ตอนที่ 311.1 บุรุษชะตาฟ้า

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 311 (1) บุรุษชะตาฟ้า
ด้านบนหอดูดาว

ความคิดที่ผันผวนของซูฉินในที่สุดก็สงบลงอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่าพลังของสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งคับฟ้าเพียงใดหากสําเร็จวิชาแต่ละอันแต่ตอนนี้ซูฉินเพิ่งจะสําเร็จภาพดวงตะวันฯในระดับเล็กเท่านั้น ยังอยู่ห่างไกลจากความสําเร็จชั้นยอดไปอีกนับหมื่นลี้

“แต่การที่ผู้นํานิกายใหญ่มาขออภัยโทษดูเหมือนว่าจะไม่มีเซียนเทพปฐพีอยู่จริงๆ…”

ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิด

ตราบใดที่นิกายใหญ่เหล่านั้นมีเซียนเทพปฐพีอยู่พวกเขาจะไม่มีวันมาขอโทษด้วยตนเองเช่นนี้และพวกเขายังยอมรับข้อเรียกร้องของซูฉินโดย ไม่มีคําโต้แย้งแต่อย่างใด

“น่าเสียดาย….”

ร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นภายในดวงตาของซูฉิน

เดิมที่เขาต้องการจะบีบบังให้เซียนเทพปฐพีออกมาเพื่อตรวจดูพลังที่แท้จริงของร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําด้วยครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดที่ผนึกกําลังกันก่อนหน้านี้ ทําให้ซูฉินออกมือออกเท้าได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แม้แต่ทิพยอํานาจดวงตาก็ยังไม่ได้ใช้ เป็นไปไม่ได้ ที่จะเห็นขีดจํากัดสูงสุดของร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคํา

“อย่างไรก็ตาม ในครานี้ นอกจากผู้นํานิกาย ใหญ่แล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่อีก….”

ซูฉินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหม่อมองออกไป นอกพระราชวัง พินิจไปทางโรงเตี้ยมชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองฉางอัน

โรงเตี้ยมแห่งนี้มีชื่อว่า โรงเตี้ยม”ไหลสู่ ใน ขณะนี้ เบื้องหน้าลานสายตาของซูฉินพลังฉีนับร้อยก็ปรากฏขึ้น ซึ่งบ้างแข็งแกร่ง บ้างอ่อนแอ แต่มีพลังฉีจุดหนึ่งที่พิเศษอย่างยิ่งราวกับว่าได้ปกปิดส่วนใหญ่ของพลังเอาไว้ด้วยทักษะลับบางอย่างหากไม่ใช่เพราะดวงตาแห่งสัจจะที่เข้าใจเห็นแจ้งถึงพลังฉีชนิดต่างๆ บางทีซูฉินอาจจะละ เลยมันไปแล้วจริงๆ

แม้แต่ซูฉินที่มีดวงตาแห่งสัจจะก็แทบจะไม่ทัน สังเกต เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เชี่ยวชาญในการใช้พลังฉีอย่างมาก

ต้องรู้ว่าพลังฉีเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ตราบ ใดที่เป็นสิ่งมีชีวิตย่อมมีพลังฉีไม่มีข้อยกเว้นใดๆถึงแม้จะเป็นเซียนเทพปฐพีก็ตาม “มีคนแอบดูข้าอยู่งั้นรึ?”

ร่องรอยที่ไม่สามารถอธิบายได้ปรากฏขึ้นบนใบ หน้าของซูฉิน

แม้เจ้าของพลังฉีนี้จะไม่ได้ทําให้รู้สึกถึงภัย คุกคามใด แต่มันก็ค่อนข้างน่าสนใจในสายตาของซูฉินท้ายที่สุดมันก็เป็นครั้งแรกที่มีบางอย่างส่งผลกระทบต่อดวงตาแห่งสัจจะหลังจากที่ เขาใช้งานมันมาเป็นเวลาหลายปี

“ไม่ใช่เซียนเทพปฐพี…”

ซูฉินมองอย่างระมัดระวังอีกครั้งแล้วส่ายศีรษะ เล็กน้อย

หากเป็นเซียนเทพปฐพี จิตวิญญาณแรกกําเนิดจะต้องผสานเข้ากับทะเลปราณไม่ว่าจะปกปิดเพียงใดก็ยังต้องเผยกลิ่นอายเล็กๆที่เกิดจากการ ผสานเข้ากับทะเลปราณซึ่งเป็นเป็นไปไม่ได้เล ยที่จะหลบซ่อนจากสายตาซูฉินที่ตรวจสอบพลังงานฉีได้

“น่าสนใจ”

ซูฉินก้าวเท้าหายตัวไป และเมื่อปรากฏตัวอีก ครั้งซูฉินก็ยืนอยู่ด้านนอกของโรงเตี้ ยมไหลแล้ว

นอกเมืองฉางอัน

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้กลับไปพบกับบรรพชนทั้งหลาย

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้อธิบายทุกสิ่งให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในเมืองฉางอัน

บรรพชนนิกายเทพเจ้าสายฟ้ารับฟัง แต่ท่าทีของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าซูฉินขอให้นิกายเทพเจ้าสายฟ้าเพิ่ม หินแหล่งกําเนิดสายฟ้าให้อีกสองชั่งก็ยิ่ง เจ็บปวดใจมากขึ้นไปอีก
แม้ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะสะสมมรดกมานานนับพันปีแต่หินแหล่งกําเนิดสายฟ้าที่ครอบครองก็มีเพียงไม่กี่ชั่งการนําหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าจํานวนหนึ่งออกไปให้ซูฉินถือเป็นการหลั่งเลือดชโลมดินรู้หรือไม่ว่าหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าไม่ได้ใช้เพียงเพิ่มฐานการบ่มเพาะเท่านั้นแต่ยังมีบทบาทในการทลายคอขวดได้อีกด้วย

แม้แต่ในตอนที่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจะทะลวงขั้นขึ้นไปสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีกองหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าจํานวนหนึ่งก็ให้ผลเทียบเท่ากับแห ล่งกําเนิดธาตุสายฟ้ามันสามารถช่วยให้จิตวิญญาณแรกกําเนิดของตํานานยุทธขั้นสูงสุด สัมผัสถึงทะเลปราณในส่วนลึกของความว่างเปล่าได้ง่ายขึ้น

อาจกล่าวได้ว่าหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าเป็นสมบัติที่ล้ําค่าที่สุดของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าแล้วแม้แต่กิ่งอสนีบาตภัยก็ไม่อาจจะเทียบเทียม
ท้ายที่สุด หากสูญเสียกิ่งไม้อสนีบาตภัยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าหายไปความเป็นไปได้ที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะให้กําเนิดเซียนเทพปฐพี่จะลดลงอย่างมหาศาล

“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังจะมากเกินไปแล้วคิดว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าจะรังแกได้ตามต้องการงั้นหรือ?”

ความโกรธฉายชัดบนใบหน้าของบรรพชน

นิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่ปกครองโลกมาหลายพันปีมาถูกปราบปรามเช่นนี้ได้อย่างไร? หินแหล่งกําเนิดสายฟ้าหนึ่งซึ่งไม่เพียงพอต้องเพิ่มเป็นสองชั่ง?

หินแหล่งกําเนิดสายฟ้าเป็นหินดาดๆ ที่หาได้ตามข้างถนนหรือไร?

ใบหน้าของบรรพชนคนอื่นๆ ก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน

ในที่สุด ทุกคนก็มองไปยังบรรพชนที่อาวุโสที่สุด

บรรพชนผู้นี้มีสถานะสูงที่สุดหลังจากที่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าพ่ายแพ้
“ทําตามที่มนุษย์สวรรค์บอก”

บรรพชนอาวุโสเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดออกมา

“ท่านบรรพชนแต่ว่าหินแหล่งกําเนิดสายฟ้าที่เหลืออยู่มันได้เตรียมไว้สําหรับเหลยเฉียนจือหากเรานําไปให้มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถังถ้าวันหนึ่งเหลยเฉียนจือกลับมาเล่า……”

มีบรรพชนบางคนลังเล

“เหลยเฉียนจือ…”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้ารับฟังด้วยความเคารพแม้ว่าเขาจะเป็นผู้นํานิกาย แต่ก็ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้มีความสําคัญใดเมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชน แต่เมื่อได้ยินคําว่าเหลยเฉียนจือ’ มันก็ยังสร้างคลื่นภายในใจให้กับตัวเขา

เหลยเฉียนจือเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าในรอบเกือบหมื่นปีและยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นเซียนเทพปฐพี่มากที่สุด

น่าเสียดายที่เหลยเฉียนจือได้หายตัวไปเมื่อสามร้อยปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะดวงไฟแห่งชีวิตของเหลยเฉียนจือในส่วนลึกของนิกายยังไม่ดับลงเกรงว่าทุกคนคงคิดว่าเหลยเฉียนจือตกตายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้เหลยเฉียนฉือจะยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้ปรากฏตัวมาเป็นเวลาสามร้อยปี ในสายตาของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าส่วนใหญ่กว่า แปดในสิบส่วน คิดว่าคงจะติดอยู่ในสถานที่ลับไม่สามารถกลับออกมาได้หรืออาจจะถูกสะกดปิดผนึกซึ่งไม่ได้แตกต่างจากการตายเลย

“ไม่สําคัญว่าเหลยเฉียนฉือจะกลับมาในอนาคต หรือไม่”

“แต่ตอนนี้มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังกําลังเรืองอํานาจถ้านิกายเทพเจ้าสายฟ้ากล้าฝ่าฝืนความตั้งใจของมนุษย์สวรรค์แม้จะมีสมบัติล้ําค่าอยู่ในมือแต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีจากการล่มสลาย”

บรรพชนอาวุโสกล่าวทุกคําออกมาตามนี้

“ขอรับ”

บรรพชนคนอื่นๆ มองหน้ากัน แล้วกล่าวคํากลับไปแบบนิ่งๆ

หากซูฉินแสดงความแข็งแกร่งของขอบเขตเซียนเทพปฐพีออกมาแม้ว่านิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะหวั่นเกรงแต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวหรือกังวลจนเกินไปนักเพราะก็มีเซียนเทพปฐพี่มากกว่าสิบคนกําเนิดขึ้นที่นี่แต่ตอนนี้เซียนเทพปฐพี่เหล่านั้นล้วนแก่ตายไปหมดแล้ว มีเพียงนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่

อย่างไรก็ตาม

สิ่งที่น่าหวาดหวั่นสําหรับนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็คือตอนนี้เป็นยุคที่กระแสปราณฉีฟื้นคืนด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินบางทีเขาอาจจะอาศัย จังหวะที่กระแสปราณฉีฟื้นคืนนี้ก้าวเข้าสู่ ขอบเขตผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดก็เป็นได้

ผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุด…

แม้แต่ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดก็เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกในตอนที่โลกปีศาจบุกรุกเข้ามาหากไม่ใช่เพราะผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดคอยป้องกันกองทัพปีศาจกว่าร้อยล้านตน ปราบปีศาจที่แข็งแกร่งจํานวนนับไม่ถ้วนจากโลกถ้ำปีศาจเกรงว่าป่านนี้ทั่วทั้งโลกคงกลายเป็นสวรรค์ของโลกถ้ำปีศาจไปแล้ว

แน่นอน

การเป็นผู้ที่ทรงพลังถึงขีดสุดเป็นเรื่องยากแค่ไหน? แม้แต่ในยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นบุตรแห่งโชคลาภทั้งปวงบนโลก มีพรสวรรค์สูงล้ํา

แม้ว่าซูฉินจะแสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่ความหวังที่จะไปยังขอบเขตผู้ทรงพลังถึงขีดสุดยังคงน้อยนิด

แต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ไม่กล้าเสี่ยง

ไม่เพียงแต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้า แต่เมื่อบรรพชนนิกายใหญ่แห่งอื่นๆได้ทราบถึงคําร้องขอของซูฉินพวกเขาก็ตอบรับโดยไม่ลังเลแม้แต่นิกายใหญ่อย่างตําหนักเทพเจ้าสายฟ้าและหุบเขาเทพอสูรก็ยังเสนอสมบัติอื่นๆ เพิ่มเพื่อเอาอกเอาใจซูฉิน