บนรถ
เด็กน้อยยังคงสอนเขาไม่หยุดไม่หย่อน จนคนฟังอย่างเลอแปงปวดหัว จึงพูดอย่างรู้ตัว “รู้แล้วว่าผิด”
เมื่อพูดอย่างนั้นซารางถึงพอใจ และแบมือออกมา “โทรศัพท์”
โทรศัพท์วางอยู่ข้างๆ เธอหยิบขึ้นมาโทรหาเชอร์รีน เมื่อปลายสายรับจึงพูด “หม่ามี๊”
“ซาราง กินอะไรหรือยังคะ” น้ำเสียงเชอร์รีนอ่อนโยนมาก ไม่ได้เจอกันหลาย เธอเริ่มคิดถึงลูกแล้ว
“พ่อน้อยไม่ปล่อยให้หนูหิวหรอกค่ะ หม่ามี๊กับแด๊ดดี้อยู่ไหนคะ จะกลับมาเมื่อไหร่ ทำไมถึงลืมหนู แล้วแอบไปเที่ยวกันสองคน โดยไม่พาหนูไป!”
“หม่ามี๊กับแด๊ดดี้จะรีบกลับไป หม่ามี๊จะซื้อของไปฝากด้วย อย่าดื้อรู้มั้ย ต้องเชื่อฟังพ่อน้อย เข้าใจไหม”
เชอร์รีนวางสายและมองวิวตรงหน้า แสงจันทร์กระทบบนพื้นน้ำ จนเหมือนปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินส่องประกายระยิบระยับ
บนท้องฟ้ามีเส้นสีขาวปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนนัก เชอร์รีนมองคนข้างกายที่ยังหลับอยู่
เธอไม่อยากปลุกเขาตื่น แต่ก็ไม่อยากโดนเขา กดทั้งที่เพิ่งลืมตาอย่างนี้ เธอจึงขยับตัวเบามากๆ
จนเมื่อถึงคราวที่เธอเดินออกมาจากโรงแรม ชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ยังไม่รู้สึกตัว เธอจึงยกยิ้มแล้วเดินออกไป
อาจจะเพราะว่าตื่นเช้าเกินไป ตรอกซอยยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงเดินของฝีเท้าเธอ และกลิ่นหอมของดอกไม้รออยู่ในอากาศ
แม้แต่ถนนเส้นเล็กๆ เอาออกซอยเล็กๆของที่นี่ก็ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ มันไม่เรียบง่ายน่าเบื่อ แต่กลับโรแมนติก สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้
ทันใดนั้น ออกัสลืมตาขึ้นช้าๆ สายตามองไปที่แขนของเขา จากนั้นอารมณ์ของเขาก็มืดมนในทันที
ร่างหนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาทั้งคืน ตอนนี้เหลือเพียงแค่หมอน!
เขาใส่ชุดคุมอาบน้ำสีขาว เปิดแผงอกแกร่ง แล้วเดินหาในห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องหนังสือ สระว่ายน้ำ หาทุกที่ แต่ก็ไม่เห็นเงาของเธอ
เขายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ แล้วโทรศัพท์ออกไป ทันทีที่โทรติดเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณอยู่ไหน”
น้ำเสียงของเขาดุดันมาก เชอร์รีนสูดอากาศบริสุทธิ์ แล้วตอบเขาอย่างอารมณ์ดี “บนถนน”
“ทิ้งสามีไว้ที่โรงแรม แล้วออกไปคนเดียวสบายใจเฉิบ” สีหน้าของเขาแย่มาก
“คุณไม่ได้นอนไม่ใช่หรอ สามี ฉันอยู่ร้านเครื่องประดับ คุณจะมาไหม”
เสียงนั้นทำให้ความโกรธในใจของออกัสหายไปในทันที “อยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน ผมจะรีบไป…”
เร็วมากจริงๆ ไม่ถึงสามนาทีเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขายกมือขึ้นมาบีบจมูกของเธอเหมือนเป็นการลงโทษ
เธอจ้องเขาเขม็ง คนเต็มไปหมดทำไมเขาทำอย่างนี้ ทริปฮันนีมูนก็จะจบลง เธออยากซื้อของฝากกลับไป ที่น่าแปลกใจคือเขาก็มีความอดทน ยืนอยู่ข้างเธอช่วยเลือกของฝาก
เมื่อตกเย็น เพราะเขาก็เห็นคนหนึ่งกำลังนั่งร่างภาพอยู่ริมทะเลสาบ เธอจึงดึงออกัสมานั่งที่ชายหาด
ออกัสไม่ชอบอะไรแบบนี้มาก่อน คิ้วเข้มขมวดมุ่น เมื่อเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ เธอจึงขมวดคิ้วถาม “คุณไม่อยากวาดรูปกับฉันใช่ไหม”
“เปล่า….” เมื่อเห็นสีหน้าและอารมณ์ของภรรยา เขาก็ตอบได้เพียงเท่านี้
“ดี อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าอยู่เป็น”เชอร์รีนยิ้มทั้งดวงตา และเอนตัวลงซบไหล่เขา พร้อมโอบรอบคอเขาด้วย
ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนลงเมื่อเห็นเธอใกล้ชิด ถ้าได้ประโยชน์แบบนี้ นั่งวาดรูปตรงนี้ก็ไม่เลว
รอบๆเขามีเสียงไวโอลินดังลอยมา ใกล้บ้างไกลบ้าง ฟังแล้วช่างไพเราะ
ข้างหลังเขาคือทะเลที่รายล้อมไปด้วยเสียงเพลงอันไพเราะ มีลมพัดมาเป็นระยะ ช่างรู้สึกสวยงาม
เธอหลับตาพิงอกของเขา พร้อมเผยรอยยิ้มพอใจและมีความสุขออกมา ในขณะที่เขาหลุบตาลงมองเธอด้วยความอ่อนโยนราวกับจะคว้าเดือนคว้าดาวมาให้เธอยังได้….
เช้าวันถัดไป ระหว่างทั้งสองคนกลับเมืองs ทั้งคู่ก็ผล็อยหลับไปบนเครื่องบิน
เมื่อมาถึงสนามบิน เลอแปงก็อุ้มซารางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นเชอร์รีน ซารางก็รีบวิ่งเข้ามาหา
เธอจึงโน้มเอวลงไปอุ้มเธอขึ้นมา ก่อนจะได้ยินคำถามจากร่างเล็กไม่หยุด “หม่ามี๊ ลืมหนูแล้วใช่มั้ย”
เธออดหัวเราะออกมาไม่ได้ ลืมใครนะ จะลืมลูกตัวเองได้ยังไง
เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ทุกคนจึงไปกินร้านอาหารฝรั่งเศสใกล้ๆ เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว เลอแปงมีธุระจึงขอกลับก่อน
หลังจากทั้งสามคนกลับมาถึงคฤหาสน์ ซารางก็ไปทำการบ้าน เชอร์รีนอาบน้ำ ก่อนเธอจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นออกัสตามมาติดๆ และล็อกประตูห้องน้ำทันที
ในที่สุดเชอร์รีนก็ไม่อาจพันเงื้อมมือของหมาป่าได้ เมื่อถูกเขาเอาเปรียบ เธอก็ต้องยอมโดยปริยาย
ค่าของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ และเห็นซารางนอนแอ่นตูดอยู่บนเตียงก่อนแล้ว เมื่อเห็นเธอออกมาแล้วซารางจึงตบข้างเตียง “หม่ามี๊ มานอนสิคะ”
จากนั้นก็มีเสียงต่ำของออกัสดังตามมา “กลับไปนอนห้องของตัวเองเลย”
“ไม่! แด๊ดดี้กับหม่ามี๊แอบไปเที่ยวตั้งนานก็ไม่พาหนูไป วันนี้หนูจะนอนกับหม่ามี๊!” เธอไม่กลัวเขา
ออกัสหรี่ตาเดินไปอุ้มซารางออกไปข้างนอก
ซารางไม่ยอม เธอร้องเสียงดัง ยื่นมือออกมาทุบหลังแด๊ดดี้ ปากเล็กก็ร้องให้หม่ามี๊ช่วย หม่ามี๊ช่วยด้วย แด๊ดดี้จะฆ่าปิดปากหนู!
ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน แม้แต่คำว่าฆ่าปิดปากก็รู้แล้ว!
เชอร์รีนก็คิดถึงซาราง หลายวันมานี้เธอโดนเอาเปรียบเยอะแล้ว เธอจึงยื่นมือไปอุ้มซารางจากออกัสมา และชี้มือไปนอกห้อง “วันนี้เราสองคนแม่ลูกจะนอนด้วยกัน คุณนอนคนเดียว”
“หม่ามี๊อายุยืนๆ หม่ามี๊อายุยืนๆ” ซารางกระโดดด้วยความชอบใจ และแลบลิ้นให้แด๊ดดี้อย่างดีใจ
“ยังไม่พ้นช่วงข้าวใหม่ปลามันเลย ทำไมโดนส่งเข้าวังเย็นแล้ว” เขาหรี่ตา ตั้งท่าว่าจะไม่ไป
ซารางไม่ยอม เธอยื่นมือออกแรงผลักแด๊ดดี้ “แด๊ดดี้ออกไป! หม่ามี๊มานอนกันเร็ว!”
สองแม่ลูกสะบัดก้นใส่ และใช้แรงช่วยกันดันเขาออกไป
ถ้าเปรียบเทียบแรงกันจริงๆแล้ว แค่นี้ออกัสสบายมาก เขาจึงมองไปที่ทั้งสองคนอย่างหน่ายใจ
ตอนอยู่ในห้องอาบน้ำ น้องสาวของเธอโดนเขาเผด็จศึกแล้ว จะมีแรงได้ยังไง เธอผลักเขาไม่กี่ครั้ง ก็โบกมือ “หม่ามี๊ไม่ไหวแล้ว หม่ามี๊ผลักไปเลย หนูจะนอนก่อน”
ซารางเปิดปากพูด แล้วหันหลังเดินกลับไปยังไม่พอใจ “หม่ามี๊ ทำอย่างนี้ได้ยังไง”
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็ให้นอนตรงกลางดีๆ ไม่อย่างนั้นก็ไปนอนเองคนเดียวเลย”
ซารางไม่พอใจมากขึ้น แต่ก็รู้ว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก เธอจึงนอนอยู่ระหว่างทั้งสองคน และกางแขนกอดเชอร์รีนไว้ “หม่ามี๊หอมมาก”