ตอนที่ 489 ยังคงเจ็บปวด / ตอนที่ 490 พนัน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 489 ยังคงเจ็บปวด

 

 

อาหารเย็นชืดหมดแล้วแต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังคงไม่ออกมาทาน สวีรั่วชีไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไปเคาะประตูห้องก็ไม่มีเสียงตอบรับ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนอนถือแท็บเล็ตวาดรูปอยู่บนเตียง ผ่านไปสักพักก็รู้สึกเมื่อยแขน แขนซ้ายที่วาดลายเส้นอยู่ก็ล้าไปหมดแล้ว หญิงสาวสะบัดแขน พลิกตัวกอดผ้าห่มเอาไว้ ไปได้สนใจว่าแท็บเล็ตจะวางทับอยู่บนหน้าอกตน

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่ว ออกมากินข้าวได้แล้ว”

 

 

สวีรั่วชีเคาะประตูเป็นครั้งที่เจ็ดแล้ว ถ้าเกิดเธอยังไม่ตอบรับมีหวังหล่อนคงได้ไปเรียกช่างงัดประตูมางัดห้องเธอแน่ หญิงสาวจำใจยอมเดินไปเปิดประตู

 

 

“เธอเป็นอะไรกันแน่”

 

 

“ไม่มีอะไร แค่ง่วงนอน”

 

 

เดิมทีสวีรั่วชีกะจะมาคิดบัญชีกับซย่าเสี่ยวมั่ว แต่ว่าช่วงนี้เป็นเธอที่มาสร้างความลำบากให้กับซย่าเสี่ยวมั่วจึงไม่กล้าต่อว่าอะไรอีก “ออกไปกินข้าวก่อน แล้วค่อยกลับมานอน อีกอย่างขาเธอยังไม่ได้ทายาเลย”

 

 

“อืม รู้แล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วรับคำอย่างไร้อารมณ์

 

 

คนเรามักต้องเผชิญกับช่วงตกต่ำของอารมณ์ ไม่จำเป็นว่าต้องเกิดขึ้นเพราะเรื่องงานหรือความรัก บางทีอาจเป็นเพราะแค่เอาตนเองเข้าไปอยู่ในช่วงอารมณ์นั้นเฉยๆ  ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองกำลังเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะพยายามปรับอารมณ์ยังไงก็ไม่เป็นผล

 

 

“เมื่อกี้เธอคุยโทรศัพท์กับใคร” สวีรั่วชีพบว่าหลังจากซย่าเสี่ยวมั่วคุยโทรศัพท์เสร็จก็มีอาการแปลกๆ แบบนี้

 

 

“หมายถึงตอนไหน” วันนี้มีคนโทรมาหาเธอทั้งวัน เธอจึงไม่รู้ว่าสวีรั่วชีหมายถึงตอนไหน

 

 

สวีรั่วชีชี้นิ้วไปที่ระเบียง “ก็ตอนที่เธอเดินออกไปคุยที่ระเบียงไง”

 

 

“เหยียนเค่อ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยตอบนิ่งๆ  อาการไร้อารมณ์แบบนี้ทำให้ชวนขนลุกจริงๆ

 

 

“เธอโทรคุยกับเหยียนเค่อนานกว่าฉันคุยกับอันหรานอีกนะ!” สวีรั่วชีแกล้งแซวซย่าเสี่ยวมั่ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังดูเคร่งเครียดของซย่าเสี่ยวมั่ว เธอก็ไม่กล้าแซวต่อ ทำได้แค่ยกมือลูบหัวหล่อน “เหยียนเค่อรังแกอะไรเธอ เดี๋ยวฉันไปจัดการให้”

 

 

“ไม่ต้องหรอก” เรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นเพราะสวีรั่วชี ถ้าให้หญิงสาวไปจัดการให้ สุดท้ายตนเองก็ต้องโดนไปด้วยอยู่ดี เธอยังไม่ได้สิ้นคิดถึงขนาดนั้น

 

 

หลายปีมานี้สวีรั่วชีไม่แคยเห็นซย่าเสี่ยวมั่วที่ไม่ยอมเล่าเรื่องราวอะไรให้เธอฟัง ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไร จึงต้องทำเป็นคิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วอาจแค่ไม่สบาย พักผ่อนสักพักเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง

 

 

“อย่างนั้นเธอค่อยๆ กินนะ” สวีรั่วชีตัดสินใจกลับห้องไปพักผ่อน แต่ก็โดนซย่าเสี่ยวมั่วเรียกไว้ซะก่อน “มีอะไรหรือเปล่า”

 

 

“สรุปเธอท้องหรือเปล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยถาม

 

 

สวีรั่วชีเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ท้อง”

 

 

“อือ” จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ

 

 

สวีรั่วชีคิดว่าหากตนยังอยู่ตรงนี้กับซย่าเสี่ยวมั่วต่อตนต้องเครียดตายแน่ๆ  จึงรีบเดินกลับเข้าห้อง ไปเขียนรายงานของตนเอง

 

 

เทศกาลคริสต์มาสใกล้เขามาแล้ว เดิมทีซย่าเสี่ยวมั่วนัดกับอันหร่านไว้ว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้หล่อนมีแฟนแล้วยังอยากที่จะไปเที่ยวกับเธออยู่ไหม

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเอนหัวฟุบกับโต๊ะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ภายในสิ้นปีนี้ต้องวาดรูปให้เสร็จ จากนั้นเธอก็จะไปเที่ยวพักผ่อนสักพัก เมื่อลองนับนิ้วคำนวณดูแล้วน่าจะมีเวลาประมาณ 1 เดือนในการวาดรูปให้เสร็จ คิดแล้วก็อดปวดหัวไม่ได้

 

 

หญิงสาวมองดูเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นที่กำลังเล่นสนุกอยู่ที่ระเบียง ก็กวักมือเรียกให้มันมาหาเธอ เมื่อก่อนตอนที่เธอโทรคุยกับเหยียนเค่อมันชอบกระโจนเข้าใส่ ตอนนี้นับว่าสงบลงเยอะแล้ว

 

 

“ฉันล่ะอยากจะตั้งชื่อแกว่าเหยียนเค่อจริงๆ เลย” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ  มือลูบไปตามขนนุ่มนิ่มของเจ้าโกลเด้นปากก็พึมพำ “ถ้าฉันไปเที่ยวจะเอาแกไปฝากไว้ไหนดี เมื่อไหร่คุณนายเสิ่นจะหายโกรธนะ”

 

 

เธอคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วก็รู้สึกแย่ “ทำไมฉันทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องนะ ทำไมเรื่องที่เหยียนเค่อทำได้ฉันถึงทำไม่ได้ล่ะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 490 พนัน

 

 

ขณะที่ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นแอบทุกข์ใจอยู่คนเดียว ฝ่ายเหยียนเค่อก็ดูจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินกับสวีอันหรานนั่งคุยกันอยู่ข้างๆ  ส่วนเหยียนเค่อกับเสิ่นมั่วหลีนั้นยุ่งจนแทบหัวหมุน สุดท้ายเสิ่นมั่วหลีก็ยอมหยุดพักชั่วครู่ แล้วมานั่งฟังทั้งคู่พูดคุยกัน

 

 

“เหยียนเค่อ นายจะกลับสวิสฯ เมื่อไหร่” เสิ่นจิ้งเฉินเกิดและโตที่สวิสเซอร์แลนด์ ตอนนี้ว่างๆ เลยอยากจะกลับไปที่นู่น แต่ก็ไม่รู้จะกลับไปทำอะไร

 

 

“ไม่กลับ” ที่โน่นนอกจากที่พักและบริษัท เขาก็ไม่มีอะไรต้องให้กังวลอีก

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินลืมไปชั่วขณะว่าเมื่อครู่ตนโดนชายหนุ่มรังแกยังไงบ้าง จึงได้ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก

 

 

“นายลืมช่วงเวลาดีๆ  ที่พวกเราอยู่ที่โน่นไปแล้วเหรอ”

 

 

“เหอะ เหอะ อยากให้ฉันช่วยยัดนายเข้าไปในหิมะด้วยอีกคนไหม” ดูท่าการสั่งสอนของฉินซื่อหลานจะไม่ทำให้เสิ่นจิ้งเฉินเข็ดหลาบเลยจริงๆ

 

 

“เห็นว่าช่วงนี้ร่างกายนายไม่ค่อยแข็งแรง ไปพักผ่อนที่นู่นน่าจะดี แถมยังมีสาวๆ สวยๆ รอนายอยู่ตั้งเยอะ” เสิ่นจิ้งเฉินน่าจะเป็นพวกที่ไม่เข็ดหลาบจริงๆ สินะ

 

 

เหยียนเค่อมองเสิ่นจิ้งเฉินแวบหนึ่ง แล้วเพยิดหน้าให้เขา “นายให้อันหรานพาสวีรั่วชีไปเถอะ ที่นั่นเหมาะแก่การพักผ่อน”

 

 

“ถ้าจัดการเรื่องทางนี้เสร็จฉันก็ว่างแล้ว พาเสี่ยวชีไปได้แน่นอน แต่ถ้านายไม่ไปด้วย คนน้อยก็ไม่สนุกสิ”

 

 

“ยังมีเส้าหมิงฟ่าน ฉินซื่อหลานแล้วก็เสี่ยวฝูเอ๋อร์ไง ไม่ต้องมาคะยั้นคะยอฉัน ฉันไม่ไป” เหยียนเค่อมีเรื่องที่ต้องทำ ไม่สามารถทิ้งแพลนที่วางไว้แล้วได้เพราะเรื่องนี้

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินยกมือสองข้างลูบหน้า พร้อมบ่นเบาๆ  “นายไม่ไปฉันพาซย่าเสี่ยวมั่วไปก็ได้”

 

 

เหยียนเค่อได้ยิน ก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “เธอไม่ไปหรอก”

 

 

“ทำไม่ล่ะ?” เสิ่นจิ้งเฉินถามอย่างไม่เข้าใจ น้องสาวของเขาเป็นคนชอบท่องเที่ยวแบบธรรมชาติอยู่แล้ว ทำไมเธอจะไม่ไปกับเขา

 

 

“มาพนันกันไหมล่ะ?” อยู่ดีๆ เหยียนเค่อก็นึกสนุกขึ้นมา ชายหนุ่มมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีทางไปอย่างแน่นอน

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินลอบยิ้ม “อย่างนั้นถ้าเธอไป นายก็ต้องไปนะ”

 

 

“ตกลง” ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าเสิ่นจิ้งเฉินจะรู้จักซย่าเสี่ยวมั่วดีไปกว่าตนเอง

 

 

จริงอยู่ที่เหยียนเค่อรู้จักซย่าเสี่ยวมั่วมากกว่าเสิ่นจิ้งเฉิน แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยรู้เลยว่าตนเองนั้นมีอิทธิพลต่อเซี่ยเสี่ยวมั่วขนาดไหน

 

 

“ไปนอนได้แล้ว” นานๆ ครั้งที่เสิ่นมั่วหลีจะนอนดึกขนาดนี้ จึงว่าจะเข้านอนแล้ว แต่เสิ่นจิ้งเฉินกลับไม่มีท่าทีว่าจะง่วงสักนิดเดียว

 

 

พรุ่งนี้ชายหนุ่มมีบินตั้งแต่เช้ามืด ดึกขนาดนี้แล้ว นอนก็คงนอนได้ไม่ถึงสี่ชั่วโมง เลยตัดสินใจไม่นอนเลยซะดีกว่า

 

 

“พี่ไปนอนเถอะ สองคนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนผมเอง” มือสองข้างของเสิ่นจิ้งเฉินรั้งเพื่อนทั้งสองไว้

 

 

แขนเสื้อของเหยียดเค่อถูกดึงจนชายหนุ่มพิมพ์งานไม่ถนัด พูดประชดออกไป “นายใหญ่มาจากใหญ่ฮะ ถึงต้องให้ฉันอยู่เป็นเพื่อน”

 

 

“ต้องการทิปไหม? คืนนี้พี่เหมาทั้งคืน” เสิ่นจิ้งเฉินจำได้ว่าแต่ก่อนชายหนุ่มเคยพูดแบบนี้กับสาวๆ

 

 

เหยียนเค่อมองเสิ่นจิ้งเฉินอย่างรำคาญ “แค่นายปล่อยมือฉันตอนนี้ ฉันก็ทำเงินเลี้ยงนายได้ทั้งปีแล้ว”

 

 

“แหะ” เสิ่นจิ้งเฉินหมดคำพูด เวลาของเหยียนเค่อเป็นเงินเป็นทอง เขาคงเทียบไม่ได้

 

 

“ฉันนึกว่าช่วงนี้นายว่างซะอีก ทำไมดูยุ่งขนาดนี้ล่ะ?” สวีอันหรานยังคงอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับคนท้องบนมือถือเขาอยู่ เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าเหยียนเค่อมาที่นี่เพื่อพักผ่อน ตอนนี้กลับพบว่ายุ่งไม่ต่างจากตนเองเท่าไหร่

 

 

“เขียนแผนงาน” นิ้วมือก็ยังคงพิมพ์ไม่หยุด ฟังเพื่อนพูดไปพลางพิมพ์งานไปพลาง

 

 

เอกสารมากมายพวกนี้ล้วนมาจากเสิ่นมั่วหลีที่หามาให้ ถ้าตอนนี้เขาจัดการเรียบร้อย พอมาเปิดสาขาที่นี่จะได้ไม่ต้องวุ่นวายมากนัก

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินแกล้งแซว “สมบัติที่หาไว้ไม่พอให้เมียนายใช้อีกหรือไง”

 

 

“มันอยากหาเอาไว้ให้เมียมันโยนเล่น อย่าไปยุ่งเลยน่า” สวีอันหรานเข้ามาร่วมวงด้วย

 

 

เหยียนเค่อไม่ตอบโต้ เอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัย “ฉันไม่ได้เลี้ยงเมียฉันคนเดียวนี่” ยังมีพวกเพื่อนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอย่างพวกนายด้วย

 

 

“นายยังมีเมียน้อยอีกหรือไง?” เสิ่นจิ้งเสิ่นแกล้งทำท่าจริงจังมองไปยังสวีอันหราน

 

 

สวีอันหรานยักไหล่ ยิ้มขำ “มิน่าล่ะ”

 

 

เหยียนเค่อเขวี้ยงเมาส์ไปที่เสิ่นจิ้งเฉิน “ก็ถ้าเมียน้อยเป็นแบบพวกนาย แค่คิดนอกใจก็สยองแล้ว” ให้ตายเถอะไม่รู้ตัวกันจริงๆ สินะ