ตอนที่ 535 ดอกไม้มากมายนับมิถ้วนร่วงในความฝัน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 535 ดอกไม้มากมายนับมิถ้วนร่วงในความฝัน

ฤดูฝนช่างหนาวเหน็บและเศร้าหมอง

สวี่ซินเหยียนกับซูซูนั่งอยู่ที่ศาลาอี้เหลียง เหลือบมองโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่และสายฝนที่โปรยปรายลงมา

ความรู้สึกประหนึ่งการถักทอผ้าไหมสีแดงจำนวนหลายพันผืน แต่ละเส้นเกี่ยวพันโยงใย นับจากวันนี้พวกนางกำลังจะได้เผชิญกับความโศกเศร้าจากความห่างไกลนับพันลี้

“เขา…” ซูซูแกว่งขาเรียวยาว พลางละสายตาจากสายฝนมามองจรดปลายเท้าของตน “เขาจะต้องไปอยู่ที่ว่อเฟิงเต้าอีกหลายปี ที่เมืองหลวงนี้เขามีที่พักเป็นหลักแหล่งของเขาอยู่แล้ว ฮูหยินทั้งสามมิสามารถติดตามเขาไปได้ เจ้า…เจ้าชอบเขาเยี่ยงนั้นหรือ ?

คำถามของซูซูราวกับทำให้เสียงฝนที่กำลังโปรยปรายเงียบลงไปชั่วขณะ

สวี่ซินเหยียนเข้าใจดี สายตาของนางยังคงจดจ้องไปที่สายฝนที่กระหน่ำเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง แล้วพึมพำว่า “ในตอนที่เขาช่วยข้ากลับมา เขาได้เห็นเรือนร่างของข้าแล้ว ถ้าเขามิตบแต่งกับข้า ข้า… ข้าก็คงมิมีหน้าอยู่บนโลกหล้านี้อีกต่อไปแล้ว”

ซูซูหันไปมองหน้าสวี่ซินเหยียน พลางมองขึ้นไปบนท้องนภาในยามราตรีที่หนาวเหน็บ “กฎระเบียบที่นั่นของพวกเจ้าช่างดีเสียจริง เขาเป็นบุรุษที่น่าวางใจให้ดูแลไปตลอดทั้งชีวิต”

สวี่ซินเหยียนพลันโศกเศร้าขึ้นมา เวลาผ่านไปหลายอึดใจ จึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า “เขา…มีตำแหน่งที่ใหญ่โต ข้าต่างหากที่มิรู้อันใดเกี่ยวกับเขาเลย ทำสิ่งใดให้เขาก็มิได้สักอย่าง”

หลายวันมานี้สวี่ซินเหยียนได้สัมผัสกับความแปลกใหม่ ได้รับรู้ว่าเหตุใดฟู่เสี่ยวกวนถึงเลือกฮูหยินทั้งสามนางนั้น นางได้รู้ว่านางมิสามารถเข้าไปอยู่ในจุดนั้นได้

เมื่อเอาตนเองไปเทียบกับฮูหยินทั้งสามของเขาแล้ว นอกเหนือจากศิลปะการต่อสู้ ก็มิมีสิ่งใดเทียบกับบรรดาฮูหยินของเขาได้เลย แม้แต่ใบหน้าที่งดงามของตนก็มิอาจเทียบกับพวกนางได้

ดังนั้นนางจึงคิดว่าตนเองช่างด้อยค่ามากยิ่งนัก นางยังคงจดจ้องไปที่สายฝนอันหนาวเหน็บท่ามกลางความมืดมิด รู้สึกว่าเขากับนางเหมือนม่านละอองฝน สามารถมองเห็นได้ แต่มิอาจจะอยู่เคียงคู่กันได้

ซูซูกระดิกปลายเท้าเล็กน้อย หัวเราะออกมาเบา ๆ พลางกล่าวว่า “เจ้ามิต้องคิดมาก เขามิได้เป็นเยี่ยงที่เจ้ากล่าวมาหรอก เขามีตำแหน่งใหญ่โตอย่างแท้จริง เขามิได้สนใจยศถาบรรดาศักดิ์เลยสักนิด สิ่งที่เขาสนใจคือความรู้สึกต่างหากเล่า”

ซูซูหันไปมองสวี่ซินเหยียน ยิ้มแล้วเอ่ยให้กำลังใจ “โอกาสของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว”

“เหตุใดน้องซูถึงได้กล่าวเยี่ยงนี้กัน ? ”

“เขาจะเดินทางไปว่อเฟิงเต้ามิใช่หรือ ? เยี่ยงไรเสียก็ต้องมีคนคุ้มกันไปกับเขาด้วย เพราะครานี้มิใช่การไปเพียงมิกี่วันแล้วกลับ เขาเป็นบุรุษ เรื่องอย่างว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ ฮ่า ๆ ก็นี่ไงเล่า… หากได้ไปป้อนอาหารให้เขากินแล้วล่ะก็ มิใช่เรื่องดีหรอกหรือ ? ”

สวี่ซินเหยียนหน้าแดงขึ้นมาทันพลัน แต่ทว่าพวกนางอยู่ในความมืดมิดจึงเห็นได้ไม่ชัด

ซูซูเอ่ยต่อ “สตรีเยี่ยงพวกเรา เพื่อความสุขของตน บางคราก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเสียบ้าง หากรอให้เขากลับมายังจินหลิง โอกาสดี ๆ เยี่ยงนี้ย่อมหามิได้อีกแล้ว”

สวี่ซินเหยียนเมื่อได้ยินดังนั้นแล้วจึงได้ไตร่ตรองคำเอ่ยของซูซู “ในใจของเจ้าก็มีเขาอยู่เช่นกัน เหตุใดจึงมิไล่ตามบ้างเล่า ? ”

ซูซูค่อย ๆ หันหน้ากลับมา แววตานั้นดูเศร้าหมองมากยิ่งนัก นางมองไปที่ต้นไม้ในจวนจึงได้เห็นดอกเหมยเหี่ยวแห้งหล่นลงมาพร้อมกับสายฝน

ณ คฤหาสน์จิ้งหู แสงสุริยาสาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในขณะที่ลานด้านนอกชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝน สายฝนได้ชำระล้างผงฝุ่นบนใบไม้สีเขียวออกไปด้วย

คฤหาสน์จิ้งหูอันกว้างใหญ่แห่งนี้เงียบสงบท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำเทลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเสียงทารกดังขึ้นทำให้สถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมามากโข

อู๋หลิงเอ๋อร์อุ้มทารกที่เพิ่งงัวเงียตื่นขึ้นมา มือน้อยของทารกบีบกำเอาไว้ สองเท้าเล็กยกเตะอย่างซุกซน ปากก็ร้องไม่หยุด มือไม้ของมารดาจึงวุ่นวายไปหมด

“เด็กดี หิวแล้วใช่หรือไม่ มา ! ท่านแม่จะป้อนนมให้เจ้าเอง”

สาวใช้คิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าตนจุดเตาถ่านในจวนเยอะจนเกินไป แต่ในจังหวะที่กำลังหันมาเอ่ยกับอู๋หลิงเอ๋อร์นั้น “องค์หญิง นั่นองค์ชายน้อยปล่อยเบารดกางเกงใช่หรือไม่เพคะ ? ”

“อ่า…ไหนดูสิ”

“ใช่ ! ไอหยา ยังถ่ายหนักอีกนะเจ้า รีบเอากางเกงผ้าฝ้ายมาประเดี๋ยวนี้เลย”

“เพคะ”

“ลั่วอิงนำน้ำอุ่นเข้ามา เจ้าควรล้างก้นนะเด็กน้อย”

“หม่อมฉันจะไปประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

สาวใช้ทั้งสามรีบลงมือกันอย่างลุกลี้ลุกลน ในที่สุดก็จัดการจนเสร็จเรียบร้อย องค์ชายน้อยดื่มนมอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่ได้ดื่มนมแสนอร่อยนี้

หนีซางและลั่วอิงมองอย่างประหลาดใจ ฝ่าบาทที่ใจร้อนและองอาจผู้นั้น ไม่นึกเลยว่าจะอ่อนโยนและใจเย็นได้ถึงเพียงนี้

รู้สึกได้ว่าองค์หญิงเปลี่ยนไป

ในเวลาเช่นนี้ นางไม่เหมือนองค์หญิงเลยสักนิด ในเวลาเช่นนี้ นางเหมือนหญิงสาวธรรมดาเสียมากกว่า

แน่นอนว่าจักรพรรดิอู๋ไม่ปล่อยให้นางลำบากเป็นแน่ พระองค์ทรงประทานนางในมาให้มากมาย แต่ก็ถูกองค์หญิงไล่กลับไปทั้งหมด นางยังกล่าวอีกว่า ลูกของข้า ข้าจะเลี้ยงด้วยตนเอง

อู๋หลิงเอ๋อร์ไม่ได้สังเกตสาวใช้ที่มองมาอย่างอ่อนโยนเลย นางได้แต่ยื่นมือไปแตะใบหน้าอ่อนนุ่มของเด็กทารก ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลูกของข้า เจ้าต้องโตไว ๆ นะ รอให้เจ้าโตกว่านี้ แม่จะพาเจ้าไปพบกับท่านพ่อของเจ้า”

“ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนกล้าหาญ ในภายหน้าเจ้าต้องเป็นดั่งท่านพ่อของเจ้าให้ได้ ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนกันกับเขา ! ”

หนี่ซางขยับริมฝีปาก แล้วลอบคิดในใจว่า ยังไม่รู้เลยว่าพ่อของเด็กอาศัยอยู่ที่ใด บุรุษก็เป็นเช่นนี้ ทำแล้วไม่รับผิดชอบ สงสารก็แต่องค์หญิง

การต่อสู้นองเลือดในคืนวันที่สามสิบที่ผ่านมา ทหารหญิงเกือบถูกกวาดล้างทั้งหมด ดูเหมือนองค์หญิงไม่ได้คิดเรื่องที่จะจัดตั้งกองทัพทหารหญิงขึ้นมาอีก เช่นนี้ก็ดีแล้ว นางจะได้ทุ่มเทให้กับองค์ชายน้อยได้อย่างเต็มที่ ปล่อยให้นางอยู่ดูแลองค์ชายไปเถิด

ทารกน้อยกินอิ่มแล้วเรอออกมาเล็กน้อย เอียงหัวไปข้างหนึ่งแล้วนอนหลับไปในอ้อมอกของมารดา

อู๋หลิงเอ๋อร์วางทารกไว้บนเตียงอย่างระมัดระวัง คลุมผ้าให้อย่างนุ่มนวล มองใบหน้าแสนบริสุทธิ์นั่น จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที

“แม่อยากเห็นหน้าเจ้าจึงให้เจ้าคลอดก่อนกำหนดถึง 2 เดือน อยากให้เจ้าได้สัมผัสกับโลกหล้าใบนี้โดยเร็ว”

นางจัดเสื้อแล้วลุกขึ้น กล่าวกับสาวใช้ที่ชื่อหนีซางกับลั่วอิงว่า “องค์ชายน้อยคงหลับถึงเช้า พวกเจ้าก็ไปพักเถอะ”

“เพคะ บ่าวทูลลา”

อู๋หลิงเอ๋อร์ถอนหายใจยาว นั่งอยู่ตรงหน้าต่างแล้วเหม่อมองออกไป นางใช้มือเท้าคาง ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัว ที่จินหลิงฝนตกหรือไม่ ?

ดึกดื่นถึงเพียงนี้ ท่านคงจะนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว

ข้ากับลูกสบายดี ท่านพ่อสามีแวะมาเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้งหลายครา ทั้งยังส่งจัวเปี๋ยหลีมาคุ้มกันที่นี่… จัวเปี๋ยหลีกล่าวว่าหากลูกของเราอายุได้ 2 ขวบ เขาจะสอนศิลปะการป้องกันตัวให้กับลูกของเรา… พ่อสามีบอกว่าฝึกไปก็เปล่าประโยชน์ แต่ข้าคิดว่าฝึกไว้ก็ดี จะได้มิเหมือนว่าถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบมากจนเกินไป

ฟู่เสี่ยวกวนนอนกระสับกระส่ายไปมา เขาฝันว่าท่ามกลางสายฝนที่หนาวเหน็บนี้ มีดอกเหมยสีแดงร่วงหล่นลงสู่พื้นธรณี