ตอนที่ 701

The Divine Nine Dragon Cauldron

701 – พลังของจักรพรรดิโลหิต

 

แต่ร่างของซือหยูเองก็ยังมีแรงกระแทกอยู่มหาศาลเมื่อผู้เฒ่าจิวมาถึงตัว เขาก็กระเด็นไปข้างหลังพร้อมกับซือหยูด้วย!

 

ปั้ง!ปั้ง!

 

ทั้งสองกระแทกทะลุภูเขากลายลูกพลังนั้นยังคงทะลวงพวกเขาต่อไป ร่างของพวกเขาหลุดลงเมื่อถึงยอดเขาลูกใหญ่

 

ฝุ่นควันลอยฟุ้งไปทั่วร่างทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตและไร้การเคลื่อนไหว ราวกับว่าทั้งคู่ตายตกตามกัน

 

แค่ก!แค่ก!

 

ผ่านไปนานร่างของผู้เฒ่าจิวกระตุกเบาๆ เขากระอักเลือดออกมาอีกมาก เขาเศร้าใจอย่างมากเมื่อมองซือหยู พลังของซือหยูลดน้อยถอยลงไปจะแทบสัมผัสไม่ได้

 

เขาถาม

 

“เจ้าทำอะไรลงไป?เจ้าก็รู้ว่าเจ้าต้องตายอย่างไร้ค่า!”

 

เขาไม่เข้าใจว่าซือหยูถึงเลือกที่จะสละชีวิตตัวเองแม้ว่าจะรับรู้ว่าจักรพรรดิโลหิตแข็งแกร่งเพียงใดและการไปยืนหน้ารอยแยกมิติมันอันตรายแค่ไหน

 

ซือหยูบาดเจ็บสาหัสแขนขาทั้งสี่ข้างล้วนแหลกละเอียด ที่ท้องของเขามีรูแผลเปิดกว้าง แม้แต่จุดกำเนิดพลังก็เสียหาย แก้วพลังของเขายังถูกทำลายไปหนึ่งดวง

 

ในตอนนี้ซือหยูขยับได้แค่ปลายดัชนี เขาพยายามขยับปากหลายครั้งแลกยิ้มเบาๆ

 

“เพราะว่า…คนรักของข้ายังอยู่ข้างหลัง!”

 

ผู้เฒ่าจิวใจสั่นเขาโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม ซือหยูเสียงชีวิตเพียงเพื่อเพราะคนที่เขาห่วงใย!

 

เด็กคนนี้เดินทางมาหลายพันลี้จากเมืองเกิดเพื่อเสี่ยงชีวิตช่วยพ่อตาเป็นการตอบแทนความเอื้อเฟื้อเขายังสร้างความสับสนวุ่นวายกับคณะวิหคเพลิงขณะที่เสี่ยงชีวิตเพื่อเซี่ยนเอ๋อผู้เป็นคนรัก

 

และตอนนี้เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อต้านอสูรเนรมิตรดั่งแมงเม่าบินเข้ากองเพลิง! ซือหยูกำลังต่อสู้เพื่อโลกของเขาและเพื่อคนหมู่มาก เขามองว่าเรื่องแบบนี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง

 

เมื่อคิดว่าคนที่โดดเด่นและเก่งกล้ากำลังจะตายเพียงเพราะต่อสู้กับอสูรเนรมิตรเพื่อเฉินหลงก็๋ทำให้ผู่เฒ่าจิวใจหายดวงตาของเขามองซือหยูด้วยความเศร้ามอง พลังของซือหยูค่อยๆอ่อนลงไปเรื่อยๆ

 

เขาอ่อนแอลงก็เพราะว่าจักรพรรดิโลหิตกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนว่าซือหยูจะจบแล้ว และทวีปเฉินหลงก็จะจบแล้ว!

 

ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!

 

รอยแยกเริ่มสั่นอย่างรุนแรงไม่สิ ทั้งก้นบึ้งมังกรกำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง!

 

ก้อนศิลาบนภูเขาเริ่มถล่มลงมารอยแตกมากมายเกิดขึ้นในก้นบึ้งมังกรราวกับใยแมงมุม เพลิงและลาวาพวยพุ่งออกมาจากใต้พิภพ ก้นบึ้งมังกรกลายเป็นทะเลเพลิงขณะที่สายลมรุนแรงและคลื่นยักษ์ก่อตัวขึ้นในด้านนอก

 

เหล่าสัตว์อสูรทะเลที่ทรงพลังล้วนหนีด้วยความกลัวราวกับว่าได้เจอกับวันสิ้นโลกเมฆาครึ้มปรากฏบนท้องนภาปกคลุมผืนดิน สภาพอากาศในทั้งทวีปแปรปรวนเปลี่ยนแปลง ทั้งทวีปเต็มไปด้วยเมฆาทมิฬ

 

หลายคนหวาดกลัวเมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดพวกเขารู้สึกไม่ดีอย่างมากกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง

 

ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปเหนือทวีปกลาง ทวีปใต้ ตะวันออกตก ผืนน้ำไร้ขอบเขตล้วนสั่นสะเทือน พลังที่น่ากลัวปกคลุมทั้งทวีปเฉินหลง ราวกับว่ากำลังจะมีสิ่งที่น่ากลัวออกมาเพื่อกลืนกินทั้งทวีป!

 

ณจุดสูงสุดของทวีป อาณาจักรทมิฬ

 

ชายวัยกลางคุยสวมผ้าคลุมดำยืนขึ้นบนยอดเขาอย่างยิ่งใหญ่ยอดเขานี้สูงราวกับจะถึงสวรรค์ มันสูงเหนือเมฆา

 

ชายวัยกลางคนมีคิ้วรูปร่างดั่งกระบี่แววตาของเขาเปล่งประกายราวกับดวงดาว เขายืนนิ่งไม่ไหวติงขณะที่มองดูทวีปที่กำลังเจอกับการมาของผู้ทรงพลัง

 

ชายผ้าคลุมดำสายตาเยือกเย็นเมื่อมองไปยังก้นบึ้งมังกรแสงประกายจากแววตาของเขาทำให้สิ่งรอบข้างสั่นสะเทือน

 

“ในที่สุดเจ้าก็มาข้ารอเจ้ามาเกินหมื่นปีแล้ว”

 

ชายชุดดำพูดอย่างช้าๆ

 

 

ที่ก้นบึ้งมังกรณ จุดที่เพลิงกำลังเอ่อล้น พื้นได้สั่นสะเทือนอย่างแรง ก้อนหินนับไม่ถ้วนหล่นลงสู่พื้นและละลายหายไปกับลาวา คนที่พลาดตกลงไปคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก

 

ผู้เฒ่าจิวพยายามจะยืนขึ้นขณะที่ช่วยพยุงซือหยูทั้งสองอยู่ในสภาพย่ำแย่และเปียกโชกไปด้วยโลหิต ทั้งสองพยุงกันและกันอยู่บนภูเขา

 

ทั้งคู่มองลาวาร้อนระอุที่แผ่ขยายไปหมื่นลี้สายตาของพวกเขามองทะลวงควันหนาของเพลิงและจ้องมองรอยแยกมิติ

 

รอยแยกมิติหยุดสั่นสะเทือนแล้วแม้แต่เหล่าลาวาก็หยุดเดือด เหล่าหินหยุดร่วงหล่น ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบได้ตกอยู่ในความเงียบ

 

ไม่มีเสียงใดเลยนอกจากเสียงลมหายในรวยรินของผู้เฒ่าจิวกับซือหยูแม้ว่าจะมองด้วยตาเปล่า แต่พวกเขาก็เห็นร่างจางๆของคนด้านหลังรอยแยกมิติ

 

เขาตัวสูงตระหง่านและทรงพลังทุกคนที่มองดูเขาจะรู้สึกราวกับได้กลาเยป็นหินและโศกเศร้า ซือหยูรู้ว่านี่คือยอดฝีมือตัวฉกาจที่ฐานพลังเหนือกว่าเขาไปหลายขอบเขต

 

“เฉินหลง…ข้าไม่ได้ยินชื่อนี้มานานมากแล้วยังมีพลังที่ข้าไม่ได้สัมผัสมานานอยู่อีก”

 

คนในรอยแยกมิติพูดและถอนหายใจก่อนจะก้าวออกมาจากรอยแยกมิติ

 

ทั้งก้นบึ้งมังกรสั่นสะเทือนภูเขาทุกลูกในทวีปเฉินหลงเกิดแผ่นดินไหว ราวกับว่าผืนธรณีมิอาจทนรับตัวตนของเขาได้

 

ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือหรือคนธรรมดามนุษย์หรือสัตว์ประหลาด หัวใจของทุกสิ่งมีชีวิตสั่นสะเทือนในขณะนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างรู้สึกราวกับจะตายในไม่นาน

 

ซือหยูที่ยังอยู่บนยอดเขาห่างไกลมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมองเขาจ้องมองพื้นใต้เท้าของจักรพรรดิโลหิตที่กำลังจะถล่มในไม่นาน

 

และสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็นก็คือเส้นขนสีดำใต้เท้าของเขามันเต็มไปด้วยพลังอันชั่วร้าย มันคือสิ่งที่ซือหยูได้มาจากการสังหารอสูร!

 

มันมีพลังที่ชั่วร้ายที่หากได้ทะลวงร่างของใครมันจะเข้าไปปั่นป่วนจิตใจและวิญญาณของผู้คน มันฆ่าได้แม้กระทั่งจ้าวเทวะ!

 

แต่ซือหยูก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับอสูรเนรมิตรหรือไม่เขาทำได้แค่ลอง…

 

“น่าสนใจนัก!นี่สินะอุบายของเจ้า…”

 

ซือหยูตัวแข็งทื่อที่พบว่าเท้าของจักรพรรดิโลหิตไม่ได้เหยียบพื้นเขาหยุดมันไว้กลางอากาศ

 

“ของที่เจ้าโยนเข้าไปในรอยแยกมิติก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของข้าแต่กับดักจริงๆอยู่นี่!”

 

เขายิ้มเบาๆเส้นขนอสูรใต้ดินถูกโอบล้อมไปด้วยพลังมหาศาลและถูกดึงงออกมา พลังทมิฬอันชั่วร้ายอัดแน่นอยู่ภายในนั้น

 

“อสูรในอดีตน่ากลัวโดยแท้จริงเพียงเส้นขนก็เป็นภัยต่อข้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้ใช้มันอย่างถูกวิธี”

 

จักรพรรดิโลหิตก้าวออกมาต่อไปเมื่อกำจัดกับดักออกไปแล้ว

 

แต่เมื่อเท้าของจักรพรรดิโลหิตเกือบจะถึงพื้นเขาก็หยุดเท้าลงอีกครั้งง เขาชักสีหน้าเป็นครั้งแรก

 

“ดีเหลือเกินไอ้หนู เจ้ายังมีกับดักอยู่อีก! ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะเจ้าเล่ห์แบบนี้!”

 

ฟึ่บ!

 

เสียงเบาๆดังขึ้นส่วนลึกของพื้นที่เส้นขนอสูรซ่อนอยู่มีผนึกสีดำลอยออกมา มือข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้ามันไว้

 

“พลังชั่วร้ายนี่น่ากลัวจริงๆ”

 

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเขาพูดผ่านรอยแยกมิติ

 

สิ่งที่อยู่ในมือเขาคือเวทความฝันวิญญาณเทพน้ำแข็งที่ซือหยูได้มาจากกระโจมเทพสวรรค์มันได้ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นเวทลวงตา แต่มันได้ปนเปื้อนจากเทพปีศาจที่อยู่ในร่างซือหยู ส่วนของพลังชั่วร้ายได้ฝังอยู่ในนั้น

 

“เจ้าหนูใครให้พลังนี้กับเจ้ามา?”

 

น้ำเสียงของจักรพรรดิโลหิตดูเคร่งเครียด

 

ซือหยูหน้าซีดราวกับกระดาษกับดักทั้งหมดของเขาถูกพบแล้ว

 

“ตอบข้ามา!ใครให้มันกับเจ้า?”

 

จักรพรรดิโลหิตมองทั้งก้นบึ้งมังกรดูเหมือนเขาจะมองหาศัตรูที่ซ่อนตัว

 

“ย่อมได้!เดี๋ยวข้าก็ได้รู้เองนั่นแหละ”

 

ในตอนนั้นลำแสงสองสายพุ่งออกมาจากรอยแยกมิติ ซือหยูกับผู้เฒ่าจิวถูกลำแสงนั้นก่อนที่จะได้ตั้งตัว ซือหยูรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเมื่อมีบางอย่างกระแทกเข้ากับหม้อเก้ามังกรและสั่นมันเบาๆ

 

ซือหยูตกใจยิ่งกว่าที่พบว่ามันคือครั้งแรกที่มีสิ่งที่ส่งผลกับหม้อเก้ามังกรเขามองผู้เฒ่าจิวและเห็นว่าสติของเขากำลังหลุดลอย ดูเหมือนว่าวิญญาณของเขาถูกรุกล้ำ!

 

“สมบัติภูติที่ใช้ป้องกันวิญญาณเรอะ?”

 

จักรพรรดิโลหิตตกตะลึงอีกครั้งแม้น้ำเสียงของเขาจะนุ่มลึก แต่ก็บอกได้เลยว่าเขาตกใจอย่างมาก…

 

เจ้าเด็กจากดินแดนไร้อารยธรรมคนนี้มีสมบัติภูติได้ยังไง?

 

แต่หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะเบาๆ

 

“ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนแข็งแกร่งในเฉินหลงพลังชั่วร้ายนี่กับสมบัติภูติจะได้เป็นของข้า”

 

ผู้เฒ่าจิวกลับมาได้สติและตะโกน

 

“เจ้า!เจ้าค้นความทรงจำข้า”

 

นี่เป็นพลังของลำแสงทั้งสองที่เขาใช้เมื่อครู่หลังจากที่ค้นดูความทรงจำของผู้เฒ่าจิวเขาก็ได้รู้ว่าทั้งผู้เฒ่าจิวกับซือหยูมาเพื่อต่อสู้ปกป้องที่นี่ด้วยตัวเอง และก็ไม่ได้มีศัตรูที่แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่เลย!

 

ซือหยูกับผู้เฒ่าจิวโศกเศร้าอีกครั้งเมื่อถูกล่วงรู้สถานการณ์

 

“ข้าสละสมบัติภูติเพื่อมาที่นี่แต่ข้าก็จะได้สมบัติปกป้องวิญญาณหายากระดับภูติอีก ข้าคงจะไม่ได้ขาดทุนแล้วล่ะ”

 

จักรพรรดิโลหิตหัวเราะชอบใจก่อนจะมองผู้เฒ่าจิว

 

“ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับมาเป็นองครักษ์แสงกระจ่างเจ้าแค่ต้องฆ่ามันและส่งศพมันให้ข้า”

 

ดวงตาผู้เฒ่าจิวลุกโชน

 

“ข้าทรยศองครักษ์แสงกระจ่างไปแล้วทำไมข้าจะต้องกลับไปอีกเล่า? ข้าจะกลับไปติดตามเจ้าอีกครั้ง เพียงเพื่อล้างสังหารทุกชีวิตบนโลกนี้รึ?”

 

ในอดีตผู้เฒ่าจิวได้ทรยศพวกเขาก็เพราะเขาไม่อยากจะเข้าร่วมการทำลายล้างเฉินหลง ในครั้งนั้น เขาเกือบจะถูกฆ่าเพราะการตบครั้งเดียวของจักรพรรดิโลหิต และแม้จะรอดมาได้ ฐานพลังของเขาก็ลดลงไปอย่างมาก

 

ผู้เฒ่าจิวจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“แล้วอีกอย่างเจ้าก็แค่ล้อข้าเล่นเท่านั้น ต่อให้ข้าฆ่าซือหยูจริงๆ เจ้าก็ฆ่าข้าอยู่ดี”

 

ดูเหมือนว่าจักรพรรดิโลหิตจะคาดเดาคำตอบเอาไว้แล้วเขายิ้มอย่างชั่วร้าย

 

“เจ้ายังฉลาดเหมือนเดิมเจ้าคงจำได้สินะว่าข้าไม่เคยยอมรับคนทรยศกลับมา ถ้าอย่างนั้น เจ้าที่เคยทรยศเอ๋ย ทุกอย่างจะจบลงแล้ว ข้าจะต้องฆ่าเจ้าวันนี้!”

 

จักรพรรดิโลหิตยิ้มและก้าวเข้ามายังก้นบึ้งมังกรในตอนนั้นเอง ซือหยูยิ้มอย่างลึกลับ

 

“ยังเร็วไปที่เจ้าจะดีใจ”