บทที่ 255 น้ำพุที่สวยงาม
เย่เย่ได้ถอยห่างออกมาหลังถูกผลักออกมาด้วยพลังปราณของเหยียนซ่ง
แต่ก็เท่านั้น เพราะในตอนที่เหยียนซ่งถือโอกาสคิดที่จะเอาชนะและได้บุกเข้ามาต่อ นั้น เย่เย่ก็ได้กลับมาตั้งตัวพร้อมสู้ได้ใหม่และปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
มีเสียงคำรามดังขึ้นมาอีกหนจากตรงกลางลานกว้าง ทุกคนต่างก็รู้สึกแสบแก้วหูและรีบเอามืออุดหูเพื่อป้องกันหูแตก แต่ดวงตาของพวกเขาก็ไม่ได้กะพริบตาออกไปจากล้านกว้างเลย ด้วยความกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดไป
“พลังของผู้ที่มีชื่อเสียงในระดับราชันย์เทพได้เท่านี้เองอย่างนั้นเหรอ?”
เย่เย่ได้กระอักเลือดและถอยออกมา แต่ใบหน้าของเขานั้นไม่เพียงแต่จะไม่แสดงสีหน้าหดหู่แล้ว แต่กลับแสดงสีหน้าประชดประชันออกมา
ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกวิชายังไม่ถึงระดับสูงสุดของจอมเทพ แต่พลังปราณของเย่เย่ในเวลานี้นั้นก็แข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาเพิ่งบรรลุจอมเทพใหม่ๆหลายเท่านั้น ถึงแม้ว่าเหยียนซ่งนั้นจะพลังยุทธ์ในระดับราชันย์เทพ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาที่จะเอาชนะเย่เย่ได้โดยปราศจากการทุ่มพลังทั้งหมดของเขา
“ฮึ! ในเมื่อเจ้าอยากตายขนาดนั้น ข้าก็จะสนองให้!”
เหยียนซ่งเองก็รู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เย่นิดหน่อย แต่พอเขาคิดดูให้ดีแล้วเขาก็ได้สงบใจลงมาได้
อย่างไรเสียถ้าหากเย่เย่นั้นไม่สามารถรับมือกับการโจมตีหยั่งเชิงของเขาได้แล้ว ก็คงไม่กล้าที่จะมาถึงอารามชิงหมิงเพื่อท้าสู้กับเขาเป็นแน่ แต่เหยียนซ่งนั้นก็เชื่อว่าเมื่อใดที่เขาเอาจริงเมื่อไร ลำพังเย่เย่ที่พลังยุทธ์ยังไม่ถึงระดับสูงสุดของจอมเทพแล้ว หรือต่อให้เขาสามารถบรรลุเข้าสู่ระดับราชันย์เทพระหว่างสู้ก็ตาม เขาก็จะตายอยู่ดี
“กระบี่ชิงหมิง!”
เหยียนซ่งที่คิดว่าจะลองหยั่งเชิงถึงพลังที่แท้จริงของเย่เย่แล้ว ก็ได้เลิกตอดเล็กตอดน้อยแล้วแสดงวิชากระบี่ชิงหมิงให้ได้เห็นแล้วพุ่งเข้าหาเย่เย่
ซึ่งในขณะที่กำลังบุกเข้ามาหาเย่เย่นั้น กระบี่ของเหยียนซ่งจู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา ถึงแม้ว่ามันจะมีรูปร่างชั่วคราวก็ตาม ปราณกระบี่ของเหยียนซ่งนั้นต่างจากกระบี่ที่สร้างจากพลังปราณทั่วๆไป เพียงแค่มองผ่านๆ เย่เย่ก็สามารถประเมินได้ว่าแม้แต่ยอดยุทธ์ในระดับจอมเทพก็สามารถตัวขาดเป็นชิ้นๆได้ทันทีหากถูกฟันด้วยปราณกระบี่ของเหยียนซ่ง
ทำให้เย่เย่นั้นรู้สึกได้ถึงอันตรายขึ้นมา ในขณะที่เหยียนซ่งนั้นกำลังแทงเข้ามาด้วยปราณกระบี่นั้น เย่เย่ก็ต้องถอยฉากหลบออกมาทันทีกับว่าเขากำลังพยายามรักษาระยะห่างระหว่างตัวเขากับเหยียนซ่ง
แต่ทว่าเหยียนซ่งนั้นก็เป็นถึงยอดฝีมือที่บรรลุถึงขั้นราชันย์เทพมาเป็นเวลานานมากแล้ว ซึ่งเขาก็คิดไว้แล้วว่าเย่เย่นั้นจะต้องถอยหลบจากคมกระบี่แน่ จึงได้ควบคุมพลังฟ้าดินที่อยู่เหนือลานกว้างไปพร้อมกันแล้วส่งเข้าไปขัดขวางพื้นที่รอบตัวของเย่เย่เอาไว้
ในขณะที่เย่เย่กำลังคิดที่จะถอยหลบนั้นเอง เขาก็พบว่าตัวของเขานั้นขยับไม่ได้ราวกับว่ามีตรวนที่มองไม่เห็นล่ามเขาเอาไว้
เหยียนซ่งที่เห็นเช่นนั้นก็ได้มีแววตาเยาะเย้ยปรากฏในดวงตาของเขา แล้วกระบี่พลังปราณก็ได้ส่องแสงออกมาแล้วฟาดฟันลงมาที่เย่เย่
ตูม!
พลังฟ้าดินโดยรอบอารามชิงหมิงนั้นราวกับถูกปลุกระดมขึ้นมาแล้วเข้ามาหลอมรวมอยู่ในกระบี่พลังปราณในมือของเหยียนซ่ง ซึ่งทำให้พลังของปราณกระบี่นี้เพิ่มขึ้นอย่างมากในตอนท้ายทันที
ถ้าหากเย่เย่โดนปราณกระบี่นี้เข้าไปก็ไม่มีใครที่เชื่อว่าเขานั้นจะสามารถออกไปจากอารามชิงหมิงอย่างเป็นๆได้
ในขณะที่ทุกคนนั้นคิดว่าการต่อสู้นี้คงจะจบในไม่ช้านั้นเอง เย่เย่ก็ได้ลงมือบ้าง
“รับมือ!”
หลังจากที่เขาตะโกนใส่เหยียนซ่ง ก็ได้อัดพลังปราณใส่กำปั้นแล้วซัดเข้าไปที่ปราณกระบี่ตรงๆ
“ฮึ่ม! ช่างรนหาที่ตาย….”
ในขณะที่เหยียนซ่งคิดที่จะเยาะเย้ยเขาอยู่นั้น ตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมา และมีแววตาที่ไม่อยากเชื่อสายตาปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
เขาพบว่าหมัดของเย่เย่นั้นจู่ๆก็ห่อหุ้มด้วยเกล็ดสีดำเข้มเงางาม และความเร็วหมัดของเย่เย่ที่เข้าปะทะกับปราณกระบี่ของนั้นก็ได้เฉียบคมมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเย่เย่นั้นได้รับพลังมาจากพลังบางอย่าง
“ลมปราณเปลี่ยนร่าง!”
เหยียนซ่งก็ได้มองออกทันทีว่าการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเย่เย่นั้นมาจากไหน แต่เขาก็ตกใจยิ่งกว่าเมื่อพบว่าหมัดของเย่เย่นั้นปะทะเข้ากับปราณกระบี่ของเขาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
ตูม!
ปราณกระบี่แสงก็ได้ฟาดฟันลงมาเต็มแรงปะทะเข้ากับหมัดสีดำของเย่เย่ จนเกิดแสงสว่างสาดส่องไปทั่วทั้งอารามชิงหมิง
“อะไรน่ะ!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มองไม่เห็นอะไรเลย!”
เพราะแสงที่ปรากฏออกมานั้นสว่างจ้ามากเกินไป เหล่าผู้คนที่กำลังชมการต่อสู้อยู่รอบๆนั้นต่างก็พากันเอามือปิดตาของพวกเขาและพากันตะโกนร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่บางคนก็ยังอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมาเพราะพลังที่แผ่ออกมาหาพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องมีสีหน้าหวาดกลัวปรากฏออกมาบนใบหน้าของพวกเขา
แต่ทว่าเย่เย่กับเหยียนซ่งนั้นไม่ว่างพอที่จะมาสนใจท่าทีของผู้ชมนัก หลังจากที่เย่เย่ต่อยมาที่ปราณกระบี่ของเหยียนซ่งแล้ว เย่เย่ก็ได้อาศัยโอกาสนี้สวนกลับและต่อยเข้าไปที่เหยียนซ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
ฟู่!
มีสายลมพัดออกมา พร้อมกับพลังปราณที่กำลังปะทุออกมา!
ถึงแม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของเย่เย่นั้นจะไม่ได้ดีเท่ากับของเหยียนซ่ง และพลังฟ้าดินที่เขาควบคุมได้ก็ไม่บ้าระห่ำเท่ากับของเหยียนซ่งด้วย แต่ทว่าเพราะหมัดของเขานั้นได้รับพลังมาจากพลังของวิญญาณมังกรทำให้ตัวเขานั้นมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอ ดังนั้นในตอนที่เขาปล่อยหมัดออกมาต่อยเหยียนซ่งนั้น เหยียนซ่งก็ได้ไม่กล้าที่จะรับมืออย่างขอไปทีได้
“รับไปซะ!”
ด้วยความเร่งรีบ เขาจึงทำได้แค่รวบรวมพลังปราณกระบี่อีกหนเพื่อปะกับหมัดของเย่เย่
ตูม!
เสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่องระหว่างตรงกลางของสองคนนั้น ความปั่นป่วนของพลังปราณปะทะพลังปราณที่เกิดขึ้นจากยอดยุทธ์ทั้งสองคนนั้น ถ้าหากว่ามีผู้ฝึกวิชาในระดับจอมเทพก้าวเข้าไปตรงนั้นก็จะโดนพลังปราณที่ปั่นป่วนนั้นบีบรัดทันที
เหยียนซ่งได้ซัดพลังออกไปสุดแรงของเขาจนในที่สุดก็ได้หลุดพ้นออกมาจากการโจมตีของเย่เย่ได้ ในขณะที่เขาคิดที่จะใช้กระบี่ชิงหมิงแทงเย่เย่อีกครั้งอยู่นั้นเอง เย่เย่ก็หาได้หยุดมือไม่และรีบบุกเข้ามาหาเหยียนซ่งทันที
หันกลับไปมองที่เย่เย่ที่มีสีหน้ามั่นใจมากขึ้นแล้ว เหยียนซ่งก็มีสีหน้าไม่ดีอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดีตัวเขานั้นก็เป็นถึงยอดยุทธ์ที่ผ่านการต่อสู้มาแล้วมากมาย เขาจึงปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วแล้วพูดกับเย่เย่อย่างจริงจัง “ข้าขอยอมรับ ตอนแรกข้าประเมินเจ้าต่ำไปหน่อย ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วใช่ว่าจะไม่มีทางที่จะสู้ยอดยุทธ์ที่เพิ่งขึ้นราชันย์เทพใหม่ๆไม่ได้เลย
ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้นมา ผู้ชมที่อยู่รอบๆลานกว้างต่างก็ระเบิดเสียงฮือฮาออกมา
พวกเขานั้นไม่คิดว่าแม้แต่เหยียนซ่งนั้นก็ยังยอมรับในความแข็งแกร่งของเย่เย่ ทำให้ใบหน้าของพวกนั้นแสดงถึงความประหลาดใจ ส่วนผู้คนที่มองเย่เย่ในแง่ดีอยู่แล้วต่างก็ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าเย่เย่นั้นอาจจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นก็ได้ในการต่อสู้นี้และกลายมาเป็นตัวอย่างของผู้ที่เอาชนะราชันย์เทพได้โดยที่มีพลังยุทธ์อยู่แค่จอมเทพก็เป็นได้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นก็ยังคิดว่าเหยียนซ่งนั้นยังมีโอกาสที่จะชนะมากกว่าอยู่ดี อย่างไรเสียมันก็ยังมีความต่างอยู่ระหว่างผู้ที่เพิ่งบรรลุขึ้นมายังชั้นราชันย์เทพใหม่ๆกับเหยียนซ่งมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เย่เย่สามารถทำให้เหยียนซ่งเอาจริงได้นั้น ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเย่เย่ ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตายในศึกนี้ก็ตาม ชื่อของเย่เย่ก็จะระบือไปทั่วทั้งแผ่นดินชางหลาง
ตรงกลางของลานกว้างนั้น เย่เย่กับเหยียนซ่งต่างก็ยืนประจันหน้ากันทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่นั้นเหมือนจะสงบนิ่งใจเย็นแต่จริงๆแล้วทั้งคู่นั้นกระวนกระวายกันอย่างมาก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดช่องว่างเมื่อไร อีกฝ่ายก็จะบุกเข้ามาทันที
“แต่ที่นี่คืออารามชิงหมิงของข้า ถ้าหากเจ้าเอาชนะข้าที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อในแผ่นดินชางหลางอีกต่อไป!”
เดิมทีเหยียนซ่งนั้นต้องการทำให้เย่เย่นั้นคลายความระแวดระวังลงผ่านคำชมของเขา แต่เขาไม่คิดว่าเย่เย่นั้นกลับไม่เผยจุดอ่อนออกมาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขานั้นต้องประเมินเย่เย่สูงขึ้นไปอีก แต่ก็ทำให้อยากฆ่าเย่เย่มากขึ้นตามไปด้วย
หลังจากที่ตะโกนพูดกับเย่เย่แล้ว เขาก็ได้ยกมือขวาขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขึมมากและแบมือของเขาออกมา
ทันใดนั้นเองพลังฟ้าดินจากทั่วทั้งอารามชิงหมิงก็ได้มารวมกันอยู่ที่ฝ่ามือของเขา ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังรวมถึงพื้นที่กว้างขวางข้างนอกอารามชิงหมิงด้วย จอมยุทธ์ที่มีพลังยุทธ์ที่สูงก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าพลังฟ้าดินนั้นกำลังถูกดึงออกไป และทุกคนต่างก็จ้องมองไปทางอารามชิงหมิงด้วยความตกใจ
เย่เย่ก็ได้เค้นหมัดแน่นและไม่ได้คิดที่จะอยู่รอความตายเฉยๆ ตัวเขานั้นมองเห็นแล้วว่าเหยียนซ่งนั้นกำลังคิดที่จะใช้ไพ่ตายของเขาแล้ว และไพ่ตายของเขานั้นน่าจะทรงพลังมากกว่าที่เย่เย่คาดเอาไว้นัก
เย่เย่นั้นไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้เหยียนซ่งนั้นมีโอกาสได้แสดงพลังของเขา เขาจึงได้รีบบุกเข้าไปหาเหยียนซ่งในตอนที่กำลังพร้อมจะแสดงพลัง และในขณะเดียวกันเขาก็ได้ใช้ฝ่ามือแบกสวรรค์ที่เป็นพลังขั้นต้นนั้นซัดเข้าใส่เหยียนซ่ง
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คนนั้น ฝ่ามือของเย่เย่นั้นจู่ๆก็ได้มีขนาดใหญ่ราวกับภูเขา ซึ่งในขณะที่กำลังโจมตีเหยียนซ่งนั้นก็ได้มีลมกระโชกแรงที่พัดออกมาจากฝ่ามือยักษ์ได้ทำให้ผู้คนที่กำลังดูการต่อสู้อยู่นั้นต้องพากันถอยหนีอีกหน
“ตายเสียเถอะ!”
มีแววตาสังหารที่แรงกล้าปรากฏขึ้นในดวงตาของเย่เย่ แม้ว่าเพราะในเวลาที่จำกัดจำเขี่ย ทำให้เขาสามารถใช้ได้แค่ฝ่ามือขั้นต้นเพื่อหยุดการคุกคามของเหยียนซ่งก็ตามที แต่พลังของฝ่ามือนี้ก็ยังสามารถทำให้ทุกคนรอบๆลานกว้างนั้นกลัวได้อยู่
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“รีบหนีเร็วเข้า!”
“เย่เย่ แกบังอาจนัก!”
มีเสียงตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่องรอบๆลานกว้าง ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีผลกับศึกนี้ เหล่าลูกศิษย์ของอารามชิงหมิงนั้นคงจะรีบบุกเข้าไปหาเย่เย่แล้ว
แต่ทว่าในขณะที่เหยียนซ่งกำลังจะถูกตบด้วยฝ่ามือยักษ์ของเย่เย่นั้น ก็ได้มีรอยยิ้มดูถูกปรากฏขึ้นมาที่ปากของเขา
“ท้องฟ้าครามน้ำพุเหลือง!”
เหยียนซ่งตะโกนดังลั่นและมือขวาของเขาที่รวบรวมพลังฟ้าดินเอาไว้นั้น จู่ๆก็ได้ปะทุออกเป็นแสงสีเหลืองพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา
แสงนี้ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต้องรู้สึกหนักหน่วง ราวกับว่าได้รวบรวมน้ำหนักของโลกเอาไว้ ในขณะที่เหยียนซ่งกำลังกำมือขวาของเขาอย่างช้าๆแล้วจากนั้นก็ได้ทุบพื้นอย่างรุนแรงไปยังตรงที่เขายืนอยู่
ตูม!
มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้นมาจากตรงกลางลานกว้าง ในขณะที่มือยักษ์ของเย่เย่กำลังจะโดนเหยียนซ่งนั้น ฝ่ามือนั้นก็ได้ถูกทำลายโดยเหยียนซ่งแล้วมือนั้นก็ได้กลับคือเท่าขนาดเดิมและกลับเข้าไปที่ตัวของเย่เย่ทันที
“อุ่ก!”
เย่เย่ก็ได้พลันกระอักเลือดออกมาคำโต และตัวของเขาก็ได้กระเด็นลงไปกองกับพื้น สีหน้าของเขาก็ได้ซีดเผือดหนัก
แต่มันยังไม่จบแค่นี้เมื่อเหยียนซ่งเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็ไม่มีทางที่เขาจะหายไปง่ายๆโดยไม่กำจัดศัตรูให้เรียบร้อยก่อน ดังนั้นพอเย่เย่ลงไปนอนกองกับพื้น เหยียนซ่งก็ได้รีบรุดเข้าไปหาเย่เย่และเข้าโจมตีเย่เย่อย่างต่อเนื่องด้วยหมัดขวาที่ส่องแสงของเขา
หากหมัดนั้นโดนเข้ากับเย่เย่อีกหนเข้าคงได้ตายทันทีแน่นอน ดังนั้นเย่เย่จึงไม่กล้าที่จะเข้าปะทะด้วยตรงๆ เมื่อเหยียนซ่งบุกเข้ามาหาเขาก็ได้รีบถอยห่างออกจากเหยียนซ่งและพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะรักษาระยะห่างของเขากับเหยียนซ่ง
“คิดว่าจะหนีได้งั้นเหรอ?”
เหยียนซ่งก็ได้ทำเสียง“หึ”อย่างดูถูกออกมา ในขณะที่เขากำลังบุกเข้าไปหาเย่เย่นั้นเข้าก็ได้เข้าควบคุมพลังฟ้าดินอีกหนเพื่อปิดผนึกทางหนีของเย่เย่
มันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้พลังระดับจอมเทพเข้าวัดพลังกับระดับราชันย์เทพ แม้ว่าเย่เย่นั้นจะพยายามแย่งชิงการควบคุมพลังฟ้าดินมาจากเหยียนซ่งก็ตาม แต่ก็จะถูกอีกฝ่ายชิงกลับคืนไปอยู่ดี และการเคลื่อนไหวของเย่เย่ก็ได้ถูกปิดด้วยพลังฟ้าดิน
ตอนต่อไป →