บทที่ 1660 – การล่อลวงที่น่าฟัง
ความก้าวหน้าของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา
อันที่จริงแล้วคำพูดทั้งหมดของชิงสุ่ยเป็นเพียงการกล่าวให้ดูเป็นทางการ เขายิ้ม “มั่นใจได้ พวกเขายินดีที่จะก่อตั้งพันธมิตรด้วย”
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายิ้มเยาะและกล่าว “ข้ามีนามว่า หลัว ชิงเฉิง”
ในที่สุดชิงสุ่ยก็รู้จักชื่อองเธอ เขาไม่เคยรู้ชื่อจริงของเธอมาก่อน อย่างน้อยการที่หญิงคนหนึ่งบอกชื่อของเธอ นั่นหมายความว่าเธอมองอีกฝ่ายเป็นมิตร มิฉะนั้นเธอจะไม่มีทางบอกชื่อ
“งั้นนามแฝงก็คงเป็น หญิงผู้มีหน้าตาอันงดงาม” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
ชิงสุ่ยไม่ได้ตั้งใจยั่วยุเธอ เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงเธอได้เพราะเธอชอบเขา
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายิ้ม“นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าชมว่าข้างดงาม ข้างดงามจริงหรือ?”
“ข้าจำไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าชมเจ้า แต่ข้าไม่ได้โกหก ไปกันเถอะ วันนี้ข้าจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วพรุ่งนี้เจ้าจะต้องบรรลุแน่นอน” แม้ชิงสุ่ยจะชื่นชมเธอ เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปพัวพันอะไรมากนัก
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยามีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ เธอมีส่วนโค้งเว้าที่น่าดึงดูดและยั่วยวนใจ โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าอก เอว และส่วนล่าง
นี่คือสิ่งที่เห็นขณะที่ยังสวมใส่เสื้อผ้า ต่อหน้าชิงสุ่ย หน้าอกของเธอนั้นอัดแน่นและดูโดดเด่น
ชิงสุ่ยพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมตัวเอง แต่มันก็ไม่อาจบังคับสายตาของเขาที่ซุกซนไปมา ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายื่นมือออกไปและกวักเรียกชิงสุ่ย “ถ้าเจ้าสนุกกับการจ้องมองข้ามากนัก ทำไมเจ้าไม่ถอดเสื้อผ้าข้าเลยหล่ะ?”
ชิงสุ่ยส่ายหัวทันที “ไร้เหตุผล นี่มันก็แค่ความใคร่ตามปกติของมนุษย์ อย่าได้ยั่วยวนข้า”
เมื่อมองดูใบหน้าที่ขึงขังของชิงสุ่ย แต่เห็นว่าสายตาของเขาจดจ่ออยู่กับหน้าอกของเธอ มันทำให้เธอกลั่นหัวเราะไว้ไม่ได้ เธอไม่รู้สึกไม่พอใจกับการจ้องมองของชิงสุ่ย อาจเป็นเพราะเธอชอบเขา เธอไม่พบข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้
แม้ว่าประมุขแห่งพระราชวังสุริยาจะพูดอย่างนั้น ใบหน้าของเธอก็ยังคงแดงก่าเล็กน้อย มันเป็นเพียงความเป็นอายเมื่ออยู่ต่อหน้าชิงสุ่ย
“ข้าจะรอเจ้าจนกระทั่งแก่ชรา” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยากระซิบบอก
ชิงสุ่ยยิ้มอย่างหมดหนทาง เขาไม่ได้แสร้งทำ เขาเพียงแค่ไม่ต้องการแบกรับภาระอีกต่อไป การรักใครสักคนต้องมีความผิดชอบ เขาใช้เวลาไปกับเรื่องพวกนี้มากเกินไป ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับมู่หยุนชิงเฉิง ประมุขแห่งพระราชวังสุริยา และเสวียนัว
ผู้ชายย่อมชอบหญิงที่งดงาม แต่การชื่นชอบไม่ใช่ความรัก มันง่ายสำหรับชิงสุ่ยหากทำตัวเป็นผู้ชายที่แสวงหาผลประโยชน์แล้วจากไป แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ข้ามักจะคิดอยู่เสมอว่าควรรักใครเพียงคนเดียว ตอนนี้ข้ารู้สึกเสียใจที่ผิดต่อพวกนาง”
“แม้ว่าข้าจะไม่เคยมีประสบการณ์กับความรัก อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าความรักนั้นไม่มีเงื่อนไข มันไม่มีอะไรต้องเสียใจ” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยามองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้ม
“เอาหล่ะ ปล่อยเรื่องความรักไปเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นฟูร่างกายก่อน”
ชิงสุ่ยทำการฝังเข็มให้กับประมุขแห่งพระราชวังสุริยา ตลอดการลงมือทำ มันไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล
สารพิษถูกขับออกมาจากร่างของประมุขแห่งพระราชวังสุริยา เธอรู้สึกเขินอายขณะมองดูของเหลวสีดำหยดออกมาจากนิ้วมือ
ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอรู้สึกเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ เนื่องจากมันขับสารพิษออกมาพร้อมกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เขายิ้ม “หากดูจะเห็นได้ว่าสารพิษที่ขับออกมานั้นน้อยมาก นี่นับว่าร่างกายของเจ้าดีเลยทีเดียว”
มีหยดน้ำมากกว่าสิบหยด แต่ละหยดมีกลิ่นที่ค่อนข้างรุนแรง
ชิงสุ่ยน้าชามขนาดเล็กออกมา ในตอนนี้ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายังคงมีเข็มฝั่งอยู่บนร่างของเธอ เธอเปิดปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เธอเพียงแค่มองด้วยสายตาที่อ่อนโยน
หลังจากที่ชิงสุ่ยดึงเข็มออก เขาครุ่นคิด หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้ โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มขึ้น
เมื่อทำให้มู่หยุนชิงเฉิงและอเย่เพี้ยนเก้อบรรลุระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกไม่นานประมุขแห่งพระราชวังสุริยาก็จะเป็นเช่นพวกเธอ
ชิงสุ่ยมีความมั่นใจในตัวประมุขแห่งพระราชวังสุริยา มู่หยุนชิงเฉิงเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ทั้งคู่มีร่างกายที่คล้ายคลึงกัน
ในวันถัดมา ชิงสุ่ยเริ่มกระตุ้นสายเลือดของประมุขแห่งพระราชวังสุริยาทันที ตามตำนาน เผ่าเงือกมีสายเลือดแห่งเงือกเทวะไหลเวียนอยู่ มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอน การกระตุ้นพลัง การก่อตัว และนำไปสู่ทัณฑ์สวรรค์พินาศ
เมื่อมองดูทัณฑ์สวรรค์พินาศที่จบลง ชิงสุ่ยคิดว่าประมุขแห่งพระราชวังสุริยานั้นอดทนได้พอๆกับมู่หยุนชิงเฉิง แต่สำหรับอีเยเจี้ยนเก้อมันเป็นเรื่องที่ต่างออกไป
ก่อนที่จะบรรลุ ประมุขแห่งพระราชวังสุริยานั้นแข็งแกร่งที่สุด หลังจากผ่านพ้นทัณฑ์สวรรค์พินาศอเย่เจี้ยน เก้อกลับเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเธอ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการสายเลือดที่สืบทอดมาสายเลือดแห่งเผ่านาคาเล้นรับและเงือกนั้นเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเผ่านาคาเร้นลับแข็งแกร่งกว่าในด้านของพลัง ส่วนเงือกจะมีจุดเด่นในการล่อลวงอีกฝ่าย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นสำหรับประมุขแห่งพระราชวังสุริยา ที่นี่มีเพียงชิงสุ่ยและประมุขแห่งพระราชวังสุรียา เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความสงบ ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาก็แสดงท่าที่อันมีความสุขออกมาและโผเข้ากอดชิงสุ่ย
“ข้าแค่อยากกอดเจ้าเท่านั้น อย่าปฏิเสธข้าเลย ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่กวนใจเจ้า ปล่อยให้ข้ากอดเจ้าเถอะ”
ชิงสุ่ยเข้าใจความรู้สึกที่ลึกซึ้งนี้ แม้เขาอยากจะขัดขึ้น แต่ความรู้สึกที่อ่อนโยนและความเห็นใจก็ผุดขึ้นมา
ชิงสุ่ยโอบกอดเธอและรู้สึกถึงแรงกดที่หน้าอกของเขา เสื้อผ้าบางๆที่เธอสวมใส่ทำให้ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงผิวที่เรียบเนียนอย่างชัดเจน ส่วนโค้งเว้าที่ขยับไปมานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะบางจุดในร่างกายเขา
ก่อนหน้านี้เพื่อความง่ายต่อการฝังเข็ม ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาใส่เพียงเสื้อตัวบางๆ เสื้อผ้าอันบางเบาที่ไม่มีสิ่งใดซ้อนทับไว้ข้างใน ส่วนสูงของพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันนัก และนั่นทำไปสู่การกดทับของจุดที่อ่อนไหว
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาตัวสั้น เสียงที่ไร้ซึ่งการควบคุมถูกเปล่งออกมา มันทำให้เลือดลมของชิงสุ่ยสูบฉีด ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดใจมากและกล่าว “มันเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ตามธรรมชาติ ถ้าหากเจ้าไม่แสดงอาการตอบรับจากมัน ข้าก็คงจะต้องไปหาหมอ”
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยและขยับตัวออกห่างอย่างช้าๆ “ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ชิงสุ่ยถูจมูกและส่ายหัวอย่างหมดหนทาง ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมผู้ชายบางคนถึงมีผู้หญิงหลายคนในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ขณะที่คนอื่นไม่สามารถแม้แต่จะมีหญิงข้างกายถึงจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาออกมาโดยส่วมชุดคลุมยาว เธอแต่งตัวได้สง่างามและดูเป็นผู้ใหญ่
พลังเทวะแห่งเต๋ของประมุขแห่งพระราชวังสุริยาต่ำกว่า 1,000 แต่ก็สูงกว่ามู่หยุนชิงเฉิงเล็กน้อย ชิงสุ่ยค้นพบความสามารถอื่นของเธอนอกเหนือจากเต๋เทวะและจิตวิญญาณขั้นแรกเริ่ม
การล่อลวง!
ความสามารถในการล่อลวงของเธอนั้นคล้ายกับมู่หยุนชิงเฉิง แต่จุดแข็งของเธอคือการเบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้
ในการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต มันอาจเป็นอันตรายถึงตายหากเกิดความไขว้เขว ความสามารถของประมุขแห่งพระราชวังสุริยาอย่างเต๋เทวะและจิตวิญญาณขั้นแรกเริ่มก็นับว่าน่ากลัวและพวกมันสามารถยกระดับได้
จริงๆ รู้สึกได้ว่าทั้งคู่
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าทั้งสองความสามารถนั้นยกระดับขึ้นได้อีก แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น
หลังจากที่ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาปรากฏตัว กลิ่นอายจางๆอันน่าหลงใหลยิ่งกว่าเมื่อก่อนก็แผ่ออกมามันให้ความรู้สึกของการล่อลวงที่น่าฟัง ประมุขแห่งพระราชวังสุริยารู้ถึงความสามารถของเธอดี
“รู้สึกอย่างไรบ้างหญิงสาวผู้งดงาม? เจ้ามีความสุขไหม” ชิงสุ่ยมองเธอด้วยรอยยิ้ม
ชายและหญิงที่ดูดีมักมีความมั่นใจ สำหรับผู้ชายที่มีความสามารถ ต่อให้เขาหน้าตาไม่ดี เขาก็ยังมีความมั่นใจ แต่กับผู้หญิงที่อัปลักษณ์ แม้เธอจะเป็นคนมีความสามารถ เธอก็จะไม่รู้สึกพอใจ
“ความงดงามช่างไร้ประโยชน์ เจ้าไม่ได้รักข้า” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายิ้มเยาะและมองดูชิงสุ่ยอย่างสงบสุข
สำหรับการฉลอง ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาเป็นคนลงมือทำอาหารเอง เธอเรียนรู้การทำอาหารโดยมีชิงสู่ยคอยส่งเครื่องเทศบางส่วนให้ เมื่อทำอาหารเสร็จ เธอแทบไม่เชื่อว่ามันจะอร่อย แต่แล้วเธอก็รู้ว่ามันต้องเป็นเพราะเครื่องเทศ
ซึ่งส่ยมอบถุงแพรมิติให้เธอ ภายในมีสิ่งของต่างๆเช่น สุรา เครื่องเทศ และยารักษาบางส่วน
“เจ้าปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะตามติดเจ้าหรือ?” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายิ้มกับชิงสุ่ย
“เจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้น” ชิงสุ่ยยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่คอยตามติดแจ
เธอเป็นผู้หญิงที่น่าภาคภูมิและสูงส่ง เธอสารภาพความรู้สึกที่มีออกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงได้ทำสิ่งที่สมควรทำแล้ว
ชิงสุ่ยเปิดจอกสุราที่เขาเป็นคนทำ
“สุราย่อมคู่กับนารี นี่มันช่างแสนวิเศษ ดื่ม!” ชิงสุ่ยถือจอกสุราไว้ในมือและยิ้ม
ประมุขแห่งพระราชวังสุริยาหัวเราะอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจยังมีใครบางคนบนโลกนี้ที่ใส่ใจเธอและช่วยเหลือเธอโดยไม่หวังอะไรอยู่
สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของตัวเธอก็คือร่างกาย เธอเต็มใจมอบมันให้เขา แต่เขากลับไม่ต้องการ แม้จะรู้สึกเสียใจแต่ชิงสุ่ยก็ยังชื่นชอบความงดงามของเธอ เธอรู้สึกยินดีที่ได้รับคำชมเฉยจากชายที่เธอชอบ
“ขอบคุณ!” ประมุขแห่งพระราชวังสุริยายิ้มและยกจอกสุราของเธอขึ้น