บทที่ 807 : ใช้นิ้วหนีบกระสุนปืน!
หลิงหยุนไม่พูดพล่ามไร้สาระแต่กลับกลายเป็นว่าแต่ละคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นฟังดูช่างอหังการอย่างมาก..
ในเวลานี้การใช้กำปั้นพูดดีกว่าการใช้ปากพูดมากนัก!
มู่เทียนโฉ่วถึงกับยืนตัวแข็งเป็นต้นไม้และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องอยู่ในอาการตกตะลึง!
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายที่นั่งอยู่บนพื้นและกำลังสำรวจอาการบาดเจ็บของเฉินเซินกับไห่ซานอยู่ก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน ทั้งหมดหันหน้าไปมองพร้อมๆกันว่าใครกันนะช่างพูดจายะโสโอหังได้เช่นนี้..
ภาพที่ตำรวจทั้งสามนายเห็นนั้นคือภาพของเด็กหนุ่มสวมแว่นกันแดด ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงขายาวสีดำ กำลังยืนถือขวดเหล้าด้วยท่าทางสบายๆ สีหน้าสงบนิ่งไร้ความตื่นตระหนกใดๆ
การพูดจากับตำรวจด้วยคำพูดและอากัปกิริยาเช่นนี้มันคืออะไรทำร้ายผู้อื่นจนบาดเจ็บเช่นนี้ ต่อให้ทำไปเพื่อป้องกันตัว ตำรวจก็สามารถนำตัวกลับไปโรงพักขังได้สักสองสามวัน แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับจองหองถึงขั้นไล่พวกเขากลับไป?
ยิ่งไปกว่านั้น..เมื่อฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้พยายามที่จะอธิบายใดๆด้วยซ้ำไป แต่กำลังออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ!
คำพูดของหลิงหยุนนั้นหากแปลความหมายตรงๆก็คือว่า‘นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ กรุณาอย่าแส่ แล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ซะ!’
“นี่แก..”
มู่เทียนโฉ่วได้ฟังถึงกับโมโหจนควันออกหู..จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางเฉินเซินกับไห่ซานพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“คุณจะยอมรับมั๊ยว่า..คุณเป็นคนทำร้ายผู้บาดเจ็บสองคนที่นอนอยู่บนพื้นนี่”
หลิงหยุนไม่พูดอะไร..แต่กลับยกขวดเหล้าขึ้นกระดกใส่ปาก จากนั้นก็พยักหน้าราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
มู่เทียนโฉ่วเห็นท่าทางไม่แยแสของหลิงหยุนก็ร้องตะโกนถามต่อว่า“คุณรู้มั๊ยว่ากำลังทำผิดกฏหมาย”
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปทันทีเช่นกัน “คิดว่ารู้.. ว่าแต่ใครมีปัญหางั้นเหรอ”
มู่เทียนโฉ่วโกรธมากพร้อมกับร้องสั่งหลิงหยุน“ถ้างั้นก็ดี.. ในเมื่อยอมรับว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ตามผมกลับไปได้เลย!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถามยียวน“ตามคุณไป ไปใหนไม่ทราบ?”
มู่เทียนห่าวเห็นหลิงหยุนพูดจายียวนกวนประสาทก็ได้แต่กัดฟันข่มความโกรธพร้อมตอบกลับไปว่า
“รู้แล้วยังจะแกล้งถาม..ก็ไปสถานีตำรวจน่ะสิ!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ที่ผมพูดกับคุณก่อนหน้านี้ คุณไม่ได้ฟังเลยหรือยังไง”
“ไม่เป็นไร..ผมจะสละเวลาพูดให้คุณฟังชัดๆอีกครั้ง.. ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ!”
“เรื่องวันนี้คุณไม่สามารถควบคุมและจัดการอะไรได้ แล้วคุณก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเกาเฉินเฉินและคนอื่นๆที่อยู่ด้านในรวมทั้งพนักงานเสริฟสาวทั้งสี่คน ก็กำลังตะกายหน้าต่างสังเกตุดูเหตุการณ์ภายนอกอยู่ สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนและมู่เทียนโฉ่วที่กำลังปะทะฝีปากกัน..
เช่นเดียวกับที่ประตูด้านหน้าหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คน รวมทั้งฟ่านลู่ปิงกับผู้ช่วยของเธอ ต่างก็กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่หน้าประตูเช่นกัน
ท่าทางและคำพูดที่ไม่เกรงกลัวผู้ใดของหลิงหยุนนั้นทำให้มู่เทียนโฉ่วถึงกับเริ่มวิตกกังวล..
แต่เมื่อหันไปมองเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเจ็ดนายที่มาด้วยมู่เทียนโฉ่วก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ จากนั้นจึงร้องสั่งหลิงหยุนอีกครั้ง
“ขอบัตรประชาชนของคุณให้ผมด้วย!แล้วคุณเป็นใครมาจากใหน”
นี่เป็นคำถามปกติที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบถามตามขั้นตอนอยู่แล้วเพียงแต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ทันที่มู่เทียนโฉ่วจะได้พูดอะไร ก็ถูกหลิงหยุนสกัดไว้ก่อนแล้ว เมื่อมีโอกาส เขาจึงรีบสอบถามตามขั้นตอนทันที
“ผมไม่มีเวลาแล้วก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งตอบคำถามของคุณ!”
หลิงหยุนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชาเขาเกลียดพิธีรีตองของโลกใบนี้เป็นอย่างมาก และนี่ความแตกต่างระหว่างโลกใบนี้กับโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่
เมื่ออายุครบสิบแปดปีบัตรประชาชนเป็นสิ่งที่จะบ่งบอกสถานะของคุณว่าเป็นใครมาจากใหน ซึ่งในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่เห็นจำเป็นต้องมีปัญหามากมายเช่นนี้เลย!
หากถังเมิ่งไม่บอกเขาไว้ก่อนว่าบัตรประชาชนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการซื้อตั๋วเดินทาง จองที่พัก แล้วก็อื่นๆอีกมากมายแล้วล่ะก็ เขาคงจัดการเผามันทิ้งไปนานแล้ว..
ในเมื่อเห็นหลิงหยุนไม่ให้ความร่วมมือถามอะไรก็ไม่ตอบเช่นนี้ มู่เทียนโฉ่วจึงพูดขึ้นว่า
“นี่คุณกำลังขัดขืนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่นะ!”
หลิงหยุนฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวก่อนจะตอบกลับไปว่า “ดูท่าคุณจะจับผมให้ได้สินะ.. ฟังนะ! ทำตามที่ผมบอกจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องโชคร้ายแน่!”
มู่เทียนโฉ่วไม่สามารถอดรนทนต่อไปได้อีก“นี่.. คุณทำร้ายร่างกายคนอื่นกลางวันแสกๆไม่พอ ยังจะขัดขืนและไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนอีก ผมว่าคุณจะกล้าเกินไปแล้ว!”
“พวกคุณจับตัวเขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำเดี๋ยวนี้!”
“ครับ!”
เมื่อได้รับคำสั่งจากมู่เทียนโฉ่วเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายก็ลุกขึ้นยืน และตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันที
ยังไม่ทันที่จะก้าวถึงตัวของหลิงหยุนดีทั้งสามคนก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตนเอง..
ร่างของหลิงหยุนแทบไม่ขยับเขยื้อนมีเพียงนิ้วมือสองสามนิ้วเท่านั้นที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามที่เดินเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว
หลิงหยุนไม่ต้องการที่จะทำร้ายใครเขาจึงกะน้ำหนักมือให้เบาที่สุด เพื่อสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายสามารถเคลื่อนไหวได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้
“นี่..”
“อะไรกัน!”
“เห้ย..”
สิ้นเสียงร้องอุทานที่ดังออกมาพร้อมกันทั้งสามเสียงนั้นร่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายก็ร่วงลงไปกองกับพื้นทันที และทั้งสามคนก็รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกเลย
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและกำลังกระดกเหล้าเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นจึงหันไปบอกมู่เทียนโฉ่วว่า
“อยากลองดีกับผมอีกมั๊ย”
“นี่..”
มู่เทียนโฉ่วถึงกับตกตะลึงและอึ้งไปทันที!
“แก..แกกล้าจับตำรวจงั้นเหรอ” มู่เทียนโฉ่วร้องออกมาอย่างตกใจ
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“อย่ามากล่าวหากันอย่างนั้นสิคุณตำรวจ! คุณก็เห็นว่าผมไม่ได้ขยับตัวไปใหนเลย! พวกเขาร่วงลงไปกองกับพื้นเอง เกี่ยวอะไรกับผมไม่ทราบ”
“นี่แก..แกต้องใช้เวทย์มนต์คาถาแน่ๆ”
มู่เทียนโฉ่วตกใจและด้วยสัญชาติญาณเขารีบคว้าปืนที่อยู่ข้างเอวขึ้นมาทันที..
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสี่นายที่อยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเพื่อนร่วมอาชีพทรุดลงไปกองกับพื้นเช่นนั้น แทบไม่ต้องรอคำสั่งการแต่อย่างใด ทั้งหมดหยิบปืนออกมาและเล็งไปทางหลิงหยุนทันที
“อย่าขยับเขยื้อน!ไม่งั้นถูกยิงแน่!”
ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลิงหยุนก็ก้าวเท้าออกไปด้านหน้าสามก้าวพร้อมกับพูดขึ้นอย่างท้าทาย
“ผมจะขยับ..พวกคุณจะทำอะไรผมได้”
ถังเมิ่งที่วิ่งตามออกมาข้างนอกเมื่อได้เห็นการกระทำที่ท้าทายของหลิงหยุน ก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่นด้วยความงุนงง..
‘นี่พี่หยุนเป็นอะไรไปนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ก่อนจะมาปักกิ่งยังพูดอยู่เลยว่าต้องทำตัวเงียบๆ แต่ดูวันนี้สิ! นี่พี่หยุนกำลังจะทำให้ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งปักกิ่ง!’
‘ขนาดตำรวจยังไม่ยอมให้หน้าแบบนี้นี่พี่หยุนต้องการอะไรกันแน่!’
ในบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสี่นายที่อยู่ด้านนอกนั้นตำรวจหญิงนายหนึ่งที่ไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ถึงกับตกใจกลัวจนนิ้วสั่นไปโดนไกปืนเข้า!
และแน่นอนว่าลูกระสุนที่พุ่งออกจากลำกล้องปืนนั้นย่อมรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะมีปฏิกิริยาใดๆได้ทัน!
ในขณะนั้น..หลิงหยุนจัดการเปิดหยั่งรู้ และเนตรหยินหยาง พร้อมกับโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุดทันที
นิ้วในมือซ้ายของหลิงหยุนที่ขยับได้รวดเร็วยิ่งกว่าอะไรนั้นยื่นออกไปหนีบลูกกระสุนที่พุ่งออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์!
มันคือปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วเกินกว่ามนุษย์ธรรมดามาก!
หลังจากที่จัดการใช้มือเปล่าหนีบลูกกระสุนที่พุ่งมาด้วยความเร็วมากแล้วหลิงหยุนก็เรียกมันเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ทันที
“ร้อนมากทีเดียว!”
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากลูกกระสุนปืนที่ถูกยิงออกมาความจริงแล้วต่อให้หลิงหยุนไม่ใช้นิ้วมือหนีบกระสุนปืนไว้ ลูกกระสุนก็ไม่สามารถยิงทะลุร่างของหลิงหยุนได้อยู่แล้ว แต่อาจจะถากและกระเด็นออกไปทางด้านหลังแทน
ดังนั้นหากเขาไม่ใช้นิ้วจับกระสุนไว้ เหลียงเฟิงอี้ซึ่งอยู่ด้านหลังก็อาจโดนลูกหลงเข้าไปได้..
เมื่อครั้งที่เข้าสู่ด่านกลางของขั้นปรับร่างกายนั้นหลิงหยุนเพียงแค่สามารถพุ่งหลบลูกกระสุนของตี้ปาได้ แต่เวลานี้ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 หลิงหยุนจึงสามารถใช้นิ้วหนีบลูกกระสุนปืนได้อย่างง่ายดาย
“นี่เจ้ากล้ายิงข้างั้นรึ!”
หลิงหยุนรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนายนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะยิงแต่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ จึงใช้มังกรพรางร่างเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าตำรวจหญิงอย่างรวดเร็ว ปากกระบอกปืนในมือของเธอยังมีควันพวยพุ่งออกมาอยู่เลย
“ให้ข้าได้พักบ้าง!”
หลิงหยุนจับปืนในมือของตำรวจทั้งสี่นายโยนทิ้งและกระแสลมปราณที่พุ่งออกจากนิ้วทั้งสี่ของหลิงหยุน ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสี่นายถึงกับล้มก้นจำเบ้าลงกับพื้นเลยทีเดียว
นอกจากหนีบลูกกระสุนแล้วยังแย่งปืนจากมือเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย แต่ขั้นตอนทั้งหมดนี้ผ่านไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า และเมื่อร่างของหลิงหยุนกลับไปยืนที่เดิมนั้น เงาของเขาในที่นั้นยังไม่ทันได้จางหายไปเลยด้วยซ้ำ..
และด้านนอกก็มีเสียงรถพยาบาลเปิดไซเรนดังกึกก้อง..
ใบหน้าเย็นชาของหลิงหยุนหันไปทางมู่เทียนโฉ่วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“รถพยาบาลกำลังมาที่นี่ ข้าจะให้โอกาสเจ้ากับคนอื่นๆออกไปจากที่นี่อีกครั้ง แต่ถ้าไม่.. ก็อย่าตำหนิข้าก็แล้วกัน!”
บนโลกใบนี้ไม่บ่อยนักที่คนธรรมดาจะได้พบเจอเรื่องราวที่แปลกประหลาดและเหลือเชื่อเช่นนี้! ไม่เช่นนั้นทุกคนคงจะไม่ตกตะลึงดังเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้
มู่เทียนโฉ่วเองก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นโชคดีหรือว่าโชค้ายกันแน่ที่มีโอกาสได้พบเจอเรื่องแปลกประหลาดเหลือเชื่อเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง เขาได้แต่นิ่งเงียบไป..
ที่ผ่านมากอีกฝ่ายย้ำกับเขาอยู่เสมอว่า..นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสามารถควบคุม และจัดการได้!
มู่เทียนโฉ่วรีบเก็บปืนทันทีพร้อมกับโชว์ฝ่ามือให้หลิงหยุนดูว่าในมือของเขานั้นไม่มีปืนแล้ว!
“ผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ใหน”
เจ้าหน้าที่จากรถพยาบาลหลายคนวิ่งตรงเข้าไปด้านในสวนพร้อมกับถามหาผู้บาดเจ็บทันที..
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ..ผมมู่เทียนโฉ่ว เป็นรองสารวัตรของสถานีตำรวจที่ดูแลพื้นที่นี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของผมสองคนหัวใจวาย พวกคุณช่วยพาพวกเขาขึ้นรถออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
มู่เทียนโฉ่วรู้สึกเสียหน้าอย่างมากและต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เขาแทบอยากให้เรื่องในวันนี้เป็นเพียงแค่ความฝันด้วยซ้ำไป!
“ส่วนเจ้าสองคนนี้ใครกล้าเคลื่อนย้าย.. ต้องตายสถานเดียว!”
และแน่นอนว่ากำปั้นนั้นได้ผลกว่าคำพูดหลายเท่านัก..หลิงหยุนยกขวดเหล้าในมือขึ้นจิบอีกครั้ง แล้วจึงเดินออกไปด้านนอกพร้อมพึมพำออกมาว่า
“ในที่สุดพวกเจ้าก็มาสินะ!”
หลิงหยุนไม่รอช้ารีบเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจทันทีเขาพบว่าที่ถนนทั้งซ้ายทั้งขวานั้น มีรถสีดำกำลังแล่นเข้ามาด้านละสามคัน รวมทั้งหมดหกคัน..
หลิงหยุนรีบส่งกระแสจิตบอกถังเมิ่งและคนอื่นๆให้อยู่แต่ภายในร้าน ไม่ให้ออกมาบริเวณสวนด้านหน้าโดยเด็ดขาด
และแน่นอนว่าครั้งนี้เป็นยอดฝีมือที่ตระกูลเฉินส่งมาอย่างไม่ต้องสงสัย!
บทที่ 808 : โอรสพรรคมาร!
แทบไม่ต้องรอให้รถทั้งหกคันหยุดหลิงหยุนก็เดินออกไปรอที่ถนนด้านหน้าทันที..
รถทั้งหกคันนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มละสามคัน ขับมาจากทางด้านตะวันออกกลุ่มหนึ่ง และขับมาทางด้านตะวันตกอีกกลุ่มหนึ่ง เมื่อรถทั้งหกคันมาถึงหน้าร้าน ก็ปิดหัวถนนและท้ายถนนไว้ ทำให้รถด้านนอกไม่สามารถผ่านไปผ่านมาได้อีก
และเมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งรถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุน รถทั้งสามคันของเฉินเซิน และรถตำรวจอีกสามคัน รวมทั้งรถพยาบาลที่เพิ่งมาถึงก็ถูกขวางทางเข้าออกไว้เช่นกัน
ตระกูลเฉินไม่ส่งเสียงกระโตกกระตากพวกมันกระทำการอย่างเงียบๆไม่กระโตกกระตากเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่รถจอด..ยอดฝีมือที่อยู่ในรถแต่ละคันก็เดินลงมาทันที ในรถหนึ่งคันนั้นมียอดฝีมืออยู่ทั้งหมดสามคน แต่ละคนล้วนอยู่ในชุดพร้อมเข้าสู่สนามต่อสู้กันเต็มที่ แม้กระทั่งคนขับรถทั้งหกคัน ก็ยังเป็นชายร่างใหญ่กำยำแข็งแรง และเป็นทหารอาชีพ
ยอดฝีมือทั้งสิบแปดคนหลากหลายอายุ และดูแตกต่างกัน แววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความโกรธ ทั้งหมดลงจากรถได้ก็วิ่งตรงไปที่ประตูทางเข้าร้านทันที
แต่คนขับรถทั้งหกคนนั้นไม่ได้ตามเข้าไปด้านในด้วยแต่แยกย้ายกันออกไปปิดถนนไม่ให้ผู้คนสามารถสัญจรไปมาบนถนนเส้นนี้ได้ และแน่นอนว่าย่อมไม่ให้คนที่ไม่ต้องการให้ออกหนีออกไปได้ด้วย..
“เวลานี้คนตระกูลเฉินอยู่ที่นี่แล้วใครที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ขอให้หลีกไป จะได้ไม่โดนลูกหลง!”
คนที่ดูเหมือนหัวหน้าร้องบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ดวงตานั้นกลับจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งยืนอยู่หน้าทางเข้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนรวมทั้งฟ่านลู่ปิงกับผู้ช่วยของเธอต่างก็รีบวิ่งออกไปหลบซ่อนด้วยความตกใจ และไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าออกมา
บุรุษพยาบาลที่กำลังยกร่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนไปขึ้นรถพยาบาลนั้นเมื่อเห็นยอดฝีมือทั้งสิบแปดคนของตระกูลเฉิน พวกเขาก็ได้แต่คิดในใจว่าเหตุการณ์คงจะตึงเครียดมากแน่ และรีบหนีกลับไปที่โรงพยาบาลทันที
“อ่อ..ที่แท้ก็ถูกสกัดจุดไว้เท่านั้นเอง ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย.. ฝีมือของเจ้าไม่เบาเลยนี่!”
ผู้ที่เป็นหัวหน้านั้นเพียงแค่เห็นก็สามารถมองออกได้ทันทีจากนั้นมันก็เดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนโดยไม่สนใจกับตำรวจที่อยู่ในบริเวณนั้น
หลิงหยุนไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของยอดฝีมือที่เป็นหัวหน้าได้เขารู้เพียงแค่ว่ามียอดฝีมือผู้นี้น่าจะยังไม่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7
‘ยอดฝีมือตระกูลเฉินถูกข้าสังหารไปเป็นร้อยแต่มันกลับส่งยอดฝีมือสูงส่งมาได้อีกมากมาย ดูเหมือนว่าตระกูลเฉินจะไม่ใช่เล็กๆเลยสินะ!’
หลิงหยุนได้แต่แอบครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆระหว่างที่ยกขวดเหล้าเหมาไถขึ้นดื่ม..
“เจ้าหนู..เหตุใดเจ้ายังไม่ไปจากที่นี่อีก!”
ยอดฝีมือที่เป็นหัวหน้าก็ไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนเช่นกันแต่ก็สามารถมองออกว่าหลิงหยุนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นคนธรรมดา ป่านนี้ก็คงต้องรีบหนีไปด้วยความหวาดกลัวแล้วล่ะ!
“ข้าต้องอยู่สังหารเฉินเซิน..แล้วเหตุใดข้าจึงต้องไปจากที่นี่ด้วยเล่า!” หลิงหยุนยิ้มเหยียด และตอบไปตามความจริง
หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบเสียงปรบก็มือดังขึ้นสองสามครั้ง..
ผู้ที่เป็นหัวหน้ายิ้มพร้อมกับปรบมือให้หลิงหยุนแล้วพูดขึ้นว่า “เยี่ยม.. เยี่ยมมาก! เจ้าช่างใจกล้าและโอหังมากที่กล้าทำร้ายคนตระกูลเฉินในเวลากลางวันเช่นนี้!”
“เจ้าบอกเหตุผลกับข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าจึงต้องการสังหารคุณชายเฉินด้วย”
“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า..”
ผู้เป็นหัวหน้าจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาประหลาดใจก่อนจะถอนหายใจออกมาและถามต่อว่า
“นับว่าเจ้าใจกล้ามาก!ถ้าเช่นนั้น.. ข้าขอถามเจ้าว่าพวกเราจะสามารถพูดจาตกลงกันได้หรือไม่”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าและตอบไปว่า“เฉินเซินต้องตายเท่านั้น!”
“ดูเหมือนเจ้าต้องการให้เกิดการต่อสู้ให้ได้สินะ!”
“หยุดพล่ามไร้สาระแล้วก็เข้ามาช่วยคนของเจ้าได้แล้ว!”
หลิงหยุนหมดความอดทนและคร้านที่จะพูดด้วย เขาต้องการจะรีบๆจัดการพวกมันให้สิ้นซาก
“ลงมือได้!”
สิ้นคำสั่งของผู้ที่เป็นหัวหน้ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนคนหนึ่งก็กระโดดออกมา และพุ่งหมัดเข้าใส่ที่หน้าอกของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนเองก็กำหมัดซ้ายส่งออกไปเช่นกัน..
ปัง!
แกร๊ก..แกร๊ก..
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณร่างแข็งแกร่งของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนลอยละลิ่วออกไปไกลไม่ต่างจากว่าว มือขวาของมันแตกหัก และไหล่เคลื่อนในทันที
อาจจะดูเหมือนว่าหลิงหยุนออกแรงชกธรรมดาๆเท่านั้นแต่เขาก็ไม่ได้คิดที่ปราณีพวกมัน จึงได้ใช้วิชาหมัดปีศาจเถียนกัง และในนาทีที่หมัดของคนทั้งสองปะทะกันนั้น ร่างของหลิงหยุนก็ได้ดูดเอาลมปราณของฝ่ายตรงข้ามเข้าไปด้วย
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึงและยิ่มออกมาด้วยความดีใจ.. เขาไม่เพียงทำร้ายศัตรูจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับสามารถดูดลมปราณของศัตรูมาเป็นของตนเองได้อีกด้วย
เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนและฟ่านลลู่ปิงที่แอบดูอยู่ห่างๆ ก็ถึงกับตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น!
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกันนั้นไม่เพียงร่างของหลิงหยุนไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย แต่เขายังอยู่ในอาการสงบผ่อนคลายอีกด้วย ในขณะที่อีกฝ่ายกลับกระดูกแตกร้าวไปจนถึงหัวไหล่ และร่างก็ลอยละลิ่วออกไปไกลพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“นี่มัน..ทำไมถึงได้มีพลังมหาศาลขนาดนี้!”
มู่เทียนโฉ่วได้เห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเองเช่นนี้ก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค เขาได้แต่แอบคิดว่าช่างเป็นโชคดีของตนเองอย่างมากที่ตัดสินใจเก็บปืนไป..
“เป็นได้อย่างไรกัน!”
ผู้ที่เป็นหัวหน้าถึงกับตกใจสุดขีดเช่นกันเพราะหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก!
“พวกเจ้าสี่คนบุกเข้าไปพร้อมกัน!”
ผู้ที่เป็นหัวหน้าสั่งให้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3สี่คนเข้าไปจัดการกับหลิงหุยนพร้อมๆกัน
“ไม่มีประโยชน์หรอก!”
หลิงหยุนร้องบอกยิ้มๆจากนั้นจึงโคจรดาราคุ้มกายปกป้องร่างกายตนเองไว้ แล้วเดินตรงเข้าไปหายอดฝีมือทั้งสี่พร้อมด้วยหมัดปีศาจเถียนกัง..
ปัง..ปัง.. ปัง.. ปัง..
และหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนก็สามารถดูดเอาลมปราณจากร่างของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ทั้งสี่คนได้เช่นกัน!
พลังวนหยิน-หยางเริ่มทำงานและทุกครั้งที่หมัดของหลิงหยุนปะทะเข้ากับหมัดของยอดฝีมือทั้งสี่นั้น ไม่เพียงเป็นการปล่อยลมปราณออกไป แต่ยังสามารถดูดลมปราณกลับมาได้อีกด้วย..
“อย่ามัวแต่เสียเวลาเลยเจ้าเองก็เข้ามาพร้อมๆกับพวกมันทั้งหมดนั่นล่ะ! ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าก็จะไม่สามารถกลับออกไปได้อีก!”
และการที่หลิงหยุนจงใจอยู่รอนั้นก็เพื่อต้องการดูดเอาลมปราณของยอดฝีมือตระกูลเฉิน เพื่อจะได้เป็นประโยชน์สำหรับแผนขั้นต่อไปของตนเอง ในเมื่อตระกูลเฉินเป็นผู้ส่งยอดฝีมือพวกนี้มา หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องปราณีพวกมัน!
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถสังหารคนได้ในเวลากลางวันเช่นนี้แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้พวกมันบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถฟื้นตัวได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ และภายในช่วงเวลาสามเดือนที่พวกมันต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายนั้น หลิงหยุนก็มีเวลามากพอที่จะเล่นสนุกกับตระกูลเฉิน
“ฮ่า..ฮ่า.. สู้กับพวกเจ้าในเวลากลางวันเช่นนี้ ช่างสนุกตื่นเต้นจริงๆ!”
หลิงหยุนไม่คิดที่จะปิดบังตนเองอีกต่อไปเขาจึงใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการปิดฉากการต่อสู้ครั้งนี้
หลิงหยุนตั้งใจไว้ว่าหลังจากที่เขาจัดการแก้ปัญหาเรื่องผลการสอบเอนทรานซ์แล้ว เวลานั้นเขาก็น่าจะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้พอดี และเมื่อใดก็ตามที่เขาเข้าสู่ขั้นปฐมพลังชี่ได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เขาจะจัดการลบชื่อตระกูลซันและตระกูลเฉินทิ้งไป!
เวลานี้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3ทั้งสี่คนนั้นกระดูกมือแตก และร่วงลงไปกองกับพื้น ก่อนจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด และสูญสิ้นกำลังในการต่อสู้ทันที
‘มิน่าเจ้าเด็กนั่นถึงได้กล้ายะโสโฮหังเช่นนี้เพราะมันแข็งแกร่งเช่นนี้นี่เอง!’
ผู้ที่เป็นหัวหน้านี้ใกล้เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7แล้ว และเพิ่งเข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ ตัวมันเองก็นับว่ามีกำลังภายในที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง มันจึงไม่นึกหวาดกลัวหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
‘เด็กนี่มาจากที่ใดกันแล้วกำลังภายในของมันอยู่ขั้นใหนกันแน่?! และวิชาที่มันใช้ก็มีอานุภาพที่รุนแรงมากเหลือเกิน..’
ผู้ที่เป็นหัวหน้าเริ่มรู้สึกว่าครั้งนี้มันได้ประเมินคู่ต่อสู้ผิดไปมาก..
นอกเหนือจากยอดฝีมือที่เป็นหัวหน้าผู้นี้ยอดฝีมือตระกูลเฉินที่เหลืออีกสิบสองคนนั้น ส่วนหนึ่งก็อยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-9 อีกส่วนหนึ่งก็อยู่ในด่านกลางของขั้นเซียงเทียน
“เด็กนั่นเป็นปีศาจหรือยังไงกัน!มันสามารถดูดลมปราณของข้าได้..”
ทางด้านยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3ซึ่งนอนอยู่ที่พื้นนั้น หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส มันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบกัดฟันอดนทนต่อความเจ็บปวด และรีบรายงานผู้ที่เป็นหัวหน้า
“อะไรนะ!”
ผู้ที่เป็นหัวหน้าถึงกับตกตะลึงมากยิ่งขึ้นใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด และริมฝีปากบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธและตกใจ!
“ดูดลมปราณเจ้าหนู.. นี่เจ้าเป็นคนของพรรคมารงั้นรึ?!”
ใต้หล้านี้มีเพียงยอดฝีมือของพรรคมารเท่านั้นที่จะมีวิชาที่แปลกประหลาดเช่นนี้..
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“งั้นรึ การที่ข้าสามารถดูดลมปราณของพวกเจ้าได้ พวกเจ้าก็เลยคิดว่าข้าเป็นคนของพรรคมารงั้นรึ?!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าหากเขาเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา ทุกคนก็ต้องคิดว่าเขาเป็นคนของพรรคมารอีกตามเคย เวลานี้เขาเพียงแค่ใช้หมัดปีศาจเถียนกัง ทุกคนก็ยังตราหน้าว่าเขาเป็นคนของพรรคมารอีก!
หลิงหยุนคร้านที่จะแก้ตัวและไม่จำเป็นต้องแก้ตัวด้วย ในเมื่อมารดาผู้ให้กำเนิดเขาก็เป็นธิดาพรรคมารคนก่อน.. แล้วยังต้องแก้ตัวไปเพื่ออะไร!
เวลานี้..จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนสังเกตุเห็นลำคอของผู้ที่เป็นหัวหน้าขยับไปมา และเสียงก็ดังมาเข้าหูของเขา
-เจ้าคือโอรสพรรคมารใช่หรือไม่-
หลิงหยุนได้ฟังก็ได้แต่งุนงงและคิดอยู่ในใจว่า ‘อะไรกัน! ไม่ใช่มีแต่ธิดาพรรคมารหรอกรึ? ยังมีโอรสพรรคมารด้วยงั้นรึ?!’
อีกฝ่ายใช้การส่งกระแสจิตคุยกับเขาและหลิงหยุนก็ตอบกลับบไปว่า
-ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า!–
เมื่อผู้ที่เป็นหัวหน้าเห็นว่าหลิงหยุนไม่ยอมตอบอะไรแววตาของมันก็เปลี่ยนเป็นดุดันพร้อมกับสั่งทุกคนว่า
“พรรคมารเหิมเกริมออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับยุทธภพเช่นนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ยุทธภพกับมัน พวกเราลงมือสังหารมันพร้อมกันเลย!”
พูดจบ..ร่างของผู้ที่เป็นหัวหน้าก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
และยอดฝีมือที่เหลือก็ตามเข้าไปสมทบทันทีในช่วงกลางวันเช่นนี้ อีกทั้งยังอยู่ใกล้ใจกลางเมือง ยอดฝีมือตระกูลเฉินจึงไม่ต้องการไม่ต้องการใช้อาวุธ..
หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างหลบหลีกการจู่โจมของผู้ที่เป็นหัวหน้าและตรงเข้าใส่ยอดฝีมือทั้งสิบสองคนที่พุ่งตามมา
เวลานี้หลิงหยุนไม่ต่างจากเสือร้ายที่อยู่ท่ามกลางฝูงสุนัขจิ้งจอก!
หลิงหยุนโคจรดาราคุ้มกายปกป้องร่างกายไว้และเมื่อได้จังหวะ เขาก็จัดการปล่อยหมัดซ้ายออกไปทันที!
“อ๊าก..”
เสียงกระดูกหักและข้อต่อตามร่างกายแตกหัก ผสานกับเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาด้วยความเจ็บปวด และยอดฝีมือที่ได้รับบาดเจ็บก็ร่วงลงไปกองกับพื้นทันที เสียงดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และเพียงไม่ถึงครึ่งนาที ทั้งสิบสองคนก็ลงไปนอนแน่นิ่งกองอยู่กับพื้น
“สนุกมากจริงๆ!”
หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับยกขวดเหล้าเหมาไถที่เหลืออีกครึ่งขวดดื่มจนหมดจากนั้นจึงชี้ไปทางผู้ที่เป็นหัวหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ถึงคราวของเจ้าแล้วสินะ!”