ราชันเร้นลับ 499 : เชื้อเชิญ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 499 : เชื้อเชิญ โดย Ink Stone_Fantasy

กิ๊ง!

เหรียญทองหมุนควงกลางอากาศเงียบงัน ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือไคลน์อย่างมั่นคง

ชายหนุ่มก้มชำเลืองเพื่อตรวจสอบว่าผลลัพธ์ออกหัวหรือก้อย จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในตรอกเปลี่ยวและมืดด้านข้าง

ลมทะเลพัดผ่านด้วยความก้าวร้าวแฝงบรรยากาศเย็นยะเยือก เสื้อคลุมตัวใหญ่ปลิวไสวและหมวกทรงกึ่งสูงเกือบหลุดจากศีรษะ

ทันใดนั้น ไคลน์ชะงักฝีเท้าพลางหมุนตัวกลับหลัง ตามด้วยการส่งเสียงเย็นชา

“ออกมา”

ดวงตาชายหนุ่มเพ่งมองไปยังเงาดำตรงมุมตรอกโดยไม่สั่นคลอน

ผ่านไปราวสี่ห้าวินาที บุคคลผู้หนึ่งเดินออกจากมุมมืดพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก

“เฉียบแหลมมาก”

อีกฝ่ายสวมผ้าคลุมสีดำ อายุราวสามสิบ ขนคิ้วสีน้ำตาลไหม้ ดวงตาสีน้ำเงินสว่าง ใบหน้าไม่คมเข้ม คล้ายกับเป็นคนจากแถบทางใต้ของอินทิส ลุนเบิร์ก หรือเซกัล

เมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดเจน ฉากหนึ่งย้อนกลับมาฉายในหัวไคลน์ทันที

ขณะมันเดินเข้าไปในผับปลาบินและไวน์ สายตาไคลน์กวาดมองไปรอบตัวอย่างมืออาชีพ โดยหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าของบุคคลสำคัญหรือบุคคลน่าจับตามอง

แต่ก็ไม่พบใครเข้าข่าย

จริงอยู่ อาจมีหนึ่งคนค่อนข้างน่าสงสัย เป็นชายหน้าตาธรรมดาและไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักอย่างเดียว กำลังนั่งดื่มอย่างเงียบงันตรงมุมร้ายคล้ายกับทหารเรือคนหนึ่ง สายตาสอดส่องไปทั่วผับ

แต่กลับสวมผ้าคลุมสีดำมีเอกลักษณ์

และเมื่อได้พบผ้าคลุมดำตัวเดิม ไคลน์จดจำได้ทันที

“ต้องการอะไร” ชายหนุ่มยังคงรักษาบรรยากาศไม่เป็นมิตร ร่างกายท่อนบนโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย คล้ายกับสัตว์ป่าเตรียมกระโจนขย้ำเหยื่อ

ชายสวมผ้าคลุมดำอมยิ้ม

“เทคนิคและรูปแบบการต่อสู้ของนายเข้าตาฉันมาก จึงตามมาเพราะต้องการชักชวน จริงอยู่ เจ้าคนชื่อโลแกนนั่นอาจไม่ได้เป็นสายข่าวให้กับลูเธอร์ไวล์ แต่ฉลามขาวแฮมิลตันมีเส้นสายกว้างขวางในหมู่โจรสลัดจริง มันประกอบธุรกิจมืด จึงมั่นใจได้เลยว่า หลังจากนายอัดลูกน้องของมันจนยับเยินภายในผับของมัน แฮมิลตันจะต้องตามรังควานนายอย่างไม่ลดละแน่นอน แต่ฉันช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เป็นนักผจญภัยใช่ไหม? คงมีความฝันในการล่าสมบัติสินะ ถ้าอย่างนั้นก็เหมาะเลย พวกเราคือกลุ่มคนผู้อุทิศชีวิตให้กับการตามล่าสมบัติในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิผีสิง มรดกตกทอดของโซโลมอน ความลับแห่งน้ำพุไม่แก่เฒ่า กุญแจเทพมรณา ลอเรลอับปาง และขุมทรัพย์สุดท้ายของโรซายล์ แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ออกผจญภัยไปทั่วห้าห้วงสมุทรอย่างอิสระ แม้อาจไม่เคยทำตามความฝันข้างต้นสำเร็จ แต่ก็เคยค้นพบเรือโจรสลัดอับปางมาไม่น้อย… ฮะฮะ! ฟังดูเหมือนคำลวงของไอ้หนูสกปรกวูดดี้เลยใช่ไหม?”

มันกระแอมในลำคอและกล่าวต่อ

“ด้วยความสัตย์จริง พวกเราคือกลุ่มโจรสลัดซึ่งก่อตั้งจากการรวมตัวของนักผจญภัย โดยจะปล้นเรือโดยสารก็ต่อเมื่อไม่มีอันจะกินจริง ๆ เท่านั้น พวกเราเคยไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เป้าหมายหลักมีเพียงค้นหาสมบัติรอบโลก เรากอบโกยเงินทองเป็นกอบเป็นกำได้อย่างสม่ำเสมอ… อย่าหาว่าโม้เลยนะ ฉันเคยนอนหลับบนกองทองมาแล้ว! ถ้าได้พบเรือโจรสลัดทั่วไป ขอเพียงเรือของเราแล่นเข้าไปใกล้ ส่วนมากจะรีบยอมจำนนและมอบทรัพย์สินติดไม้ติดมือกลับมาโดยแทบไม่ต้องออกแรง อนึ่ง กัปตันของพวกเรากำชับอย่างเคร่งครัดกว่า ก่อนจะรับสมาชิกใหม่ จะต้องอธิบายแผนงานขององค์กรและค่าตอบแทนให้ชัดเจนทุกครั้ง”

แผนงาน? กัปตันของหมอนี่น่าสนใจฉิบ…

ไคลน์ผ่อนคลายท่าทีลงหลังจากไม่พบว่าอีกฝ่ายมีเจตนาทำร้าย

ชายสวมผ้าคลุมดำยิ้มอย่างโล่งใจ

“คำอธิบายข้างต้นเป็นเพียงแผนงาน ถัดไปคือค่าตอบแทนและผลประโยชน์”

หมอนี่มีความมั่นใจในตัวเองสูง…

แม้ว่าไคลน์จะไม่ใช่ ‘ผู้ชม’ แต่ก็สามารถยืนยันจากภาษากายได้ว่า ตนไม่ถูกอีกฝ่ายตบตาหรือสวมหน้ากากเข้าหา

“กลุ่มของพวกเราไม่มีค่าจ้างประจำสัปดาห์ ประจำเดือน หรือประจำปี แต่ถ้าพบสมบัติหรือได้รับเงินก้อนโตจากกิจกรรมทางทะเล ค่าตอบแทนจะถูกจัดสรรตามตำแหน่ง ภายใต้สถานการณ์ปรกติ หากพวกเรามีโชคสักเล็กน้อย แม้แต่ตำแหน่งล่างสุดก็ยังได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ยปีละสองถึงสามร้อยปอนด์! ฉันได้ยินว่านั่นคือรายได้ของชนชั้นกลางบนบกใช่ไหม? หึหึ… ยิ่งถ้าพวกเราได้พบลอเรลอับปางล่ะก็ ทุกคนละกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ไม่ยาก!”

ชายสวมผ้าคลุมดำอธิบายอย่างเป็นกันเอง

“นอกจากนั้น ทุกคนจะได้รับจำนวนวันลาพักร้อนตามตำแหน่ง สามารถสะสมทบไปยังปีหน้าได้ แต่ถ้ามีการลาพร้อมกันหลายคน คิวการลาจะต้องถูกจัดสรรอย่างเหมาะสม เพื่อมิให้เรือขาดแคลนกำลังคน”

ระหว่างเล่า มันแวะสบถเล็ก ๆ

“พูดแล้วก็เสียดาย แม่เย็*! เมื่อราวหนึ่งปีก่อน พวกเราพลาดโอกาสได้พบกับจักรวรรดิผีสิงเพียงเพราะกัปตันกำลังอยู่ในช่วงลาพักร้อน!”

โจรสลัดมีวันลาพักร้อนประจำปี?

ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ

จากคำอธิบายสุดพิสดาร ชายหนุ่มเริ่มจินตนาการถึงข่าวการรับสมัครโจรสลัดโซมาลีอันน่าขบขันจากโลกเก่า

เมื่อเห็นอีกฝ่ายอึ้งไปสักพัก ชายสวมผ้าคลุมดำเล่าเสริมด้วยรอยยิ้ม

“ในฐานะนักผจญภัย นายเองก็คงกำลังไขว่คว้าหาพลังเหนือธรรมชาติตามตำนานเหมือนกันใช่ไหม? ถ้าได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา โอกาสครอบครองพลังดังกล่าวก็จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป!”

กล่าวถึงตรงนี้ มันกระแอมในลำคอ

“แฮ่ม! ลืมแนะนำตัวเอง”

สีหน้าของมันพลันเคร่งขรึม ไม่หลงเหลือบรรยากาศขี้เล่นในช่วงก่อนหน้า

“ฉันคือผู้ใต้บังคับบัญชาของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด สรั่งเรือลำดับสี่แห่งเรือ ‘ฝันทองคำ’ เดนิส·เพลิงพิโรธ!”

หลังจากอธิบายชื่อจริง ตำแหน่ง และยศให้ฟังอย่างเสร็จสรรพ เดนิสกำลังรอให้ไคลน์เผยสีหน้าตกตะลึงหรือหวาดผวา

ทว่า หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาที มันได้ยินนักผจญภัยมาดสุขุมแต่นิสัยป่าเถื่อน พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา :

“เดนิส·เพลิงพิโรธ ค่าหัวสามพันปอนด์?”

ขณะเดนิสกำลังจะตอบ มันเริ่มมองเห็นภาพหลอน บรรยากาศรอบตัวบุรุษฝั่งตรงข้ามพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นบางสิ่งคล้ายกับสัตว์ประหลาดหิวโหย หมายกลืนกินเลือดเนื้อและวิญญาณของมนุษย์เป็นอาหาร

เดนิสเผลอกำหมัดแน่น ท่าทีผ่อนคลายเมื่อครู่ไม่หลงเหลืออีกต่อไป ร่างกายเริ่มสั่นเทาจากก้นบึ้งโดยมิอาจขัดขืน

สัญชาตญาณของมันกำลังร้องเตือนว่า ข้างหน้าคือบานประตูสู่นรกอันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและกระหายเลือด!

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เดนิสถูกบรรยากาศสะกดข่มจนหลงลืมเวลาไปชั่วขณะ

จนกระทั่งมันได้ยินอีกฝ่ายเปิดปาก

“แล้วนายมาทำอะไรแถวนี้”

“ล…ลาพักร้อน…”

ด้วยศักดิ์ศรีค้ำคอ เดนิสต้องการวางมาดโอหังของผู้เหนือกว่า แต่สัญญาณของมันกลับตักเตือนให้ตอบอีกฝ่ายแต่โดยดี

หลังจากกล่าวจบและมองเห็นว่าบุรุษป่าเถื่อนเบือนหน้าไปทางอื่น ความรู้สึกราวกับจะถูกกินเลือดเนื้อค่อย ๆ เลือนหายไปจากจิตใจเดนิสทีละน้อย

สรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำไม่กล้าขยับตัวเป็นเวลานาน ทำได้เพียงยืนมองชายใบหน้าอ่อนเยาว์สวมหมวกทรงกึ่งสูง เดินตรงไปยังอีกฝั่งของตรอกมืด

แต่ก่อนจะหมุนตัวหักเลี้ยว อีกฝ่ายหันมาถามเป็นครั้งสุดท้าย

“ฉลามขาวอยู่ไหน”

“ม…มันพักอยู่ในอาคารหมายเลข 1 ถนนสันเขื่อน… แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นสองของร้านปลาบินและไวน์ วันนี้ก็เช่นกัน”

เดนิส·เพลิงพิโรธตอบเถรตรง

รอจนกระทั่งอีกฝ่ายลับสายตา เดนิสถอนหายใจยาวสุดปอดพร้อมกับปลดหมวกคลุมหัวลงด้วยใบหน้าขาวซีด

“แม่เย็*! น่ากลัวฉิบหาย…”

ถัดมา มันพึมพำกับตัวเอง

เราต้องรีบแจ้งให้กัปตันทราบ ว่าบนทะเลมีพวกสติไม่สมประกอบเพิ่มมาอีกหนึ่งคน!

ภายนอกอาจเหมือนสุภาพชน แต่ภายในกลับป่าเถื่อนและสิ้นสติ หากฆ่าให้ตายในคราวเดียวไม่ได้ ก็ไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง

เดนิสดึงผ้าคลุมหัวสวมกลับไป ก่อนจะเดินตรงไปทางโรงแรมเพื่อพักผ่อนเอาแรง รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า เมื่อสำนักงานโทรเลขเปิด มันจะรีบส่งข้อความไปแจ้งข่าวกับคนกลางบนหมู่เกาะรอสต์ทันที

ส่วนชะตากรรมของฉลามขาว เดนิสมิได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

ณ มุมหนึ่งของถนน ไคลน์ยืนในเงามืดพลางจ้องสำรวจถุงมือสีดำข้างซ้าย

ชายหนุ่มพบว่า แม้ยุบพองหิวโหยจะถูกมิสเตอร์อะซิกผนึกไว้ แต่แรงปรารถนาในการกลืนกินเนื้อหนังและวิญญาณมนุษย์ยังคงหลงเหลืออย่างเจือจาง จนสามารถแผ่จิตสังหารออกมาได้เองโดยไคลน์มิอาจควบคุม

ในสถานการณ์ปรกติ ชายหนุ่มไม่กังวลว่าถุงมือข้างนี้จะสร้างปัญหา แต่หากตนเผลอปล่อยจิตสังหารใส่อีกฝ่ายเมื่อใด ยุบพองหิวโหยจะถูกกระตุ้นจนแผ่ออร่ากระหายเลือดออกมาอย่างท่วมท้น

ขณะยืนคุยกับเดนิสเมื่อครู่ หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายมีค่าหัวสามพันปอนด์ ไคลน์นึกอยากจะเชือดทิ้งและหารายได้มาจุนเจือค่าครองชีพของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถึงนั่นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่ยุบพองหิวโหยกลับดีใจจนเนื้อเต้นราวกับมัจฉาได้โอกาสแหวกว่ายในสายวารี

โชคยังดี หากเป็นการดึงสติตัวเอง ไคลน์ค่อนข้างชำนาญ เมื่อประเมินจากคำพูดคำจาและภาษากายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มเชื่อว่าเดนิสไม่ใช่โจรสลัดโฉดชั่วผู้เต็มไปด้วยบาปหนา จึงยับยั้งพฤติกรรมของตนไว้ทัน

หากมียุบพองหิวโหย การสวมบทบาทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็จะสมบูรณ์แบบ…

ไคลน์หยุดพฤติกรรมอื่นและหยิบเหรียญทองออกมาทำนายสองเรื่อง หนึ่ง เดนิสพูดความจริงหรือไม่ และสอง ฉลามขาว·แฮมิลตันมีพลังมากพอจะทำร้ายตนหรือไม่

คำตอบแรก เดนิสไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก และคำตอบหลัง แฮมิลตันไม่มีน้ำยาทำร้ายตน

ไคลน์เก็บเหรียญทองเข้ากระเป๋า มือขวากดหมวกแนบศีรษะ ส่วนมือซ้ายเลือนขึ้นมาลูบใบหน้าหนึ่งครั้ง

รูปลักษณ์ชายหนุ่มแปรเปลี่ยนทันที กลายเป็นบุรุษผมทอง ตาสีฟ้า ใบหน้าจืดชืด

ถัดมา ไคลน์ปลดกระดุมโค้ทตัวใหญ่และดึงชายเสื้อเชิ้ตด้านในออกนอกกางเกง

หลังจากปรับเปลี่ยนการแต่งกายเล็กน้อย ไคลน์ ผู้มิได้พกพาไม้ค้ำ เริ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดตามร่างกาย ริมฝีปากแห้งผาก สายตาสอดส่องมองหาทิศทางของผับปลาบินและไวน์

ระหว่างทาง มันได้พบกับเดนิสอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายเพียงชำเลืองด้วยหางตาและเดินเข้าไปในโรงแรมฝั่งตรงข้ามผับ

ไคลน์ยืนอ่านใบประกาศค่าหัวสักพัก ก่อนจะเปิดประตูผับและเดินเข้าไปอย่างใจเย็น

ปัจจุบันยังผ่านพ้นจากเหตุการณ์ความวุ่นวายได้ไม่ถึงสิบนาที

ภายในผับ ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มบางตา แต่ก็ยังเหลือกลุ่มขี้เมานั่งประปราย คล้ายกับรอดูอะไรสนุก ๆ หลังจากนี้

สายตาหลายคู่หันมามองลูกค้ารายใหม่หน้าร้านอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะหันกลับไปในเวลาไม่นานเมื่อไม่พบความน่าสนใจ ไคลน์จึงเดินตรงไปถึงเคาน์เตอร์โดยไม่พบอุปสรรค

ชายหนุ่มเห็นบาร์เทนเดอร์คนเดิมกำลังยืนตัวสั่นเทาข้างชายร่างท้วม

ศีรษะของบาร์เทนเดอร์ถูกพันผ้าขาวไว้หลายชั้น รูจมูกสองข้างยัดกระดาษทิชชูเปื้อนเลือดสีแดง บนใบหน้ามีร่องรอยของบาดแผล

ชายร่างท้วมมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณขาวเนียนจนดูเหมือนกับฉลามขาวแหวกว่ายขึ้นมาเกยตื้นบนฝั่งด้วยตัวเอง

มันใช้มือขวาก่ายหน้าผากมันวาวพลางหันมาพูดกับไอร์แลนด์ ผู้สวมโค้ทสีแดงเข้มและเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว

“มีคนบอกว่านายรู้จักกับหมอนั่น! วันนี้มีเรือโดยสารมาเทียบท่าดาเมียร์แค่สามลำเท่านั้น คนแปลกหน้าจึงมีไม่มาก ฉะนั้นอย่าโกหกฉัน!”

ไอร์แลนด์ยิ้มพลางเลือนมือขวาลงมาตบฝักดาบแผ่วเบา

“ใช่ เขาเป็นผู้โดยสารของฉันเอง แต่ปัญหาเกิดจากคนของนาย”

“ฉันแค่ต้องการให้มันกลับมาขอโทษและจ่ายค่าเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น!” ชายร่างท้วมตัวใหญ่กล่าวพลางขมวดคิ้ว

ไอร์แลนด์ยังคงยิ้ม

“ฉลามขาว บ้านเกิดของฉันมีคำพังเพยว่า อย่าได้ถือสาหมาจรเวลามันวิ่งเข้ามากัดหนูในโรงเก็บของ”

“…ไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม! นี่คือคำตอบของนายใช่ไหม!” ฉลามขาว·แฮมิลตันหรี่ตา

ไอร์แลนด์เลื่อนมือขวาล้วงหยิบปืนคาบศิลาในเสื้อพร้อมกับก้าวขาไปข้างหน้า

กัปตันโมราขาวกล่าวเสียงเย็นชา

“ใช่ นี่คือคำตอบของฉัน”

กัปตันเก๋าฉิบหาย…!

ไคลน์ทึ่งกับท่าทีตอบสนองของไอร์แลนด์

หลังจากจ้องหน้ากันสักพัก ฉลามขาว·แฮมิลตันถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

“เฮ่อ… ก็ได้! เห็นแก่บุญคุณในอดีตของนาย เรื่องคราวนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ แต่ความเสียหายของผับยังต้องถูกชดใช้ ให้มันจ่ายผ่านนายก็แล้วกัน”

“ตัดสินใจได้ดี” ไอร์แลนด์ยิ้ม

ทันใดนั้น แฮมิลตันมองไปด้านข้างด้วยสีหน้าดำทะมึน

ผัวะ!

ฉลามขาวใช้ฝ่ามือขนาดมหึมาตบใส่หน้าบาร์เทนเดอร์จนฟันร่วงกราว

ไคลน์กำลังยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยระยะห่างไม่ถึงห้าเมตร

ท่าทีของมันเยือกเย็นและเป็นธรรมชาติ ราวกับเรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องตนแม้แต่น้อย

……………………