ตอนที่ 515 เราอยากได้เจ้า เจ้าให้หรือไม่ / ตอนที่ 516 ไม่กล้าเอาของประทานจากฝ่าบาท

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 515 เราอยากได้เจ้า เจ้าให้หรือไม่

 

 

ฮ่องเต้อุตส่าห์รอได้โอกาสเช่นวันนี้ที่จะได้พูดเรื่องในใจให้นางฟัง ด้วยความรีบร้อน อยากจะพัฒนากับนางไปอีกขั้น พระหัตถ์ก็เริ่มอยู่ไม่สุข “เว่ยหมิ่น เรารอเจ้ามานานเช่นนี้ และก็รักเจ้ามานานเช่นนี้ เจ้าถามใจตัวเอง หลายปีที่ผ่านมานี้ เราปฏิบัติกับเจ้าเช่นไร ในใจเจ้าไม่นึกถึงเราแม้แต่น้อยเลยหรือ”

 

 

แรงกายของผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิงมาก เว่ยหมิ่นถูกฮ่องเต้จับข้อมือไว้แล้วกระชากเข้าไปในอ้อมกอด เสียงหัวใจเต้นเหมือนดั่งกลองที่ลั่นอยู่ในสงครามอยู่ข้างหู “เรารักเจ้า บนโลกนี้ ไม่มีใครรักเจ้ามากยิ่งกว่าเราอีกแล้ว เจ้าจะให้โอกาสเราสักครั้งไม่ได้เลยหรือ เราจะดีกับเจ้าอย่างแน่นอน”

 

 

เว่ยหมิ่นดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์ “ฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทมีมารยาทหน่อย ปล่อยข้า!”

 

 

“มีมารยาทรึ” พระองค์ได้ยินแล้วเหมือนดั่งได้ยินเรื่องขบขันเช่นนั้น กอดแน่นขึ้นไปอีก “เรามีมารยาทมานานหลายปีเช่นนี้แล้ว เมื่อก่อนเราขอเจ้ากับไทเฮา ไทเฮาก็มักมีเหตุผลร้อยแปดพันอย่างมาปฏิเสธเรา ตอนนี้อุตส่าห์ได้รั้งเจ้าไว้อยู่ข้างกายแล้ว จะให้ปล่อยได้อย่างไรหรือ เว่ยหมิ่น เราคิดถึงเจ้า เราอยากได้เจ้า เราถามเจ้าเพียงประโยคเดียว เจ้าจะให้หรือไม่”

 

 

เว่ยหมิ่นจะดิ้นสู้ได้อย่างไร พอดิ้นไม่ออกก็ได้แต่ปล่อยให้พระองค์กอดเอาไว้ ได้ยินก็หัวเราะอย่างเย็นชา ความแค้นในใจปะทุขึ้นมา “ฝ่าบาทจะให้ข้าให้ได้อย่างไร เหลียงอู๋เย่ว์ยังเป็นสามีของข้า อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งแท้งลูกไปไม่นาน ฝ่าบาทไม่ทราบหรือ ทุกคืนที่ข้าฝันก็ยังฝันถึงลูก เขาหลบอยู่มุมมืดในหัวใจ ถามข้าว่าทำไมถึงไม่เอาเขา เขาบอกว่าเขาแค้นข้า ข้าที่เป็นแม่นั้นไม่ได้ปกป้องเขาดีๆ ทำให้เขายังไม่เกิดมาก็ต้องกลับไปที่นรกอีกแล้ว ข้าคิดอยู่ทุกคืน คนที่ทำร้ายข้าคนนั้น ในใจเขาไม่รู้สึกผิดเลยหรือ ทุกคืนเข้านอนไม่หวาดกลัวบ้างเลยหรือ ฝ่าบาท พระองค์ตรัสอย่างไรบ้าง พระองค์ว่าเขาจะฝันร้ายหรือไม่ จะกลัวหรือไม่”

 

 

ฮ่องเต้ไปเยี่ยมนางทุกวัน ทอดพระเนตรเห็นว่านางดีขึ้นทุกๆ วัน ตอนแรกยังคิดว่านางปล่อยวางลงแล้ว เพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ยังไม่เกิดเท่านั้น จะมีความสำคัญอะไรในใจนางได้ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางยังจำได้อยู่ จำได้อยู่ตลอด เก็บซ่อนไว้อยู่ในใจ ไม่เคยลืมเลย

 

 

ด้วยความละอายใจ… พระองค์ลูบหลังนางเบาๆ ตรัสปลอบว่า “เจ้าวางใจได้ เราจะต้องหาคนร้ายที่ทำให้ลูกเจ้าตายออกมาให้ได้”

 

 

หาคนร้าย? ให้พระองค์หาคนร้าย เกรงว่าชาตินี้ก็หาคนร้ายไม่เจอ เว่ยหมิ่นแค้นจนกัดฟัน มือกำแขนฉลองพระองค์แน่น นางกำจนยับแล้วผลักพระองค์ออก “ฝ่าบาทมีราชกิจมากมาย รอให้ฝ่าบาทหาคนร้าย เกรงว่าจนข้าตายก็ยังไม่สามารถหาเจอได้”

 

 

ฮ่องเต้ปล่อยนาง พระพักตร์บึ้งตึง ตรัสว่า “พูดจาเหลวไหล อะไรตายไม่ตาย หากข้าไม่ยอมรับ ยมบาลก็ไม่อาจพาเจ้าไปได้!”

 

 

พระองค์เป็นถึงฮ่องเต้ ผู้เป็นใหญ่ใต้ฟ้านี้ พระองค์เชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างบนโลกนี้ สิ่งที่พระองค์อยากได้ก็จะต้องได้มา ใครจะแย่งไปไม่ได้

 

 

เว่ยหมิ่นถือแก้วชาขึ้นมาจิบเบาๆ มุมปากที่เชิดอยู่คลายลง นางคร้านที่จะเถียงกับพระองค์แล้ว “ฮ่องเต้ตรัสเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น”

 

 

ขบวนเสด็จค่อยๆ เดินทาง เดินไปทางไปครึ่งวัน เพิ่งออกจากวัง เว่ยหมิ่นพักผ่อนที่เบาะนุ่ม ระหว่างทางฮ่องเต้ลงไปครั้งหนึ่ง นางกำนัลเข้ามาปรนนิบัตินาง ตอนแรกคิดว่านางหลับแล้ว พอเข้ามากลับเห็นนางลืมตาอยู่ จึงประหลาดใจ “ท่านหญิง ท่านตื่นอยู่หรือ”

 

 

นางตอบอืมเบาๆ พยุงตัวขึ้นมา “ฝ่าบาทล่ะ”

 

 

“ฝ่าบาทอยู่บนรถม้าที่อยู่ด้านหลัง ในวังยังมีราชกิจกรมทหารที่ต้องให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง ฝ่าบาทอยู่ข้างหลังจัดการราชกิจอยู่!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 516 ไม่กล้าเอาของประทานจากฝ่าบาท

 

 

เว่ยหมิ่นชี้ไปที่กล่องเล็กๆ บนโต๊ะตรงหน้า พูดกับนางว่า “เจ้าไปเอามาให้ข้าเสียหน่อย”

 

 

กล่องนั้นประณีตมาก เป็นไม้สัก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ใส่อยู่ข้างในนั้นเป็นเครื่องประดับของนาง นางกำนัลอุ้มกล่องมาวางไว้ตรงหน้านาง คิดว่านางจะเลือกเครื่องประดับก็เลยปากหวานขึ้นมา “ท่านหญิงงดงามเช่นนี้ สวมอะไรก็ดูดีเสียหมด”

 

 

เว่ยหมิ่นเหลือบมองนาง ยิ้มแล้วพูดว่า “ปากหวานเช่นนี้หรือ” นางหยิบกำไลหยกอันหนึ่งให้นาง “วันนี้ข้าอารมณ์ดี ให้เจ้าไป”

 

 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ฮ่องเต้ประทานให้นาง แก้วแหวนเงินทอง หากเป็นเมื่อก่อน นางชอบแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้… ต้องแยกคน ฮ่องเต้ประทานให้นาง นางไม่ชอบ วางเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ เช่นนั้นแล้วก็ยกให้คนอื่นเสีย อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง

 

 

นางกำนัลน้อยไม่กล้ารับ กำไลนี้มีมูลค่ามากเกินไป และก็เป็นฮ่องเต้ที่ประทานให้กับท่านหญิงด้วยพระหัตถ์เอง หากกลับไปทอดพระเนตรว่าของที่พระองค์ทรงประทานอยู่ที่นาง จะไม่ฆ่านางหรือ นางรีบถอยหลัง คุกเข่าลงด้วยความหวาดระแวง “ท่านหญิงโปรดอภัย บ่าวเสียมารยาท บ่าวไม่ได้มีใจที่จะขอรางวัลกับท่านหญิง ท่านหญิงโปรดอภัย!”

 

 

เว่ยหมิ่นไม่รู้ว่าทำให้นางตกใจเสียได้อย่างไร นางเก็บกำไลกลับมา เรียกนางลุกขึ้น “รีบลุกขึ้นเร็ว ข้าพูดว่าจะลงโทษเจ้าเสียเมื่อใดหรือ เจ้าพูดจาเช่นนี้ คือจะบอกเป็นนัยว่าข้าเป็นคนใจเ**้ยมหรือ”

 

 

“บ่าวมิบังอาจ บ่าวมิบังอาจ ท่านหญิงโปรดอภัย บ่าวไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น เพียงแต่กำไลนี้… เป็นกำไลที่ฝ่าบาทประทานให้ท่านหญิง ต่อให้บ่าวมีสิบศีรษะก็ไม่กล้าเอาของที่ฝ่าบาทประทานให้! บ่าวไม่มีความคิดที่จะเสียมารยาทกับท่านหญิงเลย”

 

 

ตอนแรกนางก็ไม่ได้มีใจที่จะกล่าวโทษนาง เพียงแค่หลอกนางเล่นเท่านั้น ใครจะนึกว่านางคิดเป็นจริงเสียไปได้ คุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น ร้องจนนางหมดอารมณ์ จึงได้แต่ล้มเลิก “พอได้แล้วๆ เจ้าไม่เอา ข้าไม่ให้เป็นพอ ปิ่นปักผมหยกที่ข้าให้เจ้าใส่ไว้อันนั้นล่ะ หาออกมาแล้วเปลี่ยนให้ข้า”

 

 

นางกำนัลน้อยเช็ดน้ำตา คุกเข่าเดินไป หาอยู่ในกล่อมอยู่พักหนึ่ง ก็ส่งปิ่นปักผมหยกไปให้ “ท่านหญิง ปิ่นปักผมนี้ไม่ได้งามกว่าที่อยู่บนศีรษะของท่านเลย ไฉนถึงจะเปลี่ยนลงมาหรือ”

 

 

เว่ยหมิ่นแกล้งทำหน้าดุหลอกนาง “ข้าทำสิ่งใดไยต้องให้เจ้ามาบอกหรือ หุบปากไว้ดีๆ หากพูดมากอีก ระวังข้าจะเย็บปากเจ้า!”

 

 

นางกำนัลน้อยหุบปากอย่างรู้ตัว นาวเปลี่ยนปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะของนางนั้นลงมา เสียบอันนี้ที่ไม่สะดุดตาเอาเสียเลย จากนั้นก็เอาปิ่นที่เปลี่ยนลงมานั้นเก็บไว้ในกล่อง วางกล่องกลับไปที่โต๊ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง

 

 

นางเก็บกวาดเสร็จแล้วก็พิงที่เบาะ ระหว่างที่เหม่อลอยนั้นก็จำได้ว่าก่อนออกจากวัง ฮ่องเต้ได้ส่งของขวัญให้ใครบางคน ตอนนี้นึกขึ้นแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เห็นว่าเด็กคนนี้ฉลาดจึงถามว่า “วันก่อนฮ่องเต้ประทานของขวัญให้ใครหรือ”

 

 

นางกำนัลน้อยตอบ “ตอบท่านหญิง ประทานให้จวนท่านอ๋องกู้หลุน ท่านอ๋องได้ซื่อจื่อ เหล่าขุนนางทั้งหลายล้วนไปเยี่ยมเยียนแล้ว”

 

 

เฉินยาง? เว่ยหมิ่นสงสัย “ข้าจำได้ว่าพระชายาไม่ใช่ว่าต้องรอถึงปีถัดไปอีกสองหรือสามเดือนถึงจะคลอดหรือ ไฉนถึงได้คลอดเสียแล้ว”

 

 

“ได้ยินว่าคลอดก่อนกำหนด เด็กอยู่ในท้องอยู่นาน คลอดอยู่คืนหนึ่งเต็มๆ ถึงคลอดออกมาได้ นางก็เกือบจะสิ้นชีพ ยังดีที่มีท่านอ๋องอยู่ข้างกาย สุดท้ายแม่ลูกก็ปลอดภัย”

 

 

เว่ยหมิ่นโล่งใจ พูดพึมพำว่า “ยังดีที่แม่ลูกปลอดภัย” และนางก็นึกถึงตัวเอง ในใจอดเศร้าขึ้นมาไม่ได้ หากลูกของนางยังอยู่ ถึงเวลาคลอดนั้น เหลียงอู๋เย่ว์ก็น่าจะอยู่ข้างกาย คลอดเป็นเพื่อนนางกระมัง! เพียงแต่น่าเสียดาย วันนั้นช่างห่างไกลกับนางเสียเหลือเกิน