มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 465
เมื่อมาถึงบริเวณใกล้ ๆ ห้องใต้หลังคาหลัวซิวถึงพบว่าบริเวณรอบ ๆ ห้องใต้หลังคาแห่งนี้ มีค่ายกลอยู่แห่งหนึ่ง ค่ายกลนี้ได้ตรวจสอบผลการฝึกตนของนักยุทธ์ หากไม่ได้อยู่ในแดนจักรพรรดิยุทธ์ ก็จะถูกม่านแสงของค่ายกลขวางเอาไว้ ไม่สามารถเข้ามาได้

นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิยุทธ์ต้องการพาคนที่มีผลการฝึกตนไม่เพียงพอเข้าไป ก็จะต้องใช้พลังจิตแท้ของตนคุ้มครองผู้นั้นเอาไว้ ถึงจะสามารถผ่านการตรวจสอบของค่ายกลเข้ามาได้ สำหรับผลการฝึกตนของจักรพรรดิยุทธ์ ก็มีข้าเรียกร้องที่สูงพอสมควรเช่นกัน

เช่นนั้นก็หมายความว่า ถ้าหากเจ้ามีผลการฝึกตนแดนจักรพรรดิยุทธ์ แต่ถ้าความสามารถไม่แข็งแกร่งพอ ก็จะเข้าไปได้เพียงคนเดียว ไม่สามารถนำผู้อื่นเข้าไปด้วยได้

หลักการของค่ายกลนี้ไม่ได้ซับซ้อน จากความสำเร็จในระดับปรมาจารย์นักค่ายกลขึ้นเจ็ดของหลัวซิวในตอนนี้ สามารถมองออกได้ในชั่วพริบตา

ใช้พลังของลูกแก้วเสวียนดำ ขับเคลื่อนคลื่นพลังจิตแท้ของตนให้ถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้า ขณะเดียวกันนั้นกระแสพลังของหลัวซิวก็ได้ถูกปล่อยออกมา ครอบคลุมหลินจื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างเอาไว้ และได้เข้าไปในห้องใต้หลังคาได้อย่างง่ายดาย

บริเวณด้านในห้องใต้หลังคา นั้นกว้างขวางพอสมควร มีทั้งหมดประมาณยี่สิบกว่าที่นั่ง ตอนที่หลัวซิวเข้ามา พบว่าผู้คนไม่น้อยต่างก็ได้นั่งอยู่บนที่นั่งแล้ว

เกาเหลียนหงได้ตามเข้ามา และเย่เฟยเทียนคนนั้นก็ได้ตามเข้ามาเช่นเดียวกัน เดินตามอยู่ที่ด้านหลังของหลัวซิว

เห็นได้ชัดว่าเย่เฟยเทียนยังไม่ตายใจ และหลัวซิวก็ไม่ได้กล่าวอะไรกับท่าทีเช่นนี้ของเขา

ทุกที่นั่งล้อมเป็นวงกลม หลัวซิวนั่งลงไปบนที่หนั่งแห่งหนึ่ง เกาเหลียนหงนั่งลงบนที่นั่งด้านข้างเขา ส่วนหลินจื่อเฟิงละเย่เฟยเทียนนั้น ยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา

ผู้ที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ด้านในล้วนเป็นจักรพรรดิยุทธ์ ที่ด้านหลังของจักรพรรดิยุทธ์คนอื่น ๆ บางคน ก็ได้มีผู้ติดตามญาติพี่น้องยืนอยู่ พาพวกเขามาที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตา สัมผัสความยิ่งใหญ่ของงานประมูลยา

สำนักไม้เสวียนได้เตรียมที่นั่งเอาไว้จำนวนมาก เมื่อผู้ที่ควรจะมาต่างได้นั่งลง ก็ได้มีที่นั่งว่างอยู่สองสามโต๊ะ จะไม่มีผู้ใดที่มาแล้ว กลับต้องยืนประหม่าเพราะไม่มีที่นั่ง

ในหมู่จักรพรรดิยุทธ์ที่นั่งอยู่นั้น คือกองกำลังต่าง ๆ ที่มาจากบริเวณรอบ ๆ เทือกเขาเหิงหยุน มีการดำรงอยู่เหนือธรรมชาติดั่งเช่นแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่เป็นธรรมดาที่จะไม่ลดฐานะมาเข้าร่วมงานประมูลยา

จักรพรรดิยุทธ์บางคนที่รู้จักคุ้นเคยกัน ต่างได้สื่อสารกันผ่านทางตัวสำนึก หรือไม่ก็กระซิบกระซาบกัน สื่อสารระหว่างกันไปมา

ทันใดนั้น ชายชราผู้หนึ่งก็ได้ค่อย ๆ ยืนขึ้นจากที่นั่งของตน เขาโบกมือ แท่นบัวเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณครึ่งเมตรก็ได้ปรากฏขึ้น ถูกคนผู้นี้ใช้พลังจิตแท้ยกขึ้นมา ลอยอยู่กลางอากาศ

แท่นบัวมีสีเขียวมรกต เหมือนว่าทำมาจากหยก ด้านบนนั้น มีพระหยกวางอยู่ มือซ้ายทำสัญลักษณ์ มือขวาวางหงาย สีหน้าท่าทางไม่สุขไม่ทุกข์

เมื่อหลัวซิวได้เห็นแท่นบัวและพระหยกนี่ เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยทันที “สมบัติพรรคธรรมะ?”

ในยุคสมัยโบราณ โลกแสงดาวในอาณาจักรตะวันตกมีพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์อยู่แห่งหนึ่ง มีนามว่าเขาพระสุเมรุแต่เมื่อเกิดหายนะในสมัยโบราณ เขาพระสุเมรุถูกทำลายกลายเป็นที่ราบ เหมือนกับสำนักไท่เสวียน หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ปัจจุบันทางอาณาจักรตะวันตก ยังมีการสืบทอดของพรรคธรรมะอยู่บ้าง แต่ส่วนมากล้วนไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนดั่งในสมัยโบราณ

ชายชราที่นำพระหยกแท่นบัวออกมาผู้นั้นกล่าวอย่างช้า ๆ : “นี่คือสมบัติพรรคธรรมะที่ข้าพึ่งได้มาไม่นาน ในนั้นมีการสืบทอดจากเขาพระสุเมรุในสมัยโบราณรวมอยู่ด้วย แต่ข้ากับของสิ่งนี้ไม่มีวาสนาต่อกัน ไม่อารเข้าใจความลับที่ซ่อนอยู่ภายในได้”

“ดังนั้นจึงได้นำมาประมูลที่งานประมูลยาในครั้งนี้ ราคาเดียว หินพลังจิตชั้นสูงหนึ่งแสนก้อน”

ชั้นสูงหนึ่งแสนก้อน สำหรับจักรพรรดิยุทธ์ทุกคนแล้ว ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แม้ว่าพระหยกแท่นบัวนี้จะดูไม่เลว แต่ถ้าบอกว่ามีการสืบทอดจากเขาพระสุเมรุในสมัยโบราณรวมอยู่ด้วย มันดูหลอกลวงอยู่บ้าง

ต่างก็ทราบกันดี การสืบทอดจากเขาพระสุเมรุในสมัยโบราณนั้นได้ตัดขาดไปเป็นเวลาหลายหมื่นปี ของสิ่งนี้ถ้าหากมีความลับการสืบทอดที่ยิ่งใหญ่รวมอยู่ จะต้องไม่มาปรากฏขึ้นที่งานประมูลยาเล็ก ๆ นี่อย่างแน่นอน

“มีการสืบทอดอยู่หรือไม่นั้น ไม่มีผู้ใดสามารถแน่ใจได้ ชั้นสูงหนึ่งแสนก้อนแพงเกินไปแล้ว” ใครบางคนเอ่ยขึ้นมา

ชายชราผู้นั้นส่ายหัว “ชั้นสูงหนึ่งแสนก้อน ห้ามขาดแม้แต่ก้อนเดียว ถ้าหากไม่มีใครเอา เช่นนั้นข้าก็จะเก็บเอาไว้พิจารณาดูต่อไป”

“พระหยกแท่นบัวนี่ มีประสิทธิภาพอย่างอื่นหรือไม่?” ใครบางคนเอ่ยถามขึ้นมา

“เหอะ ๆ สหายท่านนี้ถามได้ดี ถ้าหากไม่มีประสิทธิภาพ ข้าจะเอาออกมาให้ขายหน้าทำไมกัน?” ชายชรากล่าวพลางลูบเคราสีขาว