บทที่ 487 มีขึ้น มีลง (1)
สีหน้าของลูเซียนดูท่าทางโหดเหี้ยม เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำและได้แต่ยกมือซ้าย นิ้วมือของเขาเหยียดตรง และทั้งแขนและมือซ้ายของเขาก็ไม่ต่างกับดาบ

ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปผิดล่าง ความมืดมิดล่าถอยไปและแสงจันทราอันเยือกเย็นก็เข้าห่อหุ้มร่างเขา อย่างไรก็ตาม ดวงจันทร์สีเงินกลางท้องฟ้าก็พลันหายไป

“พลังของเจ้าฟื้นขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วสินะหลังจากดูดพลังเทวภาพแห่งความตายของอาซินเข้าไป แต่คงยังไม่พอ” เสียงที่หยาบกระด้างของเทพแอนทานาสดังกึกก้องราวกับกรงเล็บที่แหลมคมขูดบนแผ่นเหล็กสนิมเกรอะกรัง เขายกค้อนศึกที่มีเพลิงแห่งวิญญาณสีเทาลุกโชนขึ้นแล้วฟาดลงที่ลูเซียนอย่างรุนแรง

ระยะห่างระหว่างทั้งสองนับร้อยเมตรดูเหมือนกลายเป็นศูนย์ และค้อนก็ฟาดลงตรงหน้าลูเซียนในชั่วพริบตา ขอบเขตพลังสีดำ ขาว และเทาพุ่งมาตามทิศทางของค้อนและแผ่ขยายออกเหมือนกับพู่กันทาสี แต่แทนที่จะแต่งแต้มเพิ่มสี ขอบเขตพลังนั้นกลับขับไล่สีและเสียงออกจากวัตถุที่พาดผ่านทั้งหมด ฝังวัตถุเหล่านั้นไว้ในความเงียบชั่วนิรันดร

ลูเซียนรอดูเทพแอนทานาสเปิดฉากโจมตีเขาด้วยความสุขุมเลือดเย็น ปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวทั้งหมดไร้ซึ่งเสียงและสีสัน ทันใดนั้น ดวงจันทร์สีเงินดวงใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาด้านหลังของเขา ดวงจันทร์มีขนาดใหญ่และสว่างไสวราวกับลงมาจากฟากฟ้า ในมือซ้ายของลูเซียน เปลวไฟสีดำก็ลุกโชนขึ้นและก่อตัวเป็นดาบเพลิงสีดำ

ลูเซียนฟันดาบใส่เทพแอนทานาสสุดกำลัง เสื้อคลุมของเขาสะบัดพลิ้วไหวอยู่กลางสายลม ขณะที่ลำแสงสุกสกาวก็พุ่งออกมาจากดวงจันทร์สีเงิน แสงจันทราพุ่งปะทะเข้ากับมวลพลังสีดำ ขาว และเทา

โลกทั้งใบดูเหมือนจะมืดสลัวลง ไม่มีสี ไม่มีเสียงไม่มีกาล และไม่มีอวกาศ

ภาพมายานั้นคงอยู่เพียงเสี้ยววินาที นาตาชาและคนอื่นๆ ที่เหลือก็เห็นรอยแตกเล็กๆ ปรากฏอยู่บนคลื่นพลังสีดำ ขาว และเทา ก่อนที่รอยแตกร้าวจะทวีมากขึ้น ขณะที่รอยแตกแผ่ขยายไปในวงกว้างขึ้นๆ สีและเสียงก็กลับมา

และในทันใดนั้น โลกแห่งสีดำ ขาว และเทาก็แตกสลาย โลกฟื้นคืนกลับสู่จุดที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม นาตาชาและคนที่เหลือต่างรู้สึกชาไปทั้งร่างและไม่อาจควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเองได้

อย่างไรก็ตาม ทุกคนได้เห็นผลของการปะทะครั้งนี้แล้ว

เทพแอนทานาสกำลังลอยอยู่กลางอากาศ หน้าผาที่ตั้งของอารามเบื้องล่างของเขาหายไปทั้งแถบ มีหลุมลึกขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนพื้น แล้วมีคลื่นพลังหมุนวนขนาดมหึมาบนแม่น้ำทะลักเข้าท่วมหลุมลึกแห่งความว่างเปล่านั้น

ชิ้นส่วนเนื้อเน่าๆ กำลังหลุดร่อนออกจากหน้าและตัวของเทพแอนทานาส กระดูกโผล่ออกมาเป็นสีสนิมและเลือดซึ่งเป็นสีที่เกิดจากพลังเทวภาพแห่งสงคราม มวลพลังแสงสีดำ ขาว และเทาดูโปร่งแสงและแข็งทื่อมากขึ้นๆ

เทพแอนทานาสบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับลูเซียน อีวานส์ ซึ่งก็ถูกซัดกระเด็นออกไปอีกฝั่งของแม่น้ำโซลนา สถานการณ์ของแอนทานาสยังดีกว่ามาก ตอนที่ลูเซียนถูกสาดกระเด็นออกไปไกล ร่างของเขาก็ลอยไปปะทะกับต้นไม้และก้อนหินริมฝั่งแม่น้ำจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะร่วงลงกองกับพื้น ตอนนี้ ลูเซียนเองก็ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย และมือซ้ายของเขาก็ดูซีดเผือดลงจนเป็นสีเทา

“ข้าบอกเจ้าแล้ว คงยังไม่พอ!” เสียงหัวเราะที่แหบพร่าของแอนทานาสอาจทำให้คนเป็นบ้าได้

เมื่อสิ่งมีชีวิตปริศนาจากโลกแห่งวิญญาณยังคงฟื้นฟูพลังอยู่ อัลเทอร์นาก็เข้ามาขัดขวาง ฉะนั้น ตอนนี้ยังคงเป็นฝ่ายของเทพเจ้าแห่งสงครามซึ่งถือไพ่เหนือกว่า แต่ภายใต้อิทธิพลของสิ่งมีชีวิตปริศนา เทพแอนทานาสก็จะคุ้มคลั่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม

เทพแอนทานาสก้าวเท้ามาข้างหน้า เพ่งสายตามองศัตรูที่นอนกระเสือกกระสนอยู่กับพื้น สภาวะจิตของแอนทานาสเต็มไปด้วยความปลื้มปิติและความภาคภูมิ “พลังของเจ้าช่วยฟื้นฟูพลังข้าได้ แม้จะฆ่าเจ้าไม่ได้ในตอนนี้ แต่ข้าจะทำให้เจ้าหลับไปอีกนานแสนนาน อัลเทอร์นา ชาติหน้าค่อยกลับมาแล้วกัน!”

แอนทานาสยกค้อนขึ้น แล้วมวลพลังสีดำ ขาว และเทาก็แผ่ขยายออกไปอีกครั้ง

ลูเซียนได้ยินเสียงระฆังมรณะก้องกังวาลเรียกหาเขา

แต่ทันใดนั้นเอง โลกแห่งสีดำ ขาว และเทากลับมีเปลวเพลิงสีเขียวลุกโชติช่วง และก็ล่มสลายลงในพริบตา

แอนทานาสปรากฎตัวขึ้นอีก ห้อมล้อมด้วยพลังแห่งความตายและความเงียบสีเทาและขาว ซึ่งแตกต่างจากมวลพลังสีดำ เทา และขาวของเขาเอง นี่คือพลังแห่งความเสื่อมสลาย และมีวิญญาณและภูตผีอาฆาตร้องโหยหวนบินวนอยู่โดยรอบ

“อ๊า!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากอาซิน ด้วยความทรมานแสนสาหัสนั้น พลังชีวิตของอาซินถูกมวลพลังที่ลอยอยู่กลางอากาศดูดไป ภายในหลายวินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็ซีดจัดและดวงตาสีเขียวของเขาก็กลายเป็นเหมือนเปลวไฟสีแดงสั่นไหววูบวาบ กลิ่นอายของความตายแผ่ออกมาจากร่างของเขา

สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับแอล ซึ่งส่วนหัวของเขาบุบบี้เหมือนกับลูกแตงโมถูกทุบ แอลร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วเลือดของเขาก็หยุดไหล แล้วสิ่งที่ไหลเจิ่งนองออกมาจากร่างของเขาในตอนนี้ก็คือน้ำเหลืองสีเหลืองอ่อน แต่อาจเป็นเพราะพลังเทวภาพที่มีอยู่ พลังชีวิตจึงค่อยๆ สูญสลายจากร่างของเขาอย่างเชื่องช้า เขายังไม่กลายเป็นซากศพเดินได้

สภาพแวดล้อมโดยรอบอารามแห่งสงคราม ภายในรัศมีสองร้อยเมตร ต้นฮูซัมจำนวนนับไม่ถ้วนเหี่ยวเฉาและเน่าตาย มวลพลังที่ลอยอยู่กลางอากาศกำลังดูดพลังชีวิตของทั้งหมด พื้นดินที่ชุ่มชื่นและอุดมสมบูรณ์ก็สูญเสียความชุ่มชื้นและเต็มไปด้วยรอยแตกระแหง แล้วทันใดนั้นเอง น้ำจากแม่น้ำโซลนาก็ทะลักเข้าท่วมพื้นที่ แล้วกลายเป็นหนองน้ำที่ไร้สีสันและส่งกลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียน

หนึ่งในนักบวชชั้นอาวุโสร้องตะโกนขึ้น “พิธีกรรมชีวิต? เทพอสูรจอมมารลิช?”

ทันทีที่เขาพูดจบคำ แสงศักดิ์สิทธิ์รอบตัวเขาก็ดึงดูดให้พลังแห่งความตายเข้าโจมตี ราวกับมีปฏิกิริยาแร่แปรธาตุที่น่าสะพรึงกลัวระหว่างพลังแห่งความตายและแสงศักดิ์สิทธิ์ จึงเกิดการระเบิดครั้งรุนแรง ร่างของพระคาร์ดินัลที่มีพลังอย่างน้อยอยู่ในระดับแปดรูปนี้ก็ระเบิดออก และพลังชีวิตของเขาก็ถูกดูดขึ้นไปกลางอากาศ

พลังแห่งความตายก็เข้าเล่นงานแดเนียล ‘เพลิงล้างบาป’ ด้วยเช่นกัน เกราะเพลิงสีขาวรอบตัวเขาก็มืดสลัวลงมาก เขาต้องยืนพิงดาบของของตัวเองเพื่อไม่ให้ล้มลงกองกับพื้น และพลังชีวิตของเขาก็ถูกดูดออกจากร่างอย่างรวดเร็ว

นาตาชาเป็นคนแรกที่เข้าใจสถานการณ์ นางวิ่งไปหาคามิล และยก ‘โล่แห่งสัจธรรม’ จำลองขึ้นป้องกันต่อหน้าพวกนาง และก็มีรอยร้าวเล็กๆ เกิดขึ้นบนโล่ที่ถอดแบบมาจากโล่แห่งสัจธรรมของจริง

อย่างไรก็ดี แม้แต่โล่สีดำชิ้นนี้ก็กำลังสูญเสียสีของมันไป ราวกับว่าตัวโล่เองก็กำลังถูกดูดพลังชีวิตเช่นกัน นาตาชารู้ว่าโล่ก็จะเสื่อมสลายภายในหนึ่งหรือสองนาที แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น

สายตาของเบโร่ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ก็ดูเหม่อลอย ขณะที่พลังชีวิตของเขากำลังถูกดูดเช่นกัน ทั้งร่างของเบโร่กำลังกระตุกเบาๆ

ลูเซียนกระเสือกกระสนยืนขึ้นมา มือซ้ายของเขากลายเป็นสีเทาโดยสมบูรณ์ และตัวเขาเองก็หายใจลำบากอย่างยิ่ง

ฟรานซิสที่นอนกองอยู่กับพื้นและไม่อาจขยับตัวได้ ก็พยายามอย่างหนักที่จะหันหน้าไปดู ขณะมองดูพื้นที่ซึ่งดูไม่ต่างจาก ‘ดินแดนโครงกระดูก’ เขาก็ยังรู้สึกโชคดีที่อัศวินปริศนาผู้นั้นซัดเขามาไกลจากเทพแอนทานาส จนเขาอยู่นอกระยะของมวลพลังที่น่ายำเกรงนั้น

ภายในระยะดังกล่าว เมฆทะมึนโสโครกก็รวมตัวกันบนท้องฟ้า สายฟ้าสีดำฝ่าลงมา แล้วฝนก็เริ่มตก กลิ่นเหม็นเน่าที่น่าสะอิดสะเอียนก็ทำให้แอลที่กำลังบาดเจ็บสาหัสหมดสติไปในทันที

เม็ดฝนสีขาวปนเทาเน่าเสียตกลงบนพื้นดิน และพื้นดินก็ซีดขาวไร้ชีวิตในทันที โครงกระดูกและซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกฝังอยู่ลึกใต้พิภพก็ทะลุขึ้นมาจากชั้นดินและยืนขึ้นช้าๆ ท่ามกลางห่าฝนดังกล่าว พลังแห่งความตายของพวกมันทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นๆ

สิ่งใดก็ตามที่สัมผัสกับเม็ดฝน ไม่ว่าจะเป็นเพลิงล้างบาปของแดเนียล และโล่แห่งสัจธรรมของนาตาชา ก็เริ่มเน่าเปื่อยลง แต่ยังโชคดีที่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก เม็ดฝนที่ตกใส่ทั้งคู่จึงไม่หนักมากนัก อย่างไรก็ตาม ห่าฝนตกกระหน่ำใส่เทพแอนทานาส ทำให้ทุกอย่างเน่าเสีย และกัดกินเข้าไปในอาณาจักรเพลงสีดา ขาว และเทา

เทพแอนทานาสยกค้อนศึกขึ้นอีกครั้ง แต่พลังของเขาก็ตกลง

อย่างไรก็ตาม ในฐานะสิ่งมีชีวิตปริศนาในโลกแห่งวิญญาณ ค้อนศึกของแอนทานาสก็ยังสามารถทำให้วิญญาณ ภูตผี และศพเดินได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา

เมื่อแอนทานาสเกือบจะหลุดจากการจองจำได้แล้ว เสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ดังมาจากท้องฟ้า

‘เวทจองจำวิญญาณ’

วิญญาณและจิตวิญญาณที่แตกสลายที่วนเวียนรอบตัวแอนทานาสรวมตัวกันกลายเป็นแสงแห่งวิญญาณและแทรกซึมเข้าสู่ร่างของแอนทานาสอย่างรวดเร็ว ร่างของแอนทานาสทั้งร่างก็พองบวมขยายใหญ่ขึ้น ของเหลวสีเทาและสีขาวทะลักออกมาจากมุมตาของเขา และเทพแอนทานาสก็ทำได้เพียงยืนนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นหิน

“พิธีกรรมชีวิต” เสียงที่เยือกเย็นนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

เมฆพิษพวกนั้นก็ถล่มลงใส่แอนทานาส ขณะเดียวกัน ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่แอนทานาสและกลายเป็นส่วนเดียวกับเมฆ

พลังชีวิตของแอนทานาสถูกขับออกจากร่างของเขาอย่างรุนแรง เมื่อสูญเสียพลังภายใน ร่างสูงใหญ่ที่แข็งแกร่งของแอนทานาสก็ซวนเซไปมา ค้อนศึกร่วงลงกับพื้น และกะโหลกศีรษะของแอนทานาสก็แตกออกเป็นชิ้นๆ

มวลพลังแสงสีดำ ขาว และเทาก็พุ่งออกจากเบ้าตาเขา ร่วงลงกองกับพื้น และแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขนาดเท่ากันเพียงไม่กี่ชิ้น

เศษพลังพวกนี้ยังคงมีพลังสูงสุดแห่งความเป็นอมตะและความยิ่งใหญ่ แต่เหมือนว่าเศษพลังนี้ได้ส่วนเสียวิญญาณและอำนาจจิตไปแล้ว เศษพลังสีดำ ขาว และเทาค่อยๆ แผ่ขยายออกไปกลืนกินวัตถุโดยรอบ แต่ตอนนี้มันไร้ความหมายและไม่มีประโยชน์แล้ว

ภาพมายา ‘มือนักเวท’ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ พยายามจะหยิบเศษเสี้ยวมวลพลังแสงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มือมายานั้นทะลุผ่านก้อนพลังพวกนั้นไป ราวกับว่ามันไม่ได้อยู่ในมิตินี้

“หื้ม?” มีเสียงดังขึ้นด้วยความสับสน

เทพอสูรลิชตนหนึ่งในผ้าคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้า ศีรษะของเขาไม่มีเนื้อหนัง มีแต่เพียงกะโหลกสีขาว ในเบ้าตาสีดำกลวงสองข้างนั้น มีจุดไฟแสงสีแดงขนาดเท่าปลายเข็มกำลังเต้นเร่าๆ

เขานั่นเอง คอนกัส ‘เทพอสูรจอมเวท-ลิช’ ลูเซียนนึกถอนหายใจออกมา

คอนกัสไม่รีบร้อนที่จะเก็บเศษพลังที่แตกสลายจากสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งวิญญาณ แต่กลับกัน คอนกัสหันไปมองที่ลูเซียน เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้อัลเทอร์นาได้ฟื้นฟูพลัง อัลเทอร์นาเป็นภัยคุกคามเดียวของเขา ณ ตอนนี้

“เวทกีดกัน…” คอนกัสพูดคำแปลกๆ ออกมา ดูเหมือนจะเป็นเวทมนตร์โบราณ

คอนกัสไม่มีทางดูถูกอัลเทอร์นา เขาใช้เวทมนตร์ระดับตำนานเพื่อกำจัดลูเซียนและมือซ้ายของเขาในทันที

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คอนกัสจะร่ายเวทมนตร์จบประโยค แสงสว่างจ้าก็พุ่งใส่เขาจากด้านหลัง แสงนี้เต็มไปด้วยพลังเชิงบวกที่ทรงพลังที่เตือนสติให้ลูเซียนนึกถึงเรื่องดีๆ ทั้งความระเบียบเรียบร้อย ความซื่อสัตย์ เป็นต้น

เวทมนตร์ป้องกันเวทมนตร์ของคอนกัสที่แสดงพลังออกมาโดยอัตโนมัติก็สลายไปภายใต้แสงดังกล่าว แต่คอนกัสก็เคลื่อนย้ายร่างไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในฐานะนักเวทชั้นตำนาน เขาเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีอย่างกะทันหันตลอดเวลา

ดวงตาที่เป็นจุดไฟสีแดงขนาดเท่าปลายเข็มก็หันไปมองผู้โจมตี นั่นคือเบโร่ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งน่าจะสูญเสียพลังไปทั้งหมดแล้วจาก ‘พิธีกรรมชีวิต’

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เบโร่กำลังลอยตัวตั้งตรงอยู่กลางอากาศและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจ

“จงจดจำพลังของข้าไว้”

“เจ้าเป็นใคร?” คอนกัสถาม เขารู้สึกว่าพลังที่ปล่อยออกมาจากเบโร่ค่อนข้างคุ้นเคย แต่ก็ไม่ใช่พลังของเบโร่เอง และคอนกัสก็ไม่นึกไม่ออกว่าใครเป็นเจ้าของพลัง

เบโร่ไม่ตอบคำถาม ปีกสีขาวจำนวนมากสยายออกจากหลังของเขา เบโร่กล่าวกับคอนกัสด้วยน้ำเสียงเรืองอำนาจ “สิ่งใดสิ้นชีพต้องตกสู่ห้วงนิทรานิรันดร์ นี่คือระเบียบของชีวิต เจ้าสิ่งมีชีวิตชั่วช้าโสมมจงก้มหน้ารับโทษของเจ้า!”

แล้วตาชั่ง ฝั่งซ้ายเป็นสีขาวและฝั่งขวาเป็นสีดำ ก็ปรากฏขึ้นหน้าเบโร่ หลังจากแกว่งไปมาหลายครั้ง ตาชั่งก็กลับสู่ความสมดุล แล้วเมฆสีซีดเทาขาวที่น่าขนลุกก็สลายไปในทันที แต่พื้นดินปนเปื้อนพิษและต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาตายยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“ตาชั่งความยุติธรรม เจ้าคือรูดอล์ฟที่สอง!”

คอนกัสไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่ารูดอล์ฟที่สองมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม เขาร่ายเวทมนตร์ชั้นตำนานใส่รูดอล์ฟที่สองอย่างรวดเร็ว

“เวทกีดกันชีวิต!”

คอนกัสเชื่อว่านี่เป็นภาพมายาสะท้อนของรูดอล์ฟ แล้วเขาก็ยังคิดในแง่บวกว่าแม้รูดอล์ฟจะนำพลังจากตาชั่งมาใช้ พลังของร่างภาพสะท้อนนี้ก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้

หน้าของเบโร่ดูแก่ลงราวกับเวลาของตัวเขาผ่านไปยังรวดเร็วเงียบๆ ปีกด้านหลังเขาหุบลง และบรรจบกันกลายเป็นเส้นแสง

“จงยอมรับในบัญชา คอนกัส”

“แสงแห่งบัญชา!”

เส้นแสงขยายออกอย่างรวดเร็ว กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของโลก เต็มไปด้วยพลังที่สามารถทำลายสิ่งใดก็ตามที่ผิดปกติในมิตินี้

ขณะเดียวกัน คอนกัสก็อ้าปากกว้างและร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว เสียงโหยหวนเทพอสูรจอมเวท-ลิช!

ดวงตาของนาตาชาเหม่อลอยอีกครั้ง และนางก็สูญเสียความสามารถในการได้ยินหรือดมกลิ่น โล่แห่งสัจธรรมตรงหน้าของรางแตกร้าวอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้นเอง ภายใต้แสงจันทราเย็นเฉียบและสว่างไสว ลูเซียนก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศข้ามแม่น้ำ ด้วยชุดเสื้อนอกสีดำยาว ลูเซียนยกมือซ้ายขึ้นสูง ไฟทำลายล้างลุกโชนเป็นเกลียวอยู่รอบมือ

ฟรานซิสและคามิลคิดว่าลูเซียนและอัลเทอร์นาใช้พลังของตนไปหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม พลังของเขายังไม่หมด ก่อนที่จะดูดพลังเทวภาพของเทพเจ้าแห่งยมโลก อัลเทอร์นาก็สามารถเปิดการโจมตีเต็มรูปแบบอีกครั้ง ตอนนี้ หลังจากดูดพลังเทวภาพเพิ่มมาอีกหนึ่ง รวมกับการนอนจำศีลนานครึ่งเดือน พลังของอัลเทอร์นาจะหมดหลังการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร?

ลูเซียนเดินทางมายังอารามแห่งสงครามอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหา เขาพยายามหลอกล่อให้ผู้วิเศษชั้นตำนานที่จับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลาและเทพแอนทานาสสู้กันเอง ก่อนการต่อสู้นี้ ลูเซียนก็คิดว่าคอนกัสอาจมายังมิตินี้ ดังนั้น เขาจึงยังไม่ใช่พลังของอัลเทอร์นาเต็มรูปแบบ

การเผชิญหน้ากับอัลเทอร์นาที่กำลังบาดเจ็บสาหัส กับสิ่งมีชีวิตปริศนาจากโลกแห่งวิญญาณที่ยังสามารถต่อสู้ได้ คอนกัสก็น่าจะจัดการกับสิ่งมีชีวิตปริศนาก่อน

ลูเซียนจะปล่อยให้พวกเขาสู่กันเองก่อน

นอกจากนี้ เนื่องจากลูเซียนบังเอิญเจอนาตาชาอยู่ใกล้ๆ เขารู้ว่าจักรพรรดิควบคุมเข้าถึงความลับเบื้องหลังของปีศาจโบราณเจ็ดตน ลูเซียนก็คิดว่ารูดอล์ฟที่สองก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

พลังของแสงจันทรากำลังเยียวยาร่างของลูเซียน เมื่อดวงจันทร์ดวงใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และปกคลุมดวงจันทร์สีเงินดวงจริงๆ กลางท้องฟ้า

คอนกัสและรูดอล์ฟที่สองต่างตกตะลึงเมื่อเห็นลูเซียนค้อมศีรษะลงเล็กน้อย แล้วลูเซียนก็ทิ้งมือซ้ายลง และแสงจันทร์ก็แผ่ขยายออกและแยงตาของทั้งสอง

หรือเพราะลูเซียนฉลาดและวางแผนรัดกุมกว่าพวกเขา?

ไม่ คงเป็นเพราะลูเซียนรู้ข้อมูลมากกว่าเทพแอนทานาส ลูเซียนรู้ว่ามีนักเวทชั้นตำนานซ่อนตัวอยู่และรูดอล์ฟที่สองก็อาจโผล่มาได้ตลอดวลา ดังนั้น เขาจึงวางแผนได้รอบคอบที่สุด

ช่องว่างระหว่างข้อมูลคือข้อได้เปรียบของลูเซียน!

ดวงจันทร์สีเงินในคืนนี้สว่างไสวมาก จนคอนกัสและรูดอล์ฟที่สองจะไม่มีวันลืมภาพนี้ไปตลอดชีวิต