301 มันยังไม่พอ

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 301 มันยังไม่พอ

 

“ถ้านายยังไม่เข้าใจเจตนาของกระบวนดาบ ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่านายจะแข็งแกร่งกว่าฉัน!”

 

ฉีหยมองเย่หยูอย่างเยือกเย็น

 

“ตราบใดที่นายยังไม่สามารถเอาชนะฉันได้ ฉันก็ยังคงเหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหลู่อยู่ดี!”

 

“ฮฮี นาบยังไม่ยอมแพ้อีกหรอ?”

 

เย่หยูพูดเหยียด

 

“ฉันหวังว่านายจะไม่ตกใจหลังจากนี้นะ”

 

หลังจากเย่หยูพูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า กําลังถือกิ่งไม้แห้งไว้ในมือ เขาเยื้องมือไปทางถ้วยน้ําชาเตรียมจู่โจม

 

อีกด้าน จี้หยกําลังมองการเคลื่อนไหวของเย่หยู และใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนเกือบจะทําให้เขาหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าฮ่า…กล้าพูดว่าสามารถเอาชนะฉันด้วยการเคลื่อนไหวยกยื่อแบบนี้เนี่ยนะ? ช่างน่าขันเสียจริง!”

 

ในสายตาของฉีหยู ความเร็วในการโจมตีของเย่หยไม่ได้เร็วเลยแล้วดาบก็ไม่ได้พุ่งไปที่ถ้วยชาตรงๆด้วยแรงการเคลื่อนที่กลับผิดปกติ ตวัดไปมาสองสามครั้งในอากาศ

 

“ชิ! เขาก็พูดดีไปงั้น!”

 

ฉีหยูหัวเราะอย่างเหยียดหยามขณะมองเย่หยูด้วยความดูถูก

 

“เทคนิคดาบแบบนี้ไม่แน่อาจจะไม่แม้แต่เจาะผ่านเปลือกถ้วยน้ําชาเข้าไปได้…”

 

“เงียบ!”

 

ฉีหยูยังพูดไม่จบเขาก็ได้ยินหล่อี้เฉินตะโกนออกมาอย่างเย็นชา ฉีหยูตกใจสะดุ้งแล้วมองไปที่หล่อี้เฉิน เขาพบว่าแววตาของหลี่เฉินลุกเป็นไฟขณะมองไปที่การเคลื่อนไหวของเย่หยู แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงอาการตกตะลึง!

 

“เป็นไปได้อย่างไร? กระบวนดาบของเย่หยูช่างบิดเบี้ยว ศิษย์พี่หลีใส่ใจมันได้มากขนาดที่ได้ยังไงกัน?”

 

ฉีหยูจ้องการเคลื่อนไหวของเย่หยอย่างไม่เชื่อ เขามองเย่หยูถือดาบตรงหน้าถ้วยชา กิ่งไม้ในมือเย่หยูนั้น

 

เจาะผ่านเข้าถ้วยชาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส!

 

อึ้ง!

 

ซุบบ! *

 

ในขณะที่หย ฉีชิงและคนอื่นๆยังคงตกตะลึง ดาบของเย่หยูเจาะทะลุเข้าไปในถ้วยน้ําชาจริงๆ!

 

“กระบวนดาบนี่มัน…มันสําเร็จจริงๆด้วย!”

 

“โห้! นี่มันเหมือนกันศิษย์พี่หลีจริงๆ แม้แต่โต๊ะน้ํายาก็ยังไม่ได้สัมผัสเลย!”

 

“นี่มัน! เย่หยูทําได้ยังไง?”

 

“งั้นนี้ก็หมายความว่าเขาเข้าใจเจตนาของดาบงั้นหรอ? เขาดูเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นความสามารถที่น่ากลัวจริงๆ! นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”

 

เย่หยู จี้ชิง เฉินตงและซึ่งเหมิงทั้งหมดต่างก็เบิกตากว้างจ้องไปยังชัยชนะของเย่หยอย่างไม่

 

ในสนามหญ้า เชื่อ

 

ชุบบ! *

 

เย่หยูดึงกิ่งไม้ออกมาจากรูถ้วยชา เขายนคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาก็จมอยู่ในความคิด

 

“นั้นมันไม่ถูก!”

 

เย่หยูพิมพ์ แล้วเจาะกิ่งไม้แห้งเข้าไปในถ้วยน้ําชาอีกครั้ง

 

อึ้ง! ซุบบ! *

 

รูอีกหนึ่งรูที่เชื่อมต่อกันจากหน้าไปหลังก็ปรากฏขึ้นบนถ้วยชา

 

“ยังไม่ถูกอีกหรอ ยังไม่พออีกหรอ!”

 

อึ้ง! ซุบบ! *

 

กิ่งไม้แห้งเจาะเข้าไปในถ้วยชาอีกครั้ง ฉีหยู จี้ชิงและคนอื่นๆต่างจ้องไปที่เย่หูขณะที่ถ้วยชาถูกเจาะเข้าไปด้วยกิ่งไม้แห้งซ้ําอีก ในเวลาต่อมารจํานวนมากมายก็ปรากฏขึ้นบนผิวถ้วยชา สาหรับเย่หยู เขายังคงพึมพําผิดปกติ ว่ามันยังไม่พอ!

 

ณ ตอนนี้ ใจของฉีหยูเกือบจะวาย หากไม่ใช่เพื่อรักษาหน้า ฉีหยูคงหลั่งน้ําตาออกมาโดยง่ายแน่

 

“โอ้พระเจ้า! นี่นายมาถึงขั้นนี้แล้วหรอ เรียนรู้เพียงเล็กน้อยจากหลอี้เฉินแล้วทําได้ขนาดนี้ นายยังจะพูดว่านั้นมันผิดอีกหรอ? “

 

เมื่อเห็นเย่หยยังคงใช้กิ่งไม้แห้งเจาะถ้วยชา แววตาฉีหยูก็เผยให้เห็นถึงความอัปยศพร้อมแผดเสียงดังออกมา

 

“เย่หยู พอก็คือพอ!”

 

อึ้ง! ซุบบ! *

 

“การหยั่งรู้นี้! ความสามารถนี้!”

 

“ฉันยอมรับว่านายชะ แต่นายต้องทําให้ฉันต้องขายหน้าขนาดนี้เลยหรอ!”

 

เย่หูไม่ได้ยินขณะที่เขาคว้ากิ่งไม้มาและเจาะถ้วยชาเข้าไปอีกรอบ

 

หลี่อี้เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก็ใจเย็นได้ไม่นาน จากที่มีทีท่าไม่แยแส ตอนนี้กลับจ้องไปยังเย่หยูด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่ากําลังมองสมบัติหายาก!

 

หลังจากนั้นสักพัก เย่หยูก็ดึงกิ่งไม้กลับมาในมือ

 

ถ้วยชาที่ตากแดดตากฝนมานานก็เต็มไปด้วยรู

 

“มันยังขาดอยู่! มันยังไม่พอที่จะเข้าใกล้กับความรู้สึกนี้!”

 

เย่หยูพึมพํากับตัวเอง เขาหลับตาแล้วยืนนิ่ง

 

“ระบบ ใช้การ์ดสะสมห้องฝึกประสบการณ์!”

 

“ด็ด! โฮส ยินดีใช้การ์ดสะสมห้องฝึกประสบการณ์ การนับถอยหลังจะเริ่มขึ้น!”

 

“สิบสี่วัน ยี่สิบสามชั่วโมง ห้าสิบเก้านาที!”

 

เย่หยูมาในที่แปลกๆด้วยความงุนงง เขาเหยียบอยู่บนแท่นหยกขาวที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่รกร้างแห้งแล้งเหนือหัว เต็มไปด้วยดวงดาวราวกับทางช้างเผือกกาลังหลั่งไหล

 

ความผันแปรที่มองไม่เห็นห่อหุ้มร่างเย่หยูซึ่งมันทําให้ความคิดชัดเจนขึ้น

 

“นี่มันห้องฝึกซ้อม?”

 

เย่หยูเพ่งมองดาบผ่านจิตใต้สํานึก ดาบยาวก็ปรากฏขึ้นมาในมือเขา เขาใช้นิ้วตวัดดาบเบาๆมันเปล่งเสียง

 

ร้องแหลมออกมา

 

แครั้ง!

 

แววตาเย่หูประกายออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

“นี่มันเป็นเรื่องจริง!”

 

เย่หยูหลับตา เขานึกย้อนไปที่เจตจํานงของดาบที่หล่อี้เฉินสอนเอาไว้

 

แครั้ง!

 

ดาบยาวตวัดผ่านไปในอากาศ จนทําให้เกิดเสียงแหลมเบาๆ

 

“ความรู้สึกนี้!”

 

เย่หยเบิกตากว้างทันที ระหว่างการโจมตีของดาบครั้งก่อน เย่หยูได้รู้ซึ้งถึงเจตจํานงของการโจมตีของหล่อเฉินแล้ว

 

“มันยังไม่พอ!”

 

เย่หยตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ่ม

 

“ใช้การคํานวณที่ยอดเยี่ยม!”

 

วิ่ง! *

 

พื้นที่ห้องฝึกทั้งหมดสั่นเล็กน้อย พร้อมกับข้อมูลนับไม่ถ้วนที่ลอยเขามาในสมองเย่หยู เย่หยมองผ่านด้วย ดวงตาทั้งคู่ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังท้องฟ้าที่อยู่เหนือหัว

ขณะที่เวลาผ่านไป สายน้ําแห่งดวงดาวโคจรไปรอบๆและความผันผวนที่ไม่มีรูปร่างในห้องฝึกซ้อมเริ่มชัด และชัดขึ้นในใจของเย่หยู

 

หลังจากทําความเข้าใจสักพัก เย่หยูก็ตกใจแล้วร้องอุทานออกมาว่า

 

“นี่มันคือเต๋า!!!”

 

เขาดื่มด่อยู่กับระลอกคลื่นที่ไม่มีรูปร่างอย่างไม่รู้ตัว เย่หยูโบกมือเป็นครั้งคราว แล้วแทงอากาศที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยนิ้วที่เหมือนกับดาบ

 

การเปิดใช้งานการคํานวณขั้นสูง เย่หยูจดจ่ออยู่กับการทําความเข้าใจ ถึงแม้ว่าคลื่นพลังงานจะเริ่มชัดขึ้น แต่มันก็ยังไม่มีรูปร่างราวกับควัน หลังจากนั้นสักพัก เย่หยูก็รู้สึกว่าในหัวเขาว่างเปล่า ห้องก็เริ่มกระเพื่อม

 

“ซื้อออ…”

 

ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับไม่ได้ช่วยอะไร แต่กลับทําให้เย่หยูต้องหายใจเข้าลึกๆ

 

เย่หยูรู้ว่านี่เป็นเป็นผลข้างเคียงของการใช้พลังวิญญาณมากเกินไป

 

“ระบบ เรามีเวลาเท่าไหร่ในการใช้ห้องฝึกนี้?”

 

“สิบสี่วัน ยี่สิบสองชั่วโมง สามสิบสี่นาที!”

 

เย่หยูกไปที่ขมับของเขา แล้วแอบพูดในใจว่า

 

“เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมงแล้ว?”

 

เย่หยูถอนหายใจยาว เขานั่งขัดสมาธิลงบนแท่นหยกขาว หลับตาแล้วฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ

 

ในพื้นที่นี้ เย่หยูไม่ได้รู้สึกหิวหรือเหนื่อยล้าเลย สิ่งเดียวที่หมดนั้นก็คือพลังจิตวิญญาณของเขา

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เย่หยูที่กําลังหลับตาและกําลังอยู่ในสภาวะมีสมาธิล้ําลึก เขาเปิดตาที่เปล่งประกายสดใส

 

“เหลือเวลาการใช้ห้อง: 11 วัน, 22 ชั่วโมง, 34 นาที!”

 

“ใช้ไปแล้วสามวัน?”

 

เย่หยูพึมพํากับตัวเองเงียบๆ แล้วอยู่ๆก็ลุกขึ้นทันที

 

“เหลือเวลาไม่มากละ ต่อเลยดีกว่า!”

 

การคํานวณสุดยอดในใจ เปิดใช้งานเต็มกําลัง!

 

ความผันผวนในอากาศเหมือนกับจะชัดเจนยิ่งขึ้น

 

เวลายังคงผ่านไปขณะที่เย่หยูเคลื่อนที่เป็นวงกลมและเปิดใช้การคํานวณสุดยอดเพื่อรับรู้คลื่นของเต๋

 

ในโลกภายนอก ในสายตาของหลี่อี้เฉินและส่วนที่เหลือ เย่หยูดึงกิ่งไม้แห้งในมือออกมา ดวงตาของเขาจ้องไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าขณะพึมพํากับตัวเอง

 

“ยังคงไม่พอ!”

 

หลังจากนั้น เย่หยูหลับตาและยังคงยืนอยู่

 

ฉีหยขมวดคิ้วและมองเย่หยูสักพัก จากนั้นก็พูดอย่างหงุดหงิด

 

“เย่หู! ฉันยอมรับนายแล้วไงว่านายชนะ แต่นายก็ยังทําอยู่!”

 

เมื่อเห็นเย่หยูไม่ตอบสนอง ฉีหยูก็ก้าวไปข้างหน้าหมายจะผลักเย่หยออกไป

 

ตูม!

 

หลอี้เฉินผลักฉีหยูจนเกิดเสียงดังตุบ

 

ปัง!

 

ฉีหยูลอยออกไปจนกระแทกลงกับพื้น เขารู้สึกงุนงงต่อเหตุการณ์นี้

 

ฉีชิงหน้าถึงพร้อมพูดอย่างตําหนิว่า

 

“ท่านอาวุโส ทําแบบนี้หมายความว่ายังไง? หยูเอ๋อไม่มีเจตนาที่จําร้ายเย่หยูนะครับ!”

 

หลีอี้เฉินเมินเฉยต่อค่าพูดของฉีซึ่งขณะจ้องเย่หยูเขม็ง เขาคำราม

 

“อย่าเข้าไปใกล์เย่หยู เขาก่าลังบรรล!”

 

“บรรลงั้นหรอ?”

 

ฉีชิงพูดประโยคซ้ําอีกรอบด้วยเสียงทุ่มต่ํา ขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง

 

“มันเป็นการเข้าใจท่องแท้อย่างฉับพลัน!”

 

จี้ชิงมองเย่หยอย่างไม่เชื่อ อิจฉาและแววตาริษยาก็ประกายออกมาจากดวงตาเขา