บทที่ 999 วิธีการแสดงออกที่แตกต่าง / บทที่ 1000 ระเบิดทักษะการแสดง?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 999 วิธีการแสดงออกที่แตกต่าง

เยี่ยหวันหวั่นมักพูดถึงเจียงเยียนหรานต่อหน้าหานเซี่ยนอวี่ ก่อนหน้านี้ยังเคยช่วยเธอขอลายเซ็นที่มีจำนวนจำกัดของเขา หานเซี่ยนอวี่ถึงจำได้

“เพื่อนนายคนนั้นน่ะเหรอ?” หานเซี่ยนอวี่ถาม

เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “ใช่น่ะสิ น่าสงสารแฟนเธอจริงๆ เป็นได้แค่ที่สองตลอดกาล!”

เยี่ยหวันหวั่นกำลังล้อเล่น เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา ตามคาด เป็นสายจากแฟนคลับคลั่งบางคน

เยี่ยหวันหวั่นยักไหล่อย่างเอือมระอา “พูดถึงโจโฉโจโฉก็มา ติ่งนายโทรมาแล้ว นายทำงานไปเถอะ ฉันไปรับสายก่อน…”

“ไปเถอะ” หานเซี่ยนอวี่หลุดขำ

เยี่ยหวันหวั่นเดินไปยังจุดที่ไม่มีใครแล้วจึงรับสาย “ฮัลโหล เยียนหราน…”

“กรี๊ดดด! หวันหวั่นๆๆ วันนี้หานเซี่ยนอวี่มาถ่ายละครที่โรงเรียนฉันด้วย เธอรู้หรือเปล่า น่าเสียดายที่ตอนเช้าฉันมีเรียนเลยไม่ได้ไป!” ไม่ผิดคาด เสียงตื่นเต้นดีใจของเจียงเยียนหรานดังมาจากปลายสาย

เยี่ยหวันหวั่นพูดกับปลายสายอย่างเอือมระอา “ใจเย็นๆ…”

ถ้าเธอเป็นแบบนี้ คนบางคนจะหึงเอานะ…

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะพูด เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากปลายสาย “พี่หวันหวั่น! พี่หวันหวั่น! ผมไม่มีเรียน ผมไปได้ รอผมถ่ายรูปมาได้จะแบ่งให้พี่กับเยียนหราน! ผมมีอุปกรณ์พร้อมมากเลยนะ!”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินเสียงฉู่เฟิงตื่นเต้นกว่าเยียนหรานก็พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

เอาเถอะ ถือว่าเธอไม่ได้พูดก็แล้วกัน…

เฮ้อ ปวดใจจริงๆ ดูแฟนคนอื่นเขาสิ…

พอคุยเสร็จเยี่ยหวันหวั่นก็กลับไป กงซวี่กับลั่วเฉินแต่งหน้าเสร็จแล้ว

กงซวี่กำลังนั่งกอดกระจกบานเล็กด้วยความรู้สึกลึกซึ้งอยู่ด้านหนึ่ง จ้องตัวเองในกระจกแล้วพูดว่า “เฮ้อ ไม่รู้ว่าต่อไปสาวคนไหนจะมีวาสนา ได้แต่งงานกับฉัน…”

เยี่ยหวันหวั่นบอก “นายพอเถอะ…”

กงซวี่เห็นเยี่ยหวันหวั่นก็รีบวิ่งมาประจบอย่างระริกระรี้ “อ๊ะ! พี่เยี่ยมาแล้วเหรอ มาดูเร็วๆ วันนี้ผมหล่อมากเลยใช่ไหมล่ะ? สาวคนไหนเห็นก็ต้องอยากแต่งงานด้วยทุกคนใช่ไหมล่ะ? ถ้างั้นพี่ถ่ายรูปผมสักรูป แล้วส่งให้เสี่ยวมี่เจี้ยนดูหน่อยดีไหม ไม่แน่ว่าเสี่ยวมี่เจี้ยนเห็นแล้วอาจจะกลายเป็นแฟนคลับของผมก็ได้”

ในบทกงซวี่แสดงเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม ตอนนี้เขาสวมชุดบาส ไว้ผมสั้นสีน้ำตาลทองไม่สนแฟชั่น ออร่ามีชีวิตชีวาแผ่รอบด้าน ให้ความรู้สึกของวัยรุ่นอย่างเต็มเปี่ยม

ถึงแม้ในบทเขาจะแสดงเป็นลูกผู้ดีที่มีนิสัยยโสโอหัง และเป็นจอมเผด็จการในโรงเรียน แต่ทุกคนก็ทำใจเกลียดเขาไม่ลง

พอเห็นการแต่งตัวของกงซวี่ เยี่ยหวันหวั่นก็จำต้องยอมรับว่าดีมากจริงๆ

กงซวี่เหมาะกับบทบาทนี้มากอย่างที่คิดไว้ เห็นแวบเดียวก็รู้สึกเหมือนเซวียนเส้าหยางเดินออกมาจากในบทหนังมายืนตรงหน้าตัวเอง

ส่วนลั่วเฉินยิ่งไม่ทำให้เธอผิดหวัง ตั้งแต่อยู่กับเธอมา เขาก็หมั่นออกกกำลังกายและดูแลรูปร่างอยู่เสมอ ตอนนี้เขาสวมเสื้อกล้ามสีกากีกับกางเกงฝึกสีดำ ราศีจับแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างชัดเจน เต็มไปด้วยสัญชาตญาณในการล่าเหมือนเสือชีตาห์ตัวหนึ่ง

เยี่ยหวันหวั่นจงใจเมินประโยคสุดท้ายของกงซวี่ ก่อนมองทั้งสองอย่างพึงพอใจ “ไม่เลว เหมาะสมมาก!”

กงซวี่พึมพำอย่างไม่พอใจว่า “พี่เยี่ย พี่จะชมก็ตั้งใจชมผมคนเดียวสิ ทำไมต้องชมเขาไปด้วยล่ะ!”

เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเขาอย่างไม่แยแส “งั้นถ้านายจะกินอึก็ไปกินคนเดียวสิ ทำไมต้องลากลั่วเฉินไปเอี่ยวด้วยล่ะ?”

กงซวี่ทำหน้าสำนึกผิดทันที แต่ก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนมีเหตุผลเต็มประดาว่า “ก็พี่เองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าอย่ามีเรื่องขัดแย้งกับเขาในที่สาธารณะ ให้ทำเป็นว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเขา?”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “วิธีการแสดงออกของนาย มันช่าง…แตกต่างจริงๆ…”

————————————————————————————-

บทที่ 1000 ระเบิดทักษะการแสดง?

กงซวี่ยิ้มตาหยีพลางยกมือพาดไหล่ลั่วเฉิน “เพื่อนที่ดีก็ต้องมีสุขร่วมสุขมีทุกข์ร่วมทุกข์สิ! ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก!”

ลั่วเฉินปัดมือของคนบางคนออกโดยไม่พูดอะไร

เยี่ยหวันหวั่นโบกมือไปมา “หยุดโม้ได้แล้ว ไปเตรียมตัวเถอะ อีกไม่นานก็จะเริ่มถ่ายทำกันแล้ว!”

หลังจากที่ทั้งสองคนไปเตรียมตัวด้านหน้า เยี่ยหวันหวั่นก็เดินไปนั่งข้างๆ หานเซี่ยนอวี่ รอให้การถ่ายทำเริ่มต้น

ในบท กงซวี่แสดงเป็น ‘เซวียเส้าหยาง’ คุณชายลูกผู้ดีมีเงิน ลั่วเฉินแสดงเป็น ‘เสิ่นเยวี่ย’ มือสไนเปอร์ของกองกำลังพิเศษ

จุดเริ่มต้นของเรื่องคือเซวียเส้าหยางถูกตาต้องใจน้องสาวของเสิ่นเยวี่ย คอยตามตื๊อทุกวิถีทาง จนมีเรื่องกระทบกระทั่งกับเสิ่นเยวี่ย

ต่อมาตระกูลเซวียเห็นว่าเซวียเส้าหยางไม่มีความรู้และทักษะความสามารถใด นับวันยิ่งไม่ได้เรื่องขึ้นเรื่อยๆ ทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ จึงส่งตัวเขาเข้ากรมไป

หลังจากเข้ากรมทหาร เซวียเส้าหยางก็พบกับเสิ่นเยวี่ยอีกครั้ง

ถ้าหากเรื่องนี้เป็นไปตามบทหนังไอดอลวัยรุ่นละก็ ด้วยทักษะการแสดงของพวกเขา หนังต้องทำเงินได้ไม่แย่แน่…

แต่ว่า ความทะเยอทะยานของเธอไม่ได้หยุดอยู่แค่ยอดขายตั๋วเท่านั้น

ชาติก่อน ถานเจิ้นซินตัดเนื้อหาตอนที่เซวียเส้าหยางเข้ากรมออกจำนวนมากเพื่อรายได้ภาพยนตร์ เหลือแค่ฉากรักๆ ใคร่ๆ เท่านั้น ดังนั้นนักแสดงหลักจึงเป็นเซวียเส้าหยางกับน้องสาวของเสิ่นเยวี่ย

เยี่ยหวันหวั่นกลับปรับบทให้เหมือนเดิมทั้งหมด เลือกเดินไปทางภาพยนตร์แนวดราม่าเข้มข้น อีกทั้งมีพระเอกสองคน ส่วนนางเอกคือเผยเชิ่น

จุดเด่นของเรื่องอยู่ที่การเติบโตของเซวียเส้าหยางจากลูกผู้ดีมีเงินเข้ากรมทหารไปแล้วกลายเป็นทหารหน่วยพิเศษที่ปกป้องบ้านเมือง…

ฉากที่จะถ่ายทำในวันนี้คือ เซวียเส้าหยางกำลังตามจีบสาวๆ กับกลุ่มเพื่อนของเขาในโรงเรียน เขากำลังตามตอแยรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง รุ่นน้องคนนั้นคือน้องสาวของเสิ่นเยวี่ยบทบาทของลั่วเฉิน

วันนี้เสิ่นเยวี่ยกลับบ้านมาเยี่ยมญาติพอดี เขามาหาน้องสาวที่โรงเรียนและเห็นเซวียเส้าหยางกำลังรังควานน้องสาวตัวเอง ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกัน

เสิ่นเยวี่ยดึงน้องสาวมาหลบข้างหลังอย่างเดือดดาล จากนั้นก็ก้าวเข้าไปจะต่อยฝ่ายตรงข้าม

แต่เซวียเส้าหยางกลับทำท่าทางเยาะเย้ยถากถาง มองหน้าเสิ่นเยวี่ยแล้วพูดอย่างดูถูกว่า “นี่ ถึงนายจะเป็นพี่ชายของเสิ่นอิง ก็ควบคุมความคิดของเธอไม่ได้หรอกมั้ง! ถ้าเกิดเธอชอบฉัน ถูกใจฉันเข้าล่ะ! นายต่อยฉัน เธอก็ปวดใจแย่สิ?”

คำพูดของเซวียเส้าหยางไม่มีเหตุผลและไร้ยางอาย ทำให้เสิ่นเยวี่ยนโกรธจนเส้นเลือดตรงหน้าผากปูดขึ้นมา

ในตอนนี้เอง เซวียเส้าหยางหันไปทางเสิ่นอิงพลางยกยิ้มมุมปาก “รุ่นน้อง เธอ…ไม่ชอบฉันจริงเหรอ?”

สายลมแผ่วโชยผ่าน ใต้ต้นดอกท้อ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ ช่างเป็นภาพที่โรแมนติกเหมือนฝันจริงๆ…

เด็กสาวคนไหนจะต้านทานเสน่ห์แบบนี้ได้ แม้แต่เสิ่นอิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

สาวน้อยแก้มแดง ก้มหน้างุด ดึงพี่ชายที่ทำท่าจะเข้าไปต่อยคนแล้วเดินจากไป

เสิ่นอิงเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็อดไม่ไหวหันกลับมามองในตอนท้ายอีก

และวินาทีที่เด็กสาวหันกลับมามอง เธอทิ้งความในใจไว้อย่างชัดเจน…

เซวียเส้าหยางที่ไม่แยแสโลกคล้ายรู้อยู่แล้วว่าเด็กสาวต้องหันกลับมาแน่ ถึงได้ยิ้มตอบทันที…

ในฉากที่แสดงให้เห็นนิสัยของเซวียเส้าหยางนี้ เรียกได้ว่ากงซวี่แสดงนิสัยอันเย่อหยิ่งทะนงตัวและไม่สนใจโลกของเซวียเส้าหยางออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ

ทั้งที่เขาทำตัวไร้เหตุผล แต่เขากลับสามารถพูดให้เรื่องผิดกลายเป็นถูกได้ คำสารภาพรักที่พูดกับเสิ่นอิงก็ชวนให้ใจสั่นเกินต้านทาน

ในจอภาพ ถึงแม้ชายหนุ่มเย่อหยิ่ง แต่กลับมีชีวิตชีวา การแต่งตัวดูดี รูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นสะดุดตาทำให้คนไม่อาจละสายตาออกไปได้

แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ยังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่เสียแรงที่พักนี้เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจกับกงซวี่ไปมาก

……………………………………………………….