท์พูดอะไรไม่ได้ ปล่อยมือที่จับแขนเธอเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ” ชวนชมกล่าวขอบคุณแล้วยืนตัวตรง ชักมือที่วางบนไหล่มายมิ้นท์กลับมา
ทันใดนั้น มายมิ้นท์ก็ร้องกรี๊ดด้วยความเจ็บปวด สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป
ชวนชมถามด้วยใบหน้าประหม่า “คุณมายมิ้นท์คุณเป็นอะไร?”
“ผม!” มายมิ้นท์เอามือข้างหนึ่งกุมกระหม่อม อีกข้างหนึ่งชี้ไปที่มือเธอ
ชวนชมก้มศีรษะมองมือตัวเอง เห็นเส้นผมยาวไม่กี่เส้นเกี่ยวพันกับแหวนตัวเองอยู่ ก็เบิกตากว้างทันที รีบโค้งคำนับซ้ำไปซ้ำมา “ขอโทษค่ะคุณมายมิ้นท์ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าแหวนที่มือฉันเกี่ยวผมคุณ ขอโทษจริงๆ ค่ะ……”
เธอร้อนใจจนจะร้องไห้ บนหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ถึงขนาดหวาดกลัวนิดๆ ด้วย ทำท่าทางกลัวว่ามายมิ้นท์จะด่าตัวเอง
มายมิ้นท์ขยี้หนังศีรษะที่เจ็บ ถึงแม้ในใจจะอึดอัดนิดหน่อยที่ผมตัวเองถูกดึงไปหลายเส้นอย่างพิลึก แต่เห็นเธอน้ำตานอง จึงโบกมืออย่างหมดหนทาง “ช่างมัน เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ ช่างมันเถอะ”
“คุณมายมิ้นท์ คุณไม่โทษฉันจริงๆ เหรอ?” ชวนชมกะพริบตา
มายมิ้นท์ตอบอืม “ก็เธอทำไปเพราะไม่สบาย ฉันไม่ใจแคบถึงขนาดเอาเรื่องคนไม่สบายหรอกนะ”
“ดีจัง ขอบคุณค่ะคุณมายมิ้นท์” ชวนชมรู้สึกซาบซึ้งมาก จากร้องไห้กลายเป็นยิ้ม
มายมิ้นท์ก็ดึงมุมปากเช่นกัน “เอาล่ะ เธอไปหาคนขับรถเธอก่อนเถอะ น้ำตาลในเลือดต่ำกับโรคกระเพาะมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ทางที่ดีไปหาหมอดีกว่า”
“อืมๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชวนชมพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นก็โบกมือให้เธอแล้วเดินจากไป
มาถึงบนรถ หลังจากชวนชมปิดประตูรถแล้ว รอยยิ้มบนหน้าก็หายไปทันที สิ่งที่มาแทนที่คือความมืดมนเต็มใบหน้า
เธอก้มศีรษะ ดึงเส้นผมแต่ละเส้นบนแหวนออกมา จากนั้นก็หยิบทิชชูออกมา แล้วห่อมันไว้ด้านในอย่างระมัดระวัง
เธอเตรียมจะใช้เส้นผมเหล่านี้ ไปทำการตรวจดีเอ็นเอ ตรวจดูว่าคุณมายมิ้นท์ใช่ชวนชมตัวจริงหรือไม่
ถ้าไม่ใช่งั้นก็ดี ถ้าใช่……
แววตาชวนชมส่องแสง กำฝ่ามือแน่น
ไม่นาน ก็มาถึงตระกูลภักดีพิศุทธิ์
หลังจากชวนชมลงจากรถไป ก็เห็นคฤหาสน์หลังใหญ่หรูหรามั่งคั่งตรงหน้า ในดวงตามีความทะเยอทะยานและความโลภที่ไม่ปกปิด
เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้เข้ามาอาศัยในบ้านที่เหมือนพระราชวังแบบนี้ ทานอาหารมากมายอุดมสมบูรณ์ เตียงใหญ่นอนนุ่ม สวมเสื้อผ้าราคาแพงที่สุด สวมเครื่องประดับสวยงามที่สุด ได้เรียนรู้ทักษะที่สง่างามที่สุด
เธอนึกว่าตัวเองจะเพลิดเพลินไปกับมันได้แบบนี้ตลอด แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ว่าทุกอย่างที่เธอครอบครองในตอนนี้ มันอาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ
เธอไม่อยากสูญเสียมัน!
ชวนชมกำหมัดแน่น
มนุษย์ก็แบบนี้ ไม่ได้รับก็ช่างมัน แต่เมื่อได้รับแล้ว ก็ไม่อยากสูญเสียมันไปอีก
เธอชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว จะยอมกลับไปใช้ชีวิตขมขื่นมองไม่เห็นอนาคตเหมือนในอดีตได้อย่างไร
ในเมื่อมายมิ้นท์มอบชีวิตนี้ให้เธอแล้ว ให้เธอได้มีประสบการณ์มากมาย นำพาสวรรค์มาให้เธอ ก็อย่าคิดจะส่งเธอกลับไปนรก
“งั้นคุณมายมิ้นท์ ขอให้คุณไม่ใช่ชวนชมตัวจริง ไม่งั้น……”
แววตาเจินเจินเย็นชา จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ ระงับความคิดร้ายๆ ในก้นบึ้งจิตใจ แล้วยกเท้าเดินเข้าไปในคฤหาสน์
“แม่ ฉันกลับมาแล้วค่ะ” ชวนชมทักทายคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่กำลังกินผลไม้อยู่ในห้องรับแขก
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองไป “ชวนชม ลูกไปไหนมา?”
“ออกไปชอปปิ้งมาค่ะ” ชวนชมวางกระเป๋าลง เดินไปนั่งข้างๆ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ กอดคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ด้วยความสนิทสนม ถูไหล่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อย่างออดอ้อน
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองเธออย่างประหลาดใจ “ชวนชม ทำไมวันนี้ลูกเกาะติดแม่แบบนี้? หลังจากลูกกลับมา แทนไม่ออกตัวใกล้ชิดแม่ก่อนเลย วันนี้ทำไมเปลี่ยนนิสัย?”
ประหลาดใจก็ประหลาดใจ แต่ในใจคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มีความสุขมาก
หลายวันมานี้ เธอเป็นฝ่ายใกล้ชิดลูกสาวก่อนตลอด แต่น้อยครั้งมากที่ลูกสาวจะเข้าใกล้ชิดตัวเองก่อน ถึงแม้เธอจะรู้ว่าลูกสาวไม่สนิทกับตน แต่ในใจก็รู้สึกแย่เล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองทุ่มเทความพยายามไม่มากพอ