เฉียวเหลียงชำเลืองมองเธอ หยิบแก้วนมในมือเธอวางลงบนโต๊ะ แล้วส่งแซนด์วิชที่เธอเพิ่งกัดไปคำเดียวเมื่อกี้ให้ “มาเถอะ ทานให้เสร็จก่อน เดี๋ยวคุณจะสาย”
ถังซีหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและเบิกตากว้าง รีบดื่มนมอึกใหญ่ คว้าแซนด์วิชแล้ววิ่งไปที่ประตู “ฉันจะเอาไปทานระหว่างทาง ไปก่อนนะคะ”
เฉียวเหลียงมองตาม คว้าแขนเธอไว้ และหยิบกระเป๋านักเรียน “ผมจะไปส่งคุณขึ้นรถ ดื่มนมให้หมดก่อน”
ถังซีไม่มีทางเลือก จึงได้แต่กลับไปดื่มนม เฉียวเหลียงจริงจังกับสุขภาพเธอเป็นพิเศษ ดูเหมือนเขาจะหวังว่าสุขภาพเธอจะต้องดีขึ้นโดยเร็วที่สุด แม้เธอจะเขินอายเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเป้าหมายสูงสุดของเขา แต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
ถังซีดื่มนมจนหมดแล้วหันกลับไปมองเขา เห็นเฉียวเหลียงถือกระติกเก็บความร้อนจึงกะพริบตาถี่ๆ มองหน้าเขา เฉียวเหลียงดึงมือเธอมารับกระติก “มีนมอยู่ในนี้ ดื่มระหว่างทางด้วย”
“ก็ฉันเพิ่ง…”
“ผมรู้ แต่อันนี้คือให้คุณดื่มระหว่างทาง”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ บ่นในใจ ฉันดื่มนมไปแล้วแก้วหนึ่ง! ฉันอาจเมารถได้นะ ถ้าดื่มนมมากเกินไป!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสายตาเฉียวเหลียงเธอก็ไม่กล้าพอที่จะพูดความคิดนั้นออกมาดังๆ เธอจึงเดินตามเขาออกไปเงียบๆ
อาหกยืนรออยู่ที่หน้ารถ เมื่อเห็นทั้งสองออกมาเขาก็เปิดประตูรถให้เธอทันที พร้อมกับรายงานเฉียวเหลียง “อาห้าขึ้นเครื่องบินเที่ยวแรกสุดไปแอฟริกาใต้แล้วครับ นายน้อยสามารถเริ่มประชุมทางโทรศัพท์กับเขาได้ภายในอีกห้าชั่วโมงครับ”
เฉียวเหลียงส่งเสียงคำรามตอบรับเบาๆ และโยนกระเป๋านักเรียนของถังซีให้อาหก อาหกรับไปวางไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ แล้วโค้งคำนับให้ถังซี ถังซีตกใจกับการปฏิบัติของเขา “อาหก ทำไมคุณต้อง… โค้งคำนับฉันด้วย ฉันแค่จะไปโรงเรียน!”
อาหกอธิบายด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพที่สุด “ตอนนี้คุณคือนักรบผู้เก่งกล้าครับ ผมมาทำงานที่หลงเซี่ยวก็เพื่อจะได้ไม่ต้องสอบเข้าวิทยาลัย”
ถังซีหันไปมองเฉียวเหลียง ที่เฉียวเหลียงสร้างหลงเซี่ยวขึ้นมาก็เพื่อจะไม่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างนั้นหรือ
เฉียวเหลียงดูเหมือนจะเดาออกว่าถังซีสงสัยอะไร เขายิ้ม ลูบผมถังซี “คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเราเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมัธยมปลาย”
ถังซีนึกออกทันที จริงสิ เธอกับเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนมัธยมตี้กั่ว ซึ่งในระหว่างนั้นเธอตกหลุมรักเขา และสารภาพรักกับเขา… เมื่อคิดออกว่าเธอกับเขารู้จักกันมานานมากแล้ว และเธอได้เห็นชีวิตในโรงเรียนมัธยมของเฉียวเหลียง เธอก็ยิ้มหวาน
อาหกซึ่งยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอ่อนใจ คนคู่นี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมทั้งสองถึงได้แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยพร่ำเพรื่ออย่างนี้ การเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในโรงเรียนมัธยมเป็นเรื่องใหญ่มากมายตรงไหน เขาเองก็อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกับภรรยาในอนาคตของเขาด้วยเหมือนกัน… จริงไหม…
ทุกคนอาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน! สูดลมหายใจจากอากาศเดียวกัน!
ถังซีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นสายตาระอาใจของอาหก เธอรีบขึ้นรถ บอกลาเฉียวเหลียง และบอกให้อาหกขึ้นรถ อาหกรีบขึ้นรถโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามเพียงแค่เขาเริ่มสตาร์ตรถ เฉียวเหลียงก็ร้องเรียกเขา อาหกลดหน้าต่างรถลงอย่างเหนื่อยใจ มองไปที่เฉียวเหลียง “นายน้อยมีอะไรอีกหรือครับ”
เฉียวเหลียงมองหน้าอาหกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ขับรถระวังด้วย”
“ผมรู้แล้วครับ นายน้อย คุณไม่เชื่อฝีมือการขับรถของผมหรือไงครับ” แล้วรถก็เร่งเครื่องแล่นออกไป
“ดูเหมือนพวกคุณทุกคนจะกลัวเฉียวเหลียง” ถังซีทานแซนด์วิชไปพลางคุยกับอาหกไปพลาง เธอรู้สึกว่าลูกน้องเฉียวเหลียงล้วนหวาดกลัวเขา ดูเหมือนทุกคนจะอยากอยู่ให้ห่างจากเฉียวเหลียงให้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ชอบทำงานกับเฉียวเหลียง
ดวงตาอาหกฉายแววประหลาดใจ แล้วเขาก็ปฏิเสธ “ฮื้อ คุณถังพูดอะไรอย่างนั้นครับ นายน้อยเป็นคนใจดีมากครับ พวกเราทุกคนรักที่จะทำงานให้เขา และพวกเราไม่ได้กลัวเขาเลย!”
นายน้อยเป็นคนใจดีมากเมื่อเขาไม่โกรธ อย่างน้อยก็ดีกว่าคุณเก้าที่ชอบแกล้งคน และคุณเจ็ดที่เป็นเสือซ่อนยิ้มดีๆ นี่เอง พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานกับนายน้อย นอกจากนี้งานก็ไม่ได้เหนื่อยหนักอะไร…
เมื่อหันไปมองเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของหลงเซี่ยว คนเหล่านั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นทาสยุคใหม่ คนเหล่านั้นเดินทางไปทั่วโลก ทำงานหนักเหมือนม้า ในขณะที่งานของพวกเขาง่ายกว่า พวกเขาเพียงแค่ติดตามไปไหนมาไหนกับนายน้อย และคอยช่วยเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แก้ไขปัญญาในงานที่คนเหล่านั้นไม่สามารถจัดการได้ งานของพวกเขาเป็นงานที่สุดยอด!
ถังซีมองหน้าอาหกด้วยรอยยิ้มบางๆ จากกระจกมองหลัง “จริงเหรอ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันบอกเฉียวเหลียงว่าคุณดีกับฉันมาก คุณจะได้เงินเดือนขึ้นไหม”
รอยยิ้มบนใบหน้าอาหกหดหายไปทันที เขากลืนน้ำลาย และค่อยๆ ยิ้มอย่างเชื่องช้า “คุณถังครับ คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า ไม่ตลกเลย ผมขอเล่าอะไรให้ฟังสักหน่อยได้ไหมครับ…”
ถังซีเลิกคิ้ว มองอาหกด้วยท่าทางสนใจ “คุณจะเล่าอะไรให้ฉันฟังเหรอ”
อาหกกล่าวอย่างจริงจัง “ให้ผมเล่าหลังจากคุณทานแซนด์วิชและดื่มนมหมดแล้วได้ไหมครับ”
ถังซีมองอาหารในมือตนเองด้วยท่าทางประหลาดใจ และถามด้วยความพิศวง “ทำไมล่ะ”
“เอ้อ เพราะว่าเป็นเรื่องสำคัญ” อาหกกล่าวอย่างจริงจัง “ถ้าคุณไม่ตกลง ผมจะไม่เล่าให้คุณฟังนะครับ”
ถังซีรีบทานแซนด์วิชและดื่มนมให้หมด อาหกยื่นกระดาษเช็ดปากให้เธอ ถังซีรับมาเช็ดปาก จากนั้นเธอก็มองหน้าอาหกอย่างจริงจัง “เอาล่ะ ตอนนี้คุณเล่ามาได้แล้ว คุณอยากเล่าอะไรหรือ”
อาหกพยักหน้า ถอนหายใจ กล่าวว่า “อันที่จริงนายน้อยของเราดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปหรือหลงเซี่ยว และดูแลแม่ของเขาเป็นอย่างดี เขายึดมั่นในความรัก เป็นที่เลื่องลือในด้านความซื่อสัตย์จงรักภักดีที่มีต่อคนรัก ซึ่งเขาชอบแสดงออกต่อหน้ามิตรสหาย แต่เขามีปัญหาร้ายแรงที่คุณอาจไม่รู้…”
ถังซีขมวดคิ้ว มองอาหกอย่างจริงจังและถามว่า “ปัญหาอะไรเหรอ”
“นายน้อยของเราเป็นคนขี้หึงที่สุดของที่สุด ในทันทีที่เขาเกิดความรู้สึกหึงหวง…” อาหกถอนหายใจ กล่าวต่อไปว่า “เขาอาจบ้าคลั่งขึ้นมาได้”
เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจะกล้าพูดอะไรที่ไม่จำเป็นกับถังซีได้อย่างไร จะให้ถังซีให้เกียรติพวกเขาต่อหน้านายน้อยได้อย่างไร นั่นเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ!
ถังซีอ้าปากค้างกะพริบตาถี่ๆ แล้วหัวเราคิก “จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าเฉียวเหลียงรู้ว่าคุณพูดถึงเขาว่ายังไง”