บทที่ 1419 พบฟงจิวเก้ออีกครั้ง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“เอาล่ะ ช่วยอิงอู๋เซี่ยก่อน ไห่ลั่วหลัน ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ฟางหยวนออกคำสั่ง

 

ไห่ลั่วหลันพยักหน้า ดวงวิญญาณของนางออกจากร่างและเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวนขณะที่ร่างของนางลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อน

 

ในไม่ช้ากายาแห่งความฝันก็บินออกมา

 

มันคือไห่ลั่วหลัน!

 

ไห่ลั่วหลันบินเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและดึงร่างของอิงอู๋เซี่ยออกมาอย่างรวดเร็ว

 

อิงอู๋เซี่ยยังไม่ตื่น

 

แม้ร่างของเขาจะออกมาแล้ว แต่ดวงวิญญาณของเขายังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน แต่หากเขาใช้มัน เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและนางรำหงหยุนจะตื่นขึ้นเช่นกัน

 

ในปัจจุบันฟางหยวนยังไม่สามารถควบคุมบางส่วนอาณาจักรแห่งความฝัน

 

โดยรวมแล้วมีความเสี่ยงสูงมาก

 

ฟางหยวนมีกายาแห่งความฝัน ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีนี้

 

กายาแห่งความฝันถูกสร้างขึ้นโดยม่านเยี่ยนซื่อ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความฝัน แต่มันมีข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ นั่นคืออายุขัย เมื่อถึงเวลา มันจะระเบิดตัวเองและกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน

 

อย่างไรก็ตามกายาแห่งความฝันมีข้อได้เปรียบเช่นกัน

 

ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือมันสามารถเข้าและออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างง่ายดาย ดวงวิญญาณของมันจะได้รับการปกป้องและไม่สูญสลายไปในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ย้อนกลับไปในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆหลบหนีเข้าไปในมิติช่องว่างของกายาแห่งความฝันก่อนที่พวกมันจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย

 

หลังจากวิกฤตผ่านพ้น พวกมันจะออกมาอย่างปลอดภัย

 

ฟางหยวนมองเห็นข้อได้เปรียบนี้และรู้สึกประทับใจ

 

ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้

 

หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันกับอิงอู๋เซี่ย เขาตื่นขึ้น อาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของเขาถูกรักษาโดยวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

 

ขั้นตอนต่อไปเป็นส่วนสำคัญ

 

หากทำได้ดี นอกจากฟางหยวนจะสามารถจับนางรำหงหยุน เขายังจะได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดอีกด้วย

 

นางรำหงหยุนเป็นคนที่จัดการได้ง่ายที่สุดเพราะนางเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด

 

สิ่งที่ต้องกังวลคือเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงและวิญญาณอมตะระดับแปด

 

เจตจำนงจะอ่อนแอลงเรื่อยๆในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ยิ่งคิดมากเท่าใด เจตจำนงก็ยิ่งหมดเร็วเท่านั้น

 

แต่ทันทีที่เจตจำนงออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน พวกมันจะสามารถฟื้นตัวขึ้น สิ่งนี้ไม่เหมือนดวงวิญญาณ

 

หากเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงสามารถออกมา มันจะใช้วิญญาณอมตะระดับแปดโจมตีกลุ่มของฟางหยวน

 

เมื่อเวลานั้นมาถึง ฟางหยวนและคนอื่นๆต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับแปด

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือฟางหยวนและคนอื่นๆไม่รู้ว่าวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ทำสิ่งใดได้บ้าง พวกเขาไม่สามารถป้องกันโดยไม่เตรียมตัว

 

การรอให้เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหมดลงก่อนที่จะลากนางรำหงหยุนออกมาเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายอื่นไม่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งความฝัน ไห่ลั่วหลันไม่สมารถตรวจสอบว่าเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหมดลงหรือยัง

 

ในทางกลับกันท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันไม่มีผลต่อเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

หลังจากทั้งหมดเจตจำนงไม่ใช่ดวงวิญญาณ

 

ดังนั้นจุดสำคัญของแผนการนี้ก็คือเวลา

 

หากพวกเขารอสามถึงห้าปี เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะสูญสิ้นไปอย่างแน่นอน

 

แต่ถึงเวลานั้นร่างหลักบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงย่อมมาถึงแล้ว

 

ยังไม่ต้องกล่าวถึงหลายปี ตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาไม่สามารถรอคอยแม้แต่สามวัน

 

ยิ่งนานก็ยิ่งอันตราย วังสวรรค์และเจตจำนงสวรรค์จะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดพวกเขา

 

ดังนั้นแผนของฟางหยวนก็คือรอหนึ่งวัน นั่นคือขีดจำกัด

 

วันต่อมา ไห่ลั่วหลันจะนำร่างของนางรำหงหยุนออกจากอาณาจักรแห่งความฝันและตรวจสอบการคงอยู่ของเจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

 

แน่นอนว่าวิธีนี้มีความเสี่ยง

 

ดังนั้นฟางหยวนและคนอื่นๆจึงต้องซ่อนตัวอยู่ห่างออกไป มีเพียงไห่ลั่วหลันเท่านั้นที่ยังอยู่

 

หากพวกเขาทำสำเร็จ ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดดวงใหม่

 

คนอื่นๆต้องแบกรับความเสี่ยง มีเพียงฟางหยวนที่ได้รับผลประโยชน์ นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการ

 

‘ข้อกังวลเดียวของข้าคือวังสวรรค์หรือบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงมาที่นี่ในช่วงเวลานี้’ ฟางหยวนคิดกับตนเองขณะที่การแสดงออกของเทพธิดาเมี่ยวหยินเปลี่ยนแปลงไป

 

“ฟงจิวเก้ออยู่ที่นี่ เขากำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเราด้วยความเร็วสูง!” เทพธิดาเมี่ยวหยินแจ้งเตือน

 

“เขารอดจากสายธารแห่งกาลเวลามาได้จริงๆ!?” เทพธิดากระต่ายขาวกรีดร้องด้วยความตกใจ

 

“ในช่วงเวลานี้…” ไห่ลั่วหลันกัดฟันแน่น

 

ไป่หนิงปิงจ้องมองอย่างเย็นชา “หากเรารู้ตัวล่วงหน้า เราจะสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะก่อนหน้านี้ ฟงจิวเก้อจะได้ลิ้มรสพลังอำนาจของมัน”

 

“ลืมมันไปเถอะ” ฟางหยวนตัดสินใจเด็ดขาด “ฟงจิวเก้อได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์ ไม่แปลกที่เขาจะสามารถหลบหนีจากสายธารแห่งกาลเวลา เราต้องไปเดี๋ยวนี้ ทิ้งอาณาจักรแห่งความฝันไว้ กระทั่งราชันมังกรจะมาที่นี่ด้วยตนเอง เขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด!”

 

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

 

กลุ่มของฟางหยวนหายตัวไปทันที

 

“แน่วแน่มาก” ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มชมเชยหลังจากมาถึง

 

ต่อมาสายตาของเขาก็มองไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน “นี่คืออาณาจักรแห่งความฝันงั้นหรือ?”

 

โดยไม่จำเป็นต้องรายงาน เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถมองเห็นสถานการณ์ปัจจุบัน

 

“เหตุใดอาณาจักรแห่งความฝันถึงมาอยู่ที่นี่?”

 

“เหตุผลคือสิ่งใด? ข้าเกรงว่านี่จะไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องตรวจสอบ”

 

ขณะที่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยก็บอกตำแหน่งของฟางหยวนให้ฟงจิวเก้อรับรู้

 

ฟงจิวเก้อออกไล่ลาทันที

 

ฟางหยวนและคนอื่นๆรู้สึกถึงแรงกดดัน

 

พวกเขาตระหนักว่าฟงจิวเก้อกำลังไล่ตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว

 

“ฟงจิวเก้อเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะงั้นหรือ?”

 

“ด้วยความช่วยเหลือจากวังสวรรค์ มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้?”

 

“สิ่งสำคัญในเวลานี้คือนอกจากฟงจิวเก้อยังมีผู้ใดอีก”

 

ทั้งสองฝ่ายไล่ล่าและวิ่งหนีตลอดครึ่งวัน นี่ทำให้ฟางหยวนและคนอื่นๆต้องขมวดคิ้วลึก

 

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศไม่สามารถใช้งานได้อย่างไม่รู้จบสิ้น หลังจากทั้งหมดมันต้องใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะ

 

หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป โดยยังไม่ต้องต่อสู้กับฟงจิวเก้อ พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็จะลดลงอย่างมาก

 

แต่การต่อสู้กับฟงจิวเก้อเสี่ยงเกินไป

 

นอกจากฟงจิวเก้ออาจมีผู้อมตะระดับแปดคนอื่นซ่อนตัวอยู่ โอกาสที่ฟางหยวนจะได้รับชัยชนะมีน้อยมาก

 

“ฟงจิวเก้อเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ไม่สามารถเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา นอกจากนั้นมิติช่องว่างเทียมของวังสวรรค์ก็ไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิต เราไม่สามารถหลบหนีได้ตลอดไป แม้จะมีบางคนอยู่ด้านหลังฟงจิวเก้อ พวกเขาก็ถูกทิ้งไว้ไกลแล้ว” ไป่หนิงปิงกล่าว

 

นางต้องการต่อสู้

 

ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้น รอเขาอยู่ที่นี่ หากเราไม่โจมตีเขา สุดท้ายเขาก็จะตามทันในที่สุด”

 

ไป่หนิงปิงตะลึง นางเริ่มมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

นางเข้าใจฟางหยวน โดยปราศจากค่ายกลวิญญาณอมตะ สถานที่ที่เขาเลือกเป็นสนามรบต้องพิเศษมาก

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่ไป่หนิงปิงจะพบสิ่งใด เสียงพิณโบราณก็ดังขึ้น

 

ต่อมาแสงสีทองก็ปรากฏขึ้น

 

ฟงจิวเก้อเดินออกมาและเผชิญหน้ากับกลุ่มของฟางหยวนอีกครั้ง

 

“ทุกคน พบกันอีกแล้ว” ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มทักทาย

 

ไป่หนิงปิงแสดงออกอย่างไร้อารมณ์ขณะที่การแสดงออกของไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาวกลายเป็นมืดครึ้ม

 

ชื่อเสียงของคนผู้นี้สร้างแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเขา