บทที่ 192
ความบ้าคลั่งของฮวงเสี่ยวเฟ่ย
“มู่หรง รถเธอสวยจัง” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเดินเข้ามาและร้องอุทาน
มู่หรงเสวี่ยหันมามองฮวงเสี่ยวเฟ่ยโดยไม่ได้สนใจเรื่องรอยยิ้ม “โอเค ขึ้นรถเถอะ!”
โอเคงั้นเหรอ?! รถแบบนี้ ถึงแม้เธอจะอุทิศทั้งชีวิตก็คิดว่าเธอก็คงยังไม่มีปัญญาที่จะซื้อหรอก เธอมีทุกอย่าง แล้วทำไมต้องมาขโมยรุ่นพี่ไปจากเธออีก?
มู่หรงเสวี่ยหันหัวและมองไปที่ฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ที่ขึ้นรถมา เธอจึงเริ่มถามออกไป “เราจะไปไหนกัน?” มู่หรงเสวี่ยถามในระหว่างที่กำลังขับรถ
“ไปที่ถนนกลางคืนที่ถนนเหนือตัดกับใต้…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยตอบเสียงแผ่ว
มู่หรงเสวี่ยกำพวงมาลัยแน่น ถนนเส้นนั้นถ้าเธอจำไม่ผิดก็มีแต่พวกบาร์ทั้งนั้น “เธอจะไปทำอะไรที่นั้น?! เธอรู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไรน่ะเสี่ยวเฟ่ย”
มือของฮวงเสี่ยวเฟ่ยที่วางอยู่ที่เข่ากำแน่น “ฉันรู้ ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยอยากจะหาอะไรดื่มหน่อย…ฉันปวดใจ ฉันอยากจะตาย…”
“เธอ…เมื่อวานรุ่นพี่ไม่ได้ออกไปตามหาเธองั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกแปลกๆ เธอคิดว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้ว ไม่ใช่เหรอ?
ต้องขอบคุณความสามารถในการหาข้ออ้างของเธอที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าเมื่อวานรุ่นพี่อยู่กับเธอ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยกัดฟันแน่นแล้วพูดออกมา “เปล่า ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี เสี่ยวเสวี่ยเธอต้องไปเป็นเพื่อนฉัน…” นี่เป็นความผิดของ มู่หรงเสวี่ยคนเดียว เธอไม่น่าที่จะบอกรุ่นพี่เรื่องเธอ หรือไม่ยั่วเขาแบบนั้น…งั้นจะมาโทษว่าเธอโหดร้ายไม่ได้นะ
ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนั้นแต่เธอก็ยังไม่คิดที่จะปฏิเสธ “ได้…”
มู่หรงเสวี่ยเงียบไปตลอดทาง เธออยากที่จะคุยกับ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเพื่อคลายอารมณ์เธอแต่ฮวงเสี่ยวเฟ่ยกลับไม่ตอบอะไรเลย มู่หรงเสวี่ยจึงคิดเพียงว่าเธอคงจะอารมณ์ไม่ดีเลยไม่ได้สนใจอะไร
เมื่อไปถึงที่หมายของฮวงเสี่ยวเฟ่ย มู่หรงเสวี่ยจอดรถ ที่หัวมุมถนนมีบาร์ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเธออยากที่จะเดินเข้าไป ฮวงเสี่ยวเฟ่ยก็บอกว่าอยากที่จะเข้าไปร้านที่อยู่ข้างในมากกว่า เธอมองไปที่ชื่อของบาร์ที่ชื่อ “โรสการ์เด้น” ชื่อค่อนข้างเพราะ เมื่อมองจากข้างนอกก็ดูไม่มีอะไรผิดปกติ
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเดินนำเข้าไปก่อน ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับที่นี่มาก เธอกล่าวทักทายคนสองสามคนที่อยู่ข้างใน มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว ฮวงเสี่ยวเฟ่ยกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน… ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เธอจะคิดว่าฮวงเสี่ยวเฟ่ยธรรมดามากเกินไป เธอใช้ชีวิตแบบไหนกันนะ? เธอไม่เข้าใจเลย
ท่าทางของเธอเตือนให้มู่หรงเสวี่ยนึกถึงตัวเองในชีวิตที่แล้ว ตอนที่เธอตกไปอยู่ในขอบของเหวลึกและหาทางที่จะกลับขึ้นมาไม่ได้
อย่างไรก็ตามคืนนี้ฮวงเสี่ยวเฟ่ยดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอก็จะไม่พูดแนะนำอะไร
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยและมู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปที่บาร์และนั่งลง ที่บาร์มีบาร์เทนเดอร์อยู่ห้าคนซึ่งแต่ละคนก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง รูปร่างหน้าตาของพวกเขาอยู่ในอันดับผู้ชายหล่อต้นๆเลย มู่หรงเสวี่ยเข้าใจว่านี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบาร์เพื่อที่จะดึงดูดผู้คนให้เข้ามา
แต่สิ่งที่ทำให้มู่หรงเสวี่ยตกใจก็คือพวกเขาต่างก็ยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย พวกเด็กๆอายุระหว่าง 15-20 ต่างก็กำลังเต้นกันอยู่ที่ฟอร์เต้นรำที่ที่แสงไฟและไวน์สาดกระจายไปทั่ว เสียงเพลงจากดีเจดังจนหูแทบหนวก, บรรยากาศให้ความรู้สึกเศร้าๆและเสื่อมโทรมซึ่งเป็นสิ่งที่มู่หรงเสวี่ยคุ้นเคยและรังเกียจอย่างมาก
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยนั่งอยู่ตรงนั้นทั่วทั้งร่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคนละคนอย่างที่บอกไม่ถูก สายตาของเธอมองตรงไปข้างหน้า ดุเหมือนจะกำลังสนุกกับภาพการเต้นที่ฟอร์เต้นรำ
ยังไงซะมู่หรงเสวี่ยก็ยังรู้สึกว่าที่นี่มันน่าอึดอัด ทั้งๆที่เธอไม่ดื่มแล้วจะมาที่บาร์ทำไม? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอกลัวว่า ฮวงเสี่ยวเฟ่ยจะดึงตัวเองออกมาจากความสนุกนี่ไม่ได้ อีกอย่างนี่เป็นช่วงเวลาที่หัวใจเธออ่อนแอที่สุดและมันก็ง่ายที่จะหลงระเริงไปกับเรื่องพวกนี้ “เสี่ยวเฟ่ย เรากลับกันดีไหม?! กลับไปที่บ้านฉันแล้วฉันจะดื่มกับเธอจนถึงเช้าเลย…”
ฮวงเสี่ยวเฟ่ยตัวแข็ง แล้วก็รีบพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ยังไงก็มาถึงแล้ว ฉันยังไม่อยากกลับเลย…อีกอย่างบรรยากาศที่นี่ก็ดีใช่ไหม…” เธอจะกลับไปทั้งแบบนี้ได้ยังไงล่ะ? เรื่องที่เธออยากจะทำยังไม่ได้ลงมือเลย
ในอดีตฮวงเสี่ยวเฟ่ยไม่กล้าคิดภาพตัวเองมาในสถานที่แบบนี้เลย ลูกค้าเป็นคนพาเธอมาที่นี่ เหตุผลหลักก็เพราะเงิน และอีกเหตุผลก็เพราะเธอปฏิเสธลูกค้าไม่ได้ แล้วเธอก็ค่อยหลงรักกับบรรยากาศแบบนี้ ที่นี่มีแต่คนที่เจ็บปวดแต่ก็สลัดไม่หลุด เธอก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นด้วย
“จะอยู่ดึกมากไม่ได้นะ งั้นมานั่งเล่นกันสักพักแล้วค่อยกลับ” มู่หรงพูดแล้วหันไปพูดกับบาร์เทนเดอร์ที่บาร์ “ขอดูไวน์ลิสต์หน่อย!” จะมานั่งที่นี่แล้วบอกว่าไม่อยากดื่มคงจะไม่ได้ งั้นคงจะต้องดื่มซะหน่อย
“ไม่ต้องเอามาหรอก ชงค็อกเทลกุหลาบให้คุณผู้หญิงคนนี้ แล้วของฉันขอค็อกเทลบลูเม้าเท่น” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยร้องห้ามบาร์เทนเดอร์ที่กำลังหยิบไวน์ลิสต์มา “เสี่ยวเสวี่ย เธอต้องลองชิมของเด็ดที่นี่เขาบอกรสชาติดีมากเลยนะ!” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม สีหน้าเธอไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไร
อย่างไรก็ตามสายตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชา ในชีวิตที่แล้วเธอรู้เรื่องรหัสลับของพวกบาร์ดี เครื่องดื่มบางอย่างส่วนผสมก็ไม่ได้ถูกใส่ไว้ในเมนูเครื่องดื่มหรือเขียนไว้ที่ป้าย อย่างไรก็ตามท่าทางของฮวงเสี่ยวเฟ่ยไม่ได้แสดงอะไรผิดปกติออกมา เป็นเพราะเธอไม่รู้เมนูที่สั่งมาให้เธอหรือเปล่า?
“มีอะไรเหรอเสี่ยวเสวี่ย ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ?” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวเสวี่ยจะรู้อะไรพวกนี้ เธอยังเด็กและก็เข้ามาในบาร์แบบนี้ไม่ได้ด้วย อีกอย่างมีแต่คนที่มาบ่อยๆเท่านั้นถึงจะรู้รหัสลับของพวกบาร์…ดังนั้นเธอจึงผ่อนคลายลงหน่อย
“ไม่มีอะไรหรอก! เธอมาที่แบบนี้บ่อยเหรอเสี่ยวเฟ่ย?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“ฉันเคยมาที่นี่สองสามครั้ง เธอก็รู้เรื่องงานที่ฉันทำก่อนหน้านี้และพวกลูกค้าก็พาฉันมาที่นี่…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยพูดพร้อมรอยยิ้มขมขืน
มู่หรงเสวี่ยเคาะหินอ่อนเย็น ๆ บนโต๊ะด้วยมือของเธอ แต่เธอไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ท่าทางเงียบ ๆ ทำให้ฮวงเสี่ยวเฟ่ยไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา หลังจากนั้นสักพักบาร์เทนเดอร์ก็วางแก้ว ค็อดเทลสองแก้วตรงหน้าพวกเธอ แก้วที่อยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ยดูเหมือนจะสวยกว่า ในเครื่องดื่มสีแดงมีดอกไม้แสนสวยลอยอยู่ในแก้วด้วย สีของมันช่างสดใสและสวยงาม
มู่หรงหยิบแก้วขึ้นมาและอุทานอย่างมาเบาๆ “มันสวยจัง!”
“ใช่ รสชาติอร่อยด้วยนะ ลองดื่มสิ” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยรีบพูด
“โอ้ แล้วเธอไม่ดื่มเหรอ?” ท่าทางของมู่หรงดูเหมือนจะไม่สนใจ
“ฉัน…ฉันดื่มไปแล้ว…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยหัวเราะอย่างไม่ค่อยธรรมชาติ
หัวใจของมู่หรงเสวี่ยเย็น เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำไม่ดีกับฮวงเสี่ยวเฟ่ย แม้แต่คำขู่ที่เธอพูดออกไปก็เพื่อตัวเธอเอง เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะทำกับเธอแบบนี้ ตอนนี้เธอไม่ได้โง่และไม่แยแสเหมือนในชีวิตที่แล้ว เธอโดนหลอกสองครั้งด้วยความผิดพลาดแบบเดิมได้ยังไง แต่ในหัวใจเธอก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กๆ ในโลกนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคนขี้โกง, หลอกลวงและทรยศ
ความพ่ายแพ้ทำให้คนโตขึ้นและมีเพียงหลังจากถูกหลอกเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาเข้าใจเรื่องคุณค่าของความจริงใจ
เธอเขย่าค็อกเทลสีแดงแสนสวยของเธอ สีสวยกำลังเปล่งประกายภายใต้แสงไฟ ความเป็นเพื่อนของมู่หรงเสวี่ยขาดตั้งแต่วินาทีที่ฮวงเสวี่ยเฟ่ยพูดว่าเมื่อกี้เธอดื่มไปแล้ว
“ในเมื่อเธอดื่มไปแล้ว งั้นเธอก็ดื่มแก้วนี้ด้วยสิ ฉันไม่อยากที่จะดื่ม!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยเปลี่ยนไป พูดตะกุกตะกักออกมา “เสี่ยว…เสี่ยวเสวี่ย นี่หมายความว่าไง?”
หมายความว่าไงงั้นเหรอ?! ฉันจะบอกเธอหลังจากที่เธอดื่มแก้วนี้แล้ว!” มู่หรงเสวี่ยดันแก้วไปตรงหน้าฮวงเสี่ยวเฟ่ย
สีหน้าของฮวงเสี่ยวเฟ่ยเปลี่ยนเป็นซีดเผือด มู่หรงเสวี่ยรู้จริงๆด้วย เธอรู้ได้ยังไงว่าแก้วนี้ไม่ปกติ
“มีอะไรเหรอ?! เธอไม่กล้าดื่มงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยยิ้มเยือกเย็น พร้อมลุกขึ้นและพูดออกมา “ฉันมองเธอผิดไปจริงๆ ตั้งแต่นี้ไปเธอไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้ว เธอจัดการทุกอย่างเองแล้วกัน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเริ่มที่จะหัวเราะเสียงดังและเสียงหัวเราะก็รุนแรงราวกับว่าเธอบ้าคลั่งไปแล้ว
มู่หรงเสวี่ยหยุดแล้วจึงเดินไปข้างหน้าต่อ… ฮวงเสี่ยวเฟ่ยอยากที่จะวางยาเธอจริงๆด้วย ต้องเกลียดมากแค่ไหนเธอถึงกล้าที่จะทำแบบนี้เนี่ย? เธอไม่สนใจความช่วยเหลือที่เธอยื่นให้เลย
“มู่หรงเสวี่ยเธอมีดีอะไรถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน!!! เธอเองที่ทำร้ายฉันก่อน เธอมันผู้หญิงโหดร้าย เธอทำลายความสุขฉัน เธอเหนือกว่าฉันตรงไหน…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
เสียงในบาร์ดังมากแต่มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ไม่ห่างจาก ฮวงเสี่ยวเฟ่ยได้ยินที่เธอพูดอย่างชัดเจน
มู่หรงเสวี่ยหยุดและหันกลับไป “เธอบอกว่าฉันทำร้ายเธองั้นเหรอ?! ฉันไปทำร้ายเธอตั้งแต่เมื่อไร?”
“เธอรู้ว่าฉันรักรุ่นพี่มากขนาดไหนแต่เธอก็ยังบอกเขาว่าฉันทำงานอะไร…เธอเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้างหรือเปล่า?!! เธอพูดมาสิ” เธอไม่อยากที่จะยอมรับโดยเด็ดขาดว่าเป็นเพราะความอิจฉาของเธอเองที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เธอเพียงแค่โยนทุกอย่างกลับไปที่มู่หรงเสวี่ยว่าเธอเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้
“ฮวงเสี่ยวเฟ่ย ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นคนที่โหดร้ายขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ฉันมองเธอผิดไปจริงๆ เธอไม่คู่ควรกับรุ่นพี่เลย…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา
ร่างกายของฮวงเสี่ยวเฟ่ยสะดุ้งและสั่นเล็กน้อย รุ่นพี่คือจุดอ่อนของเธอ เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองไม่คู่ควรกับรุ่นพี่ อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยก็ไม่ควรที่จะโทษเธอ
“เธอมีดีอะไรถึงมาพูดกับฉันแบบนี้!!! เธอยั่วยวนรุ่นพี่ลับหลังฉัน…เธอมันผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอก…” ตราบใดที่ มู่หรงเสวี่ยยังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็จะถูกเปรียบเทียบว่าตัวเองต้อยต่ำมากแค่ไหน