บทที่ 493 ผู้วิเศษ

เมื่อเห็นว่านิก้าครุ่นคิดอย่างหนักแต่ยังคงไม่พบเบาะแสเลยสักนิด ลูเซียนจึงรีบตัดบท “มันคือพลังของผืนดิน เราเรียกมันว่าแรงโน้มถ่วง”

“พลังของผืนดินงั้นหรือ” นิก้ายังคงมึนงงอย่างยิ่ง บนโลกนี้ที่ทุกสรรพสิ่งยังเป็นเพียงโครงร่างพื้นฐาน แม้แต่แนวคิดเกี่ยวกับธาตุหลักทั้งสี่อย่างดิน ไฟ ลม และน้ำจึงยังมิมีผู้ใดนำเสนอ

ลูเซียนพยักหน้า “พลังของผืนดินดึงดูดเราให้ติดอยู่กับมัน และรั้งดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ให้หมุนรอบไป เหล่านกน้อยต้องคอยกระพือปีกเพื่อต้านพลังนั้นและโผบินไปอย่างเป็นอิสระ…”

ขณะพูด ลูเซียนก็ร่ายคาถา ‘เวทแรงโน้มถ่วงปั่นป่วน’ ทำให้อุปกรณ์เครื่องมือบนโต๊ะปฏิบัติการณ์ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วร่วงลงมาในทันที

นิก้าโยนหัวใจของสัตว์ประหลาดสักตัวขึ้นไปในอากาศแล้วเฝ้ามองมันร่วงหล่นลงไปที่พื้น หลังจากเกิดเสียงเผละของก้อนเนื้อยามกระทบพื้น นิก้าก็ทวนคำกับตนเอง “พลังของผืนดิน…”

ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ท่านเป็น… เป็นผู้รอบรู้เช่นกันหรือขอรับ”

เสียงของเด็กชายดึงนิก้าออกจากภวังค์ความคิดของตน แล้วเขาก็จดจ้องลูเซียนด้วยความกระตือรือร้น “ท่านช่วยอธิบายรายละเอียดให้ข้าฟังได้หรือไม่ รวมถึงวิธีการแบ่งแยกลวดลาย…”

“เรากำลังรีบ ข้าจะทิ้งตำราไว้ให้เจ้าในภายหลัง” ลูเซียนตอบ พลางชี้ไปทางแขนซ้ายนาตาชาที่ได้รับบาดเจ็บ “ท่านนิก้ารู้จักดอกไม้สีแดงเลือดที่สามารถจับสัตว์ตัวเล็กๆ ได้หรือไม่”

ด้วยไม่รู้ว่าคนในดินแดนนี้เรียก ‘ตระกูลโลหิต’ ว่าอย่างไร ลูเซียนจึงสาธยายรูปลักษณ์ให้นิก้าฟังแทน

นิก้าอึ้งงันไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “ท่านกำลังพูดถึงดอกโกรนินหรือไม่ อากิ ไปนำมาให้สุภาพบุรุษท่านนี้หนึ่งดอกสิ”

เด็กชายนามอากิรีบเดินไปยังห้องเก็บของข้างๆ กันนั้น

ในที่สุดนิก้าก็สังเกตเห็นว่าแขกทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บ เขาจึงสงบจิตใจลงเล็กน้อยแล้วถามว่า “ท่านมาที่นี่เพื่อรับการรักษาหรือ”

“เปล่า ข้ารู้เวทมนตร์” ลูเซียนส่ายศีรษะ “ข้าเพียงแต่ต้องการดอกไม้นั้นเพื่อปรุงน้ำยาน่ะ”

“เวทมนตร์?” นั่นคือคำใหม่อีกคำสำหรับนิก้า

ลูเซียนเชยคางขึ้นเล็กน้อยแล้วแย้มยิ้ม “นั่นคือคำเรียกพลังที่เจ้ามี”

นิก้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ในสายตาเขา แขกผู้มาเยือนนั้นเปี่ยมล้นด้วยปริศนาเหนือคำบรรยาย

นาตาชาที่รู้สึกเหนื่อยอ่อนจากบาดแผลทำเพียงยืนยิ้มฟังบทสนทนาของทั้งสอง

ในตอนนั้นเอง อากิก็กลับมาพร้อมดอกไม้สีแดงดอกใหญ่ในมือ ลูเซียนเห็นดอกไม้ก็รับมาจากอากิ ก่อนจะหันกลับมาทางนิก้า “นี่คือดอกไม้ที่ข้ากำลังตามหาอยู่ ท่านนิก้า ข้าขอยืมห้องว่างๆ สักห้องได้หรือไม่”

ในฐานะนักเวท ลูเซียนมักพกกระท่อมแปรธาตุติดตัวมาด้วย

นิก้าไม่เก่งเรื่องการเข้าสังคม พอเขาได้ยินคำพูดของลูเซียน เขาก็รับพยักหน้า ลืมเลือนไปเลยว่าดอกไม้นั้นเป็นของเขา “อากิ ไปหาห้องว่างให้ท่านทั้งสองที”

ลูเซียนทาบมือขวาไว้บนอกแล้วโค้งตัวเล็กน้อย “เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้ามีของขวัญจะมอบให้ ช่วยนำม้วนกระดาษหนังหรือปาปิรุสมาให้ข้าเยอะๆ หน่อยสิขอรับ”

นิก้าส่ายศีรษะ “ท่านคือแขกของข้า ข้าก็ควรจะช่วยท่าน ข้าไม่ต้องการของขวัญใดๆ แต่ภายหลังเราสามารถถกกัน…”

“ของขวัญคือตำราเกี่ยวกับเวทมนตร์” ลูเซียนตัดบทเขา

สีหน้านิก้าพลันเปลี่ยนวูบ

“อากิ ไปหยิบกระดาษหนังทั้งหมดของข้ามาที่นี่ที!”

“ฮ่าๆ ลูเซียน นักเวทอย่างพวกเจ้านี่บางครั้งก็ตรงไปตรงมากันเสียจริง ในแบบน่ารักๆ น่ะนะ” นาตาชาออกความเห็นอย่างขบขันผ่านทางกระแสจิต “เหมือนอย่างที่เจ้ายังไม่เคยจูบสตรีนางใดเพราะมัวแต่ใช้เวลาอยู่ในห้องทดลองไงเล่า ฮ่าๆ!”

เมื่อเห็นว่าอาจารย์ตนตื่นเต้นดีใจถึงเพียงนั้น แม้ว่าอากิจะไม่เข้าใจว่าเวทมนตร์คืออะไร เขาก็ยังตื่นเต้นตามไปด้วย เขาพุ่งเข้าไปในห้องทำงานก่อนจะกลับมาพร้อมกระดาษหนังปึกใหญ่ที่แทบจะสูงกว่าตัวเขา

“เอาตั้งแต่ ‘พื้นฐานเวทมนตร์และการสร้างแบบจำลอง’ ‘ตำราว่าด้วยความสำคัญของการจำลอง’ ‘พื้นฐานเรขาคณิตเวทมนตร์’ ‘สมการธาตุเบื้องหลังสูตรเวทมนตร์’ ‘ธาตุพื้นฐาน’ ‘วิธีเข้าฌานระดับต่ำ’ ‘การเล่นแร่แปรธาตุพื้นฐาน’…” ลูเซียนร่ายยาวถึงชื่อตำรา

ทุกครั้งที่ลูเซียนคัดลอกตำราเสร็จเล่มหนึ่ง นิก้าจะอ่านชื่อออกมา ดวงตาของเขาทอประกายด้วยความตื่นเต้นราวกับดวงดาวบนท้องนภายามราตรี ร่างกายเขาสั่นเทาเล็กน้อย นิก้าลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ที่นอกเหนือจากชื่อของตำรา

ลูเซียนคัดลอกตำราขั้นพื้นฐานมาจากห้องสมุดห้วงจิตและแปลมันเป็นภาษาบาบูเรียน เขาบอกกับนิก้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หลังจากที่เจ้าอ่านตำราทั้งหมดนี้จบ เจ้าจะสามารถจัดการและทำให้องค์ความรู้ของเจ้าเข้าใจได้ง่ายขึ้นและยิ่งมีความเข้าใจลึกล้ำ”

ลูเซียนกำลังจะชักนำนิก้าไปยังสภาเวทมนตร์ อย่างไรเสีย นิก้าก็เป็นอัจฉริยะบุคคลมากสามารถผู้หนึ่ง

“ขอบคุณ ขอบพระคุณขอรับ!” นิก้าพูดแต่คำเดิมซ้ำๆ เพียงอ่านชื่อตำรา เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันทรงคุณค่ามากเพียงใด จากนั้นนิก้าก็ถามลูเซียนด้วยท่าทางขัดเขินเล็กน้อย “แล้วเรื่องเกี่ยวกับพลังของผืนดินที่ท่านพูดถึงเมื่อครู่นี้เล่าขอรับ”

ลูเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่ากระดาษหนังยังเหลืออีกมาก เขาจึงทาบมือกลับไปบนกองกระดาษแล้วคัดลอกตำราออกมาอีกสามเล่มให้นิก้า

“ทั้งสามเล่มนี้… เล่มหนึ่งพูดถึงทฤษฎีแรงโน้มถ่วงและมีเครื่องมือในการคำนวณที่ดีกว่า อีกเล่มเป็นหลักการดั้งเดิมของวิทยาแม่เหล็กไฟฟ้า และเล่มสุดท้ายเป็นระบบทางทฤษฎีของเวทธาตุและการเล่นแร่แปรธาตุแบบใหม่ล่าสุด แม้ว่าเจ้าอาจไม่เข้าใจพวกมันได้ในเวลาสั้นๆ แต่การอ่านพวกมันก็จะช่วยให้เจ้าสร้างระบบความรู้ได้จากมุมมองที่สูงกว่า โครงสร้างทางทฤษฎีของเจ้าจะได้ครบถ้วนสมบูรณ์กว่า”

“‘หลักคณิตศาสตร์ในปรัชญาแห่งเวทมนตร์’ ‘วิทยาแม่เหล็กไฟฟ้า’ ‘การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’…” นิก้าไม่อาจถอนสายตาจากตำราทั้งสามเล่มได้เลย

อากิเหม่อมองกองตำราบนโต๊ะ ก่อนจะถามด้วยความตื่นเต้นระคนสับสนมึนงง “พวกมันคืออะไรหรือขอรับท่าน”

ก่อนที่ลูเซียนกับนาตาชาจะไปยังห้องพัก ลูเซียนก็ถามว่า “ท่านนิก้ามีก้อนแร่โลหะที่หน้าตาเหมือนคริสตัลอยู่ที่นี่หรือไม่”

ลูเซียนนึกหวังว่าเขาจะสามารถซ่อมแซมแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มได้ เพื่อที่เขาจะพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังไล่ตามพวกเขามามากกว่านี้

“ข้ามี! ท่านอยากได้เท่าไหร่เชิญหยิบได้เลย!” นิก้าที่เริ่มอ่านตำราแล้วเอ่ยอย่างไม่ลังเล

ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำทางตะวันตก ภายในปราสาทจึงมืดขึ้นเรื่อยๆ

ประตูห้องพักสำหรับแขกเปิดแง้มออก ลูเซียนกับนาตาชาเดินออกมาพร้อมพลังเต็มเปี่ยม

“มือซ้ายของเจ้าทำตัวดีจริงๆ ตลอดบ่ายวันนี้ ข้าหวังว่าอีกหกวันที่เหลือจะเป็นเช่นเดียวกันนี้นะ” นาตาชาเย้าหยอก

ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ลูเซียนได้ปรุงน้ำยาเวทมนตร์ที่ชื่อ ‘ดวงใจสุริยันต์’ ขึ้นมา ลบพิษคำสาปออกจากร่างกายทั้งสอง ซ่อมแหวนมงกุฎแห่งโฮล์ม และซ่อมเกราะของนาตาชาที่ชื่อ ‘ผู้พิทักษ์ไวโอเล็ต’ ได้ส่วนหนึ่ง

ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลมมักสงบก่อนพายุจะมา”

“ไม่ต้องห่วง ข้าตื่นตัวระวังภัยอย่างเต็มที่” นาตาชาดึงดาบยุติธรรมจืดจางออกมาแสดงให้เห็นว่าตนฟื้นฟูกำลังกลับมาอย่างเต็มที่แล้ว

ในตอนนั้นเอง นิก้าก็ผลักประตูเปิดแล้วพุ่งตัวออกมา เขาเอ่ยกับลูเซียนด้วยท่าทางเหนื่อยล้าแต่ตื่นเต้นขณะถือหนังสือในมือแน่น “แม้ว่าจะยังมีหลายอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ แต่ข้าสัมผัสได้ถึงองค์ความรู้อันลึกล้ำและคุณค่ามหาศาลของตำราเหล่านี้ ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ ได้โปรดบอกข้าทีว่าท่านผู้วิเศษเดอร์ริก ดักลาส เอ็ดวิน บรูค และลูเซียน อีวานส์ ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ใดหรือ ข้าต้องตามหาและติดตามพวกท่าน!”

นาตาชาโพล่งเสียงหัวเราะ ลูเซียนจึงกระแอมไอเล็กน้อยเป็นการทักท้วง

“เจ้าเข้าใจเนื้อหาบางส่วนอย่างนั้นหรือ” ลูเซียนประหลาดใจ แม้เขาจะรู้ว่านิก้ามีพรสวรรค์และความสามารถ แต่ก็ยังเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่นิก้าจะเข้าใจเนื้อหาส่วนหนึ่งของตำราทั้งสามเล่มโดยไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อน

นิก้าถูมือไปมา ใบหน้าเริ่มเห่อแดงเล็กน้อย “แค่นิดหน่อยเท่านั้นขอรับ ข้าอ่านตำราพื้นฐานบางเล่มก่อนและทำความเข้าใจกับคำศัพท์ต่างๆ จากนั้นข้าก็เปลี่ยนมาอ่านตำราทั้งสามเล่มนี้ อีกอย่าง ข้าเองก็ครุ่นคิดถึงบางคำถามที่ถกกันในตำราเหล่านี้มาตลอด ตอนนี้ ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าธาตุ อะตอม แรงโน้มถ่วง และสายฟ้าคืออะไร!”

“เข้าใจล่ะ” ลูเซียนพยักหน้า นิก้ามีพื้นฐานที่ดีมากสำหรับการเรียนเวทมนตร์ เพียงแต่เขาไม่เคยได้แตะต้องในส่วนของทฤษฎีก็เท่านั้น จากนั้นลูเซียนก็เปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ ท่านพอจะรู้จักสถานที่พิเศษในบริเวณใกล้ๆ นี้หรือไม่”

ลูเซียนหวังว่าจะได้รู้เกี่ยวกับเทือกเขาทางตอนเหนือเพิ่มขึ้น เพื่อที่พวกเขาจะสามารถหลบซ่อนตัวจากเทพอสูรลิชได้ง่ายขึ้น

นิก้าแทบไม่เคยได้พูดคุยกับผู้คน เขาจึงไหลไปตามกระแสเพื่อให้บทสนทนาระหว่างเขากับลูเซียนดำเนินต่อไป “สถานที่พิเศษเช่นนั้นหรือ อืม… ข้าไม่แน่ใจว่าสถานที่พิเศษอย่างไรกันที่ท่านมองหาอยู่ แต่ข้ารู้ว่าหุบเขาด้านล่าง ใกล้ๆ กับหน้าผา เป็นสถานที่ที่เหล่าสิ่งมีชีวิตดุร้ายอาศัยอยู่ หนังของตัวที่อยู่บนประตูนั่น ข้าก็พบที่นั่น…

“…หากท่านข้ามภูเขาไป ท่านจะได้เห็นป่าที่ดูน่าขนลุกอย่างยิ่ง ข้าไม่สามารถแผ่พลังจิตเข้าไปในนั้นได้ ด้านข้างป่านั้นมีทะเลสาบใหญ่มากๆ และมันก็ลึกสุดหยั่ง ที่ก้นทะเลสาบมีถ้ำลับที่เชื่อมกับอีกฟากหนึ่งของภูเขา ข้าค้นพบมันในตอนที่กำลังไล่ล่าสัตว์ใต้น้ำ

“ที่ด้านหลังป่าทึบ มีหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกสีขาวเทา ภูตผีวิญญาณร้องคร่ำครวญอยู่ภายในหุบเขานั้นตลอดเวลา จนถึงตอนนี้ข้ายังมิเคยเข้าไปในหุบเขานั้น ข้ามิกล้าจริงๆ”

นิก้าพยายามอย่างที่สุดในการนึกถึงสถานที่ต่างๆ ที่เขาเคยไปมา

ลูเซียนกับนาตาชาฟังเขาอย่างตั้งใจโดยไม่เอ่ยแทรก เมื่อนิก้าพูดจบ ลูเซียนก็บอกกับเขาว่า “ขอบคุณที่บอกข้อมูลให้เรารู้มากมายถึงเพียงนี้ เจ้าสามารถนำตำราเหล่านี้ติดตัวไปและตามหาชายผู้มีนามว่าเรฮาว ในโอเอซิสเมทารินที่อยู่บนทะเลทรายทางตะวันออก เรฮาวจะนำทางเจ้าไปยังองค์กรที่ศึกษาเวทมนตร์โดยร่วมมือกันหลายฝ่าย เป็นองค์กรที่สร้างขึ้นโดยเหล่านักเวททั่วโลก เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น เจ้าจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการเรียนเวทมนตร์มากกว่านี้”

นิก้ารู้ว่านักเวทคืออะไรหลังจากได้อ่านตำราพื้นฐานทั้งหลาย เขาพยักหน้าหนักๆ “ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว ว่าแต่ว่า ผู้วิเศษทั้งสามท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอรับ”

ลูเซียนเพียงพยักหน้ารับและกำลังจะจากไปพร้อมกับนาตาชา แต่ทันใดนั้น นิก้าก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่เคยเอ่ยถามนามของแขกผู้ลึกลับนี้เลย “ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่ เมื่อข้าไปถึงโอเอซิสแล้ว ข้าควรจะอ้างอิงถึงผู้ใดดีหรือขอรับ”

นิก้าจำได้ลางๆ ว่ากลุ่มสำหรับแบ่งปันตำราในเขตใกล้เคียงนี้ต้องมีการอ้างอิงตัวบุคคล

ก่อนที่ลูเซียนจะทันได้ตอบ นาตาชาก็แย้มยิ้มแล้วเอ่ยว่า “นามของเขาน่ะหรือ นามของเขาคือลูเซียน อีวานส์”

นิก้าตะลึงงัน เขาพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาฉับพลัน

ในตอนนั้นเอง ลูเซียนกับนาตาชาก็โผทะยานออกไปจากปราสาท

ที่ปลายฟ้าเหลือเพียงแสงสีแดงเข้มอันเบาบางเท่านั้น ดวงดาราเริ่มเปล่งแสงทอประกายออกมาจากความมืด

“ข้าคิดว่าหุบเขาน่าขนลุกที่นิก้าพูดถึงก็คือหุบเขามรณะ เขตแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เดิมของเทพเจ้าแห่งยมโลก มันยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำโซลนาอีกด้วย และเป็นที่ที่อัลเทอร์นากับสิ่งมีชีวิตลึกลับจากโลกแห่งวิญญาณตกลงมา” ลูเซียนเอ่ยแนะนำอย่างสั้นกระชับ

“เช่นนั้นเราก็ควรจะไปตรวจดูหน่อย” นาตาชากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เราอาจค้นพบบางอย่างที่พอจะต่อกรกับเทพอสูรลิชได้ก็เป็นได้ เราไม่สามารถหลบซ่อนตัวไปตลอดได้หรอกนะ”

“น่าเสียดายที่เจ้ายังไม่สามารถยกโล่แห่งสัจธรรมขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นเราคงไม่ต้องเป็นกังวลเลยสักนิด” ลูเซียนเย้าแหย่

นาตาชาถลึงตาใส่ลูเซียน “ข้าต้องเป็นอัศวินทองคำเพื่อที่จะสามารถยกมันขึ้นได้ อีกอย่าง ของระดับตำนานนั้นหาได้ยากพอๆ กับบุคคลในระดับตำนานนั่นแหละ ไม่มีทางที่เราจะพบเจออีกชิ้นในตอนนี้หรอก”

โดยพื้นฐานแล้ว นอกเหนือจากบุคคลในระดับตำนานชั้นแนวหน้าไม่กี่คน บุคคลในระดับตำนานหรือประเทศส่วนใหญ่จะครอบครองของระดับตำนานเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นเท่านั้น

สายลมโชยที่พัดผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นไม้นั้นค่อนข้างให้ความรู้สึกสดชื่น ทว่า มันกลับเงียบงันจนเกินไป เงียบจนผิดปกติ

ลูเซียนพลันฉุกใจขึ้นมาได้ จึงถามขึ้น “ครั้งสุดท้ายที่เราเจอปีศาจรับใช้ที่เทพอสูรลิชส่งมาคือเมื่อไหร่กัน”

สีหน้านาตาชาพลันแปรเปลี่ยน “เช้าวันนี้”

“ไป!” ลูเซียนพลันเกร็งตัว