องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 553 ฮูหยินรองเลื่อนขั้นเป็นภรรยาเอก
“ท่านราชครู ข้าจำใจต้องทำเช่นนี้จริง ๆ เมื่อวานข้าดื่มไปหลายจอก และในตอนนั้นข้าก็ถูกคนตีจนสลบไป
ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายข้า จึงวางแผนเพื่อดูสถานการณ์ และแสร้งทำเป็นหมดสติ ใครจะรู้ว่าจะเป็นคนของจวนราชครู
ข้าถูกคนพามาที่นี่ คุณหนูสามเป็นคนลงมือจัดการกับข้า ข้าจึงแสร้งทำเป็นเมา แต่นางไม่ลงมือ และค่ำคืนนั้นก็ผ่านไป
ข้าคิดว่านางล้มเลิกแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่านางจะไปหาพระชายา และเรื่องก็วุ่นวายจนกลายเป็นเช่นนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นพบว่ามีบางอย่างที่น่าแปลก หากรู้ว่าถูกตีจนสลบแล้ว ด้วยนิสัยของหนานกงเย่ เขาจะยอมให้ผู้อื่นครอบงำหรือ?
ราชครูจวินยิ้มอย่างใจเย็น:“ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คนที่ควรจะจัดการก็ใกล้จะจะตายแล้ว และคนในจวนราชครูก็มากันหมดแล้ว กระหม่อมก็ขอโทษแล้วเช่นกัน ขอถามผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ว่าต้องการอะไรอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“……” ประโยคหลังดูเหมือนจะมีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกได้?
หนานกงเย่เดินออกมาข้างหน้า และเมื่อมาถึงตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น เขาจงใจเรอกลิ่นเหล้าออกมา ฉีเฟยอวิ๋นโบกมือ:“ท่านอ๋องทรงดื่มไปเยอะแค่ไหนเพคะ?”
“ไม่มากหรอก แค่ไหเดียวเอง”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไหใหญ่แค่ไหน?
หนานกงเย่หันกลับไปมองราชครูจวิน:“ท่านราชครู ข้าเชื่อว่าเรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านราชครู แต่ความโกรธของข้านั้น ท่านราชครูต้องรับไว้ หากเป็นอย่างที่ฮูหยินท่านนี้กล่าวว่าอมรมสั่งสอนแล้วแต่ไม่เชื่อ!”
ฮูหยินของคุณชายรองรีบกล่าวว่า:“หม่อมฉันเป็นอนุภรรยาของพ่อจวินซือซือ นางไม่ได้รับการอบรมที่ดี เป็นเพราะข้าเองที่อบรมสั่งสอนได้ไม่ดี ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้โปรดลงโทษด้วยเพคะ”
หนานกงเย่ยกมือขึ้น เพื่อบอกใบ้ให้ฮูหยินของคุณชายรองหยุดพูด แน่นอนว่าฮูหยินของคุณชายรองไม่กล้าพูดอะไรอีก หนานกงเย่มองไปที่ราชครูจวิน:“ท่านราชครูเป็นผู้ที่สอนให้เด็ดขาดและยุติธรรมมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ตนเองเป็นถึงครูขององค์จักรพรรดิ ไร้เหตุผล ไร้กฎระเบียบ ท่านราชครู……ว่าอย่างไร?”
สีหน้าของราชครูจวินทรุดลง และส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา:“กระหม่อมไม่อาจไม่ยอมรับได้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นผู้ที่ผูกพยาบาทคนหนึ่ง”
“ข้ามิกล้า!”
หนานกงเย่กล่าวเบา ๆ แต่แววตาของเขาคมราวกับอาวุธ
ราชครูจวินเดินไปหาฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อราชครูจวินเดินมาถึงตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น เขาก็ยกเสื้อคลุมขึ้นและกำลังจะคุกเข่าลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบพยุงราชครูจวินไว้ และเข้าใจขึ้นมาในทันที
หนานกงเย่กำลังเอาเรื่องในคุกมาสร้างความยุ่งยากให้ผู้อื่น
“ท่านราชครู ไม่ได้นะ!”
ไม่ต้องพูดถึงว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่ชอบให้ใครคุกเข่าให้นางเลย และต่อให้นางจะชอบ แต่ราชครูเป็นครูของฝ่าบาท ตำแหน่งและสถานะในราชสำนักก็ไม่อนุญาตให้นางรับการคุกเข่านี้ได้
ในขณะที่ราชครูจวินกำลังจะคุกเข่าลง ฮูหยินรองก็รีบเดินมาและต้องการจะคุกเข่าลงเช่นกัน ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบพยุงทั้งสองคนไว้ และต้องออกแรงเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นก็จะคุกเข่าลงไป
ฮูหยินของคุณชายรองนิ่งสงบ นางรู้สถานะของตนเองดี จึงคุกเข่าลง และจวินเจิ้งหนานก็คุกเข่าลงเช่นกัน
เวยฉือรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย จงใจจะทำให้เขาเห็นเรื่องนี้
“ท่านราชครู ท่านรีบลุกขึ้นเถิด อย่าทำเช่นนี้เลย” ฉีเฟยอวิ๋นยืนกรานที่จะช่วยพยุงให้ราชครูจวินลุกขึ้น สีหน้าของราชครูจวินยังคงเย็นชา และสายตาของเขาก็ยังคงดูถูกเหยียดหยาม
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าราชครูจวินไม่พอใจ
ฮูหยินรองก็ถูกพยุงขึ้นมาเช่นกัน
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปที่หนานกงเย่อย่างไม่สบอารมณ์:“ท่านอ๋อง พระองค์จะทำอะไรเพคะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงไว้หน้าหนานกงเย่ ต่อหน้าคนนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าราชครูจวิน ฉีเฟยอวิ๋นจะแสดงความไม่พอใจและตำหนิมากนักไม่ได้ นางจะต้องให้เกียรติหนานกงเย่
แน่นอนว่าหนานกงเย่ภาคภูมิใจ ที่บ้านก็คือที่บ้าน แต่เมื่ออยู่นอกบ้านจะต้องให้เกียรติผู้ชาย
หนานกงเย่เดินไปตรงหน้าราชครูจวิน:“ท่านราชครู ข้าล่วงเกินแล้ว”
หนานกงเย่ดึงฉีเฟยอวิ๋นออกไป
สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นดูงุนงงและเดินตามฉีเฟยอวิ๋นออกไป จิ้งจอกหางสั้นที่วนเวียนอยู่ข้างหลังก็จากไปอย่างรวดเร็ว
มีรถม้าอยู่ข้างนอก ฉีเฟยอวิ๋นตามขึ้นไปนั่งบนรถม้าอย่างงุนงง
จากนั้นอาอวี่ก็ขึ้นมาบนรถม้า และกลับไปที่จวนอ๋องเย่ด้วยกัน
เมื่อเวยฉือเห็นว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาจึงเดินไปคำนับราชครูจวิน:“ท่านราชครู ผู้น้อยยีงมีเรื่องต้องทำ ขอตัวกลับก่อนขอรับ”
“อืม”
ราชครูจวินตอบรับ และเวยฉือก็รีบพาคนออกไป
จวินซือซือหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ราชครูจวินมองไปรอบ ๆ และถามว่า:“ที่นี่เป็นจวนเป่าจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่?”
“ใช่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินของคุณชายรองรู้จักที่นี่ ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนเลือก
หนานกงไท่เป่าหรือเป่าจวิ๋นอ๋องเป็นผู้ที่ไม่สง่างาม แต่สำหรับจวินซือซือแล้ว เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่ถูกต้องสำหรับนาง
ราชครูจวินกล่าวว่า:“ทำไมถึงไม่มีใครเลย?”
“ลูกสะใภ้คนนี้ก็ไม่ทราบ ลูกสะใภ้จะไปลองถามดูเจ้าค่ะ” ฮูหยินของคุณชายรองรีบไปถามในทันที
เมื่อจวินเจิ้งหนานเห็นว่าบุตรสาวของเขาแย่แล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร และกลัวมากจนเหงื่อแตก
ราชครูจวินเหลือบมองไปที่บุตรชายของเขา และรังเกียจที่เขาไร้ประโยชน์
เขาหันไปมองฮูหยินรองและถามว่า:“เหตุใดเจ้าถึงเอาแต่ก้มหน้า หรือว่าข้าหน้าตาน่าเกลียด จนทำให้เจ้าไม่อยากมอง?”
ฮูหยินรองผงะไปชั่วขณะหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นไปมองราชครูจวินและนิ่งอยู่นาน ราชครูจวินจึงถามว่า:“อยู่ที่จวนอ๋องเย่ เจ้าถูกรังแกหรือไม่?”
ฮูหยินรองส่ายหัว:“ข้าไม่ได้ถูกรังแก พระชายาเย่เป็นคนจิตใจดี แต่ข้าน้อย……”
“เอาล่ะ อายุปูนนี้แล้ว ข้าน้อยอะไรกัน ในเมื่อเจ้าออกไปนอกจวนแล้วมีความดีความชอบ เช่นนั้นก็เป็นเลื่อนขั้นเป็นภรรยาเอกเถอะ” ราชครูจวินกล่าว
ฮูหยินรองตกใจมากขึ้นไปอีก และกำลังจะคุกเข่า แต่ก็ถูกราชครูจวินดึงไว้:“ในเมื่อเป็นภรรยาเอกก็ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ลุกขึ้นเถอะ”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองไม่ได้โง่เขลา แต่บางครั้งนางก็ไม่กล้าที่จะก้าวข้ามกฎระเบียบ
“แต่ฮูหยิน”
“แน่นอนว่าข้าจะจัดการเรื่องของนาง ดังนั้นเจ้าเป็นฮูหยินได้อย่างสบายใจ”
ในเวลานี้ราชครูจวินไม่ได้อารมณ์ไม่ดี แม้ว่าพบกับเรื่องที่ไม่ควรพบก็ตาม แต่ฮูหยินรองกลับไม่ได้ดีใจมากนักและกล่าวว่า:“เช่นนั้นก็เอาตามนี้ เป็นฮูหยินรองมาหลายปีแล้ว ไม่ต้องสนใจ……”
“เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก ตอนนั้นที่ข้าอยู่ด้วยกันกับเจ้า หากเจ้าสนใจสักนิด ภรรยาเอกก็คงเป็นเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นท่อนไม้หรือ?
ฮึ……ตอนนี้ไม่สนใจ ก็ต้องรอให้ข้าตายก่อน แล้วอีกร้อยปีข้างหน้า ชีวิตในจวนของเจ้าก็คงจะดีขึ้น?
สิ่งที่เจ้าให้กำเนิดออกมานั้นไร้ประโยชน์ แล้วยังไม่กล้าหาญและฉลาดเท่ากับลูกสะใภ้ของเจ้า”
ฮูหยินรองก้มหน้าลงและหลั่งน้ำตา
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ฮูหยินรองไม่กล้าพูดอะไร และไม่คิดว่าจะมีวันนี้ในตอนที่แก่ชราแล้ว
“หากท่านราชครูไม่อยู่แล้ว ข้าน้อย……”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ราชครูจวินไม่ค่อยพอใจ
ฮูหยินรองจึงรีบเปลี่ยนคำพูด:“ข้าก็จะไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยว”
ราชครูจวินมองไปที่ฮูหยินรองและกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า:“พูดหลอกลวงข้าให้น้อย ๆ หน่อยเจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กหนุ่มที่โง่เขลาหรืออย่างไร ที่ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าก็เชื่อ?”
“……” ฮูหยินรองไม่พูดอะไรอีก ฮูหยินของคุณชายรองเห็นทุกอย่าง นางปลื้มอกปลื้มใจที่มีพ่อสามีเช่นนี้
หากแม่สามีเป็นคนโปรดเพียงคนเดียวของพ่อสามี หากนางไม่ทำอะไรผิดพลาดก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น
เมื่อเข้าประตูไปแล้ว ฮูหยินของคุณชายรองก็กล่าวว่า:“ท่านพ่อ เป่าจวิ๋นอ๋องผู้นี้ช่างน่าโมโหเสียจริง เขาเลี้ยงดูนางโลมไว้ข้างนอกสองคน และไม่ได้กลับมานานแล้ว”
“งั้นหรือ?” ราชครูจวินถอนหายใจและเหลือบมองจวินซือซือที่อยู่บนพื้น จวินซือซือจ้องมองไปที่ราชครูด้วยความโกรธแค้น นางเกลียด!
ราชครูจวินกล่าวว่า:“จะเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ไม่ได้ เก็บไว้ก็มีแต่หายนะ”
ฮูหยินรองเฝ้ามองอยู่นาน ก่อนที่จะละสายตา แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร
ราชครูจวินมองไปที่ฮูหยินรองและถามว่า:“เจ้าต้องการจะเก็บนางไว้?”
ฮูหยินรองไม่พูด แววตาของนางดูมีพลัง และเป็นประกายเหมือนตอนสาว ๆ จึงไม่ยากที่จะได้เห็นความงดงามในวัยสาวของนาง