ถูฉีอยากพุ่งพรวดออกไปซื้อสลากกินแบ่งสักใบ ทำไมประจวบเหมาะขนาดนี้ ? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ?
มีเสียงปรบมือดังขึ้นในงาน ถูฉีจึงทำได้แต่เพียงกัดฟันยืนขึ้น และถือกล่องไว้ในอ้อมแขน และเดินขึ้นไปบนเวที เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยางโป และเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา
เขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกเขาเยาะเย้ยอยู่ !
สวีอี้หมิงทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น ” สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณแซ่อะไร ? ”
“ ผมแซ่ถู ” ถูฉีตอบ
“ คุณถู ผมว่ากำไลหยกของคุณมันดูใหม่มาก ! ” สวีอี้หมิงถาม
ถูฉีพยักหน้า “ กำไลหยกนี้ผมกับภรรยาซื้อมาระหว่างไปเที่ยวที่มณฑลยูนหนานเมื่อปีที่แล้ว
จ่ายไปในราคาสามแสนกว่าหยวนในตอนนั้น ต่อมาผมคิดว่ามันอาจจะขาดทุนไปสักหน่อย
เมื่อเร็วๆนี้มีเพื่อนบางคนของผมเดินทางไปเที่ยวที่มณฑลยูนหนาน กำไลที่พวกเขาซื้อกลับมา
ต่างมีปัญหากันหมด ดังนั้นผมจึงคิดที่จะนำมาตรวจดู ! ”
สวีอี้หมิงเหลือบมองไปที่กล่องผ้า ” ผมไม่ค่อยรู้เรื่องหยก แต่ผู้เชี่ยวชาญของเรารู้ดี ดังนั้นผมจึงขอแนะนำอาจารย์หยางของเราให้รู้จัก คุณสามารถนำมันไปให้อาจารย์หยางดูได้ ! ”
ถูฉีตกตะลึงไปสักพัก เขาเพิ่งเห็นกับตาตัวเองว่าเป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ทำการประเมินและพิสูจน์ยืนยันหยกและสิ่งของเบ็ดเตล็ด จะเป็นหยางโปไปได้ยังไง ? นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อยากพบเจอที่สุดในงาน !
เมื่อเห็นถูฉีลังเล สวีอี้หมิงก็รีบอธิบายทันที ” คุณหยางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหยกและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับหยก ”
สวีอี้หมิงเป็นพิธีกร จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่ช่วยทำการโฆษณาให้หยางโปง่ายๆ ดังนั้นระหว่างที่พูด จึงอดไม่ได้ที่จะทำมาเป็นพูดไปเรื่อยเปื่อย
แต่เวลานี้ ถูฉีกลับทนหน้าด้านเดินไปทางหยางโป เขารู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในการก้าวเดินของเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะเดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าหยางโป และมองดูรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของหยางโปได้ ถูฉีกล่าวออกมาว่า ” ลำบากอาจารย์หยางแล้ว ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหยางโปฉีกกว้างขึ้นไปอีก ถูฉีเกือบจะคิดไปว่าทีมงานถ่ายทำแกล้งเขา !
หยางโปก็ไม่คิดมาก่อนว่าถูฉีจะมายืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขาก็ไม่แย่แสมากนัก เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางขวัญหนีดีฝ่อของถูฉี
หยางโปหยิบกำไลหยกขึ้นมาดู “ กำไลชิ้นนี้ไม่เลวนะ ซื้อมาในราคาสามแสนหยวนถือว่าไม่ขาดทุน นี่เป็นกำไลหยกเนื้อแก้ววงหนึ่ง โปร่งใสดี ซื้อกำไลแบบนี้มาได้ ถือว่าสายตาดีมาก ”
“ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ราคาหยกได้เพิ่มขึ้นสูงมาก ยิ่งเป็นหยกระดับไฮเอนด์มากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่าตัว ดังนั้นหากคุณมีหยกระดับไฮเอนด์อยู่ในมือ ก็เก็บสะสมไว้ได้ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคต ” ไอลีนโนเวล
หยางโปพูดไปได้เพียงไม่กี่คำ แต่ถูฉีรู้สึกเหมือนผ่านไปครึ่งศตวรรษแล้ว สำหรับเขาแล้ว การที่เขายืนอยู่ที่นี่ และมีหยางโปค่อยยืนแสดงความคิดเห็นอยู่ต่อหน้า มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาคนหนึ่ง ที่ต้องมาเผชิญหน้าอยู่กับความสิ่งที่คุณครูกำลังวิพากษ์วิจารณ์ มันทำให้รู้สึกสับสนมากจริงๆ
แต่ถูฉีกลับไม่ทันได้ยินสิ่งที่หยางโปพูด เมื่อเขาเห็นกุ้ยหลงจิ่วหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดสองสามคำ เขาก็รีบพยักหน้าทันที และเดินขึ้นไปหยิบกำไลตรงหน้า หันหลังและเดินออกไป เพิ่งเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็เห็นพิธีกรเรียกเขาไว้ เขาถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เห็นทุกคนในงานหัวเราะดังลั่น เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อหันกลับมามองดู ถูฉีก็เห็นกุ้ยหลงจิ่วถือกล่องผ้าอยู่ในมือและกำลังจะยื่นมันมาให้เขา
เขาจึงเดินกลับไปหยิบกล่องผ้า ยิ้มและพูดว่า ” ขอบคุณ ”
ถูฉีเห็นกุ้ยหลงจิ่วพูดอะไรบางอย่างออกมาจากปาก แต่เขากลับได้ยินไม่ชัด จากนั้นในงานก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ถูฉีรู้สึกเหมือนตัวเองหูหนวก ไม่ได้ยินอะไรเลย เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเดินออกไปข้างนอก
และออกไปจากสตูดิโอนี้ ใช้เวลาอยู่นานกว่าเขาจะหายดีและกลับมาเป็นปกติ
กุ้ยหลงจิ่วมอบกล่องผ้าให้ถูฉี ถือไมโครโฟนและพูดด้วยรอยยิ้ม ” คุณถูนี่คงดีใจเอามากๆ
มีคำอธิบายเมื่อกลับบ้านแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องคุกเข่าอธิบายอะไรแล้ว ดังนั้นถึงได้ตื่นเต้นจนลืมหยิบกล่องไปด้วยเลย ”
มีเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังขึ้นในงาน ตามที่ผู้กำกับของทีมถ่ายรายการจัดสรรมา
การบันทึกรายการในวงบ่ายนี้จบลงเพียงเท่านี้
หยางโปหันไปหากุ้ยหลงจิ่ว และพูดขึ้นว่า ” คืนนี้อย่าลืมช่วยผมโปรโมทการขายด้วยนะ ”
กุ้ยหลงจิ่วพยักหน้า ” ไม่มีปัญหา ”
ผู้ชมด้านล่างเวทีค่อยๆ แยกย้ายกันไป ลัวย่าวหัวเดินเข้ามา ” คืนนี้วานแพลนไว้ว่าไง ? ”
“ คืนนี้จะไปกินข้าวเย็นกับดาราสาว ไปด้วยกันไหม ? ” หยางโปกล่าว
ลัวย่าวหัวตาเป็นประกาย “ นายคิดว่าฉันเป็นเหมือนนายหรือไง ที่จะชอบงานสไตล์แบบนี้ ? ดาราสาวมันแปลกมากไหม ? นายนี่มันรู้น้อยเห็นน้อยพอได้เห็นก็ตื่นตาตื่นใจเชียว นายไม่รู้ ก่อนหน้านี้ฉันไปกินข้าวกับดาราสาวมาแล้วหลายคน ! ”
“ อ้อ ถ้าอย่างนั้นนายก็ลองนับดูสิ ” หยางโปพูดแซว
ลัวย่าวหัวส่ายหัว “ ยังจะนับอะไรอีก เยอะขนาดนั้น จะนับถูกได้ไง ! ”
หยางโปอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
สวีอี้หมิงเดินเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ “ อาจารย์ทุกท่าน ไปกันเถอะ พวกเราไปทานอาหารเย็นด้วยกัน คืนนี้ทีมถ่ายทำได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากทางเราได้เชิญดาราหลายท่านมาร่วมงานด้วย ยังคงต้องอาศัยบารมีอาจารย์ทุกท่านมารักษาหน้าไว้ให้ พวกเขายังได้พาเพื่อนมาด้วย เดี๋ยวสักครู่คงต้องเรียนเชิญพวกคุณมาประเมินและพิสูจน์ยืนยันให้เป็นการส่วนตัว ถ้าเป็นของดี อาจจะได้ขึ้นโชว์ในรายการของวันพรุ่งนี้ก็ได้ ”
ลัวย่าวหัวอดใจรอที่จะถามไม่ได้ “ มีใครอยู่ที่นั่นบ้าง ? ”
สวีอี้หมิงและลัวย่าวหัวก็ถือว่าเป็นคนรู้จักมักคุ้นกันแล้ว เขายิ้มและพูดว่า ” คุณชายลัว คุณใจร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
“ อี้หมิง แม้แต่คุณก็ล้อผม ไปไม่เป็นแล้วจริงๆ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
ไม่นาน ทั้งคณะก็มาถึงโรงแรม นี่เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้ หยางโปก็เคยมาที่นี่มาก่อน พวกเขาเดินไปตามที่พนักงานบอก จนมาถึงห้องวีไอพี
อยู่ในห้องวีไอพีได้ไม่นานมาก จากนั้นก็เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามากันอย่างยาวเหยียด ที่เดินนำหน้ามาคือผู้กำกับเฉินที่มาปรากฏตัวในช่วงบ่ายถัดจากผู้กำกับเฉินยังมีชายอ้วนวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้กำกับของรายการ
ตามมาด้วยสาวสวยคู่หนึ่ง หนึ่งในนั้นคือหวังลั่วตัน อีกคนเป็นผู้หญิงผิวขาวสวย หยางโปรู้สึกค่อนข้างที่จะคุ้นหน้า เขาหันไปและคิดจะแนะนำให้ลัวย่าวหัวรู้จัก แต่คิดไม่ถึงว่าลัวย่าวหัวจะจ้องมองตาไม่กระพริบ
หยางโปรู้สึกอายมาก รีบหักหลบอย่างรวดเร็ว และเดินออกห่างเว้นระยะไปจากลัวย่าวหัว
ทุกคนต่างพากันทยอยยืนขึ้นจับมือกันทีละคน และกลับไปนั่งลงที่ตัวเองอีกครั้ง หยางโปและคนอื่นๆ นั่งลงที่โต๊ะหลัก คนที่มาทีหลังต่างก็ไปนั่งกันอีกโต๊ะ
ผู้กำกับหม่าของทีมรายการเป็นคนชูแก้วเหล้านำและพูดกับทุกคนว่า ” ผมในนามของรายการต้องขอขอบคุณทุกคนและขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุกท่าน ! ”
ผู้กำกับเฉินหัวเราะและกล่าวว่า ” ผู้กำกับหม่าเกรงใจเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราก็ดูรายการนี้กันบ่อยๆ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งกับรายการนี้ ”
“ ขอบคุณผู้กำกับเฉิน ขอบคุณมากจริงๆ ! ” ผู้กำกับหม่ากล่าวต่อ
กุ้ยหลงจิ่วกล่าวขึ้นว่า ” ไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรมาก แค่มองตาก็รู้ใจ ! ทุกคนมาดื่มด้วยกันสักแก้วดีกว่า ! ”
กุ้ยหลงจิ่วอายุมากแล้ว และยังมีฐานะที่สูง ทุกคนต่างก็ไว้หน้าเขา ผู้กำกับทั้งสองรีบพยักหน้าทันที ยกแก้วขึ้นดื่มด้วยกัน
ลัวย่าวหัวก็ค่อนข้างที่จะกระตือรือร้นเช่นกัน ยกแก้วชมกับผู้กำกับเฉิน ผู้กำกับหม่ารีบแนะนำทันที “ ท่านนี้คือผู้ถือหุ้นของ โรงประมูลจินหลิงชุน คุณหวังซื้อภาพวาดมาจากโรงประมูลจินหลิงชุนของเขามาใช่ไหม ? ถ้ามีอะไรปัญหาอะไร ก็ไปหาเขาให้รับผิดชอบได้ ! ”