บทที่ 618 การร่วมมือกันของสามกองกำลัง

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 618 การร่วมมือกันของสามกองกำลัง

 

พวกเขาตกใจมาก พร้อมกับหันไปมองเจ้ามังกร

 

เมื่อมังกรมองลงมาหาพวกเขา ทุกคนก็ตกใจไปตาม ๆ กัน

 

เพราะคนที่มาพร้อมกับมังกรคือชายหนุ่มที่นั่งตำแหน่งที่สี่ใน สหพันธ์แห่งความมืด

 

ในเวลานี้ใบหน้าของชายหนุ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีเส้นแสงสีเขียวเข้มแปลก ๆ ลอยอยู่บนใบหน้า ดวงตาของเขามีสีแดงส่องแสงออกมา

 

“อืมคุณหมายความว่าอย่างไร”

 

ในเวลานี้ชายคนนั้นก็ยืนอยู่เบื้องหน้าสำนักฮัวหยุนจง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นปกคลุมร่างของตัวเองด้วยเสื้อคลุมเปลวเพลิงกำลังจ้องมองไปที่สหพันธ์แห่งความืดและทั้งสี่พร้อมกับจะกล่าวอะไรออกมา

 

อย่างไรก็ตามผู้นำอีกสามคนของสหพันแห่งความมืดไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ ผู้นำเหล่านั้นเอาแต่มองไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างเงียบ ๆ ไร้ซึ่งเสียง

 

ในขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็สงสัยเช่นกันว่าผู้นำอันดับหนึ่งของสหพันธ์แห่งความมืดจะปรากฏตัวเมื่อใด

 

“ผู้นำแห่งความมืดมีเพียงสามคนในอย่างงั้นเรอะ ทำไมมีอีกคนหนึ่งถึงยังไม่มาหละ?”

 

“ข้าไม่รู้! บางทีเขาอาจจะไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลยก้ได้!”

 

“อาจจะใช่นะ แต่ฉันคิดว่า เขาน่าจะมาแหละครั้งนี้… “

 

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างมองไปที่ชายคนที่สี่บนแท่นบูชาของสหพันธ์ พวกเขาทั้งสี่กำลังพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ

 

“ ใครกล้าเผยร่างและโจมตีเทียนกง มีจุดจบเดียวเท่านั่น มันก็คือความตาย!” ใบหน้าของชายหนุ่มที่แปลกประหลาดนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา สายตาของเขามองไปยังผู้คนในสังกัดของฮั่วหยุนจง ซึ่งนั้นก็ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านแทบจะทันทีราวกับว่างพวกเขาตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

 

“ ฮึม!” อย่างไรก็ตามชายในนิกายฮัวหยุนจงผู้ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมเปลวเพลิงนั้น ได้ส่งเสียงอย่างเยือกเย็นราวกับสัตว์ประหลาดในอดีตกาล

 

อากาศควบแน่นเป็นเปลวไฟในฝ่ามือขนาดใหญ่นั้น เสียงแห่งการเผาไหม้และประทุก็กระจายออกมาอย่างน่าเกรงขาม

 

อย่างไรก็ตามชายหนุ่มแปลกหน้ามองไปที่ฝ่ามือเปลวไฟและพูดอย่างไม่เกรงกลัวไปว่า “ไปให้พ้น!”

 

เมื่อเห็นปีกเนื้อสีแดงสดคู่หนึ่งงอกขึ้นกลางหลัง ภายใต้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ใบมีดเปื้อนเลือดหลายเล่มปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าตัดฝ่ามือแห่งเปลวไฟโดยตรง

 

“อะไรกัน! ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้!”

 

บรรดาผู้เฝ้ามองหรี่ตาลงทีละคน พร้อมกับความตกใจที่ตามมา

 

“อะแฮ่ม! ผู้นำแห่งฮัวหยุนจง พวกเราเคยมีความสัมพันธ์เก่า ๆ กับผู้คนในเทียนกงใช่ไหม ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดในเทียนกงจะถูกเลื่อนออกไปก่อน ดังนั้นในขณะนี้และเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้” ผู้นำคนแรกของสหพันธ์แห่งความมืดกล่าว

 

“อืม ๆ “

 

ผู้นำแห่งฮั่วหยุนจงก็ตกใจเช่นกัน ในเวลาเดียวกันนี้เขากล่าวว่าความแข็งแกร่งของพันธมิตรแห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งมาก มีผู้แข็งแกร่งสี่คนที่บรรลุพลังแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว และพลังนั้นก็มากกว่าขึ้นที่ห้า มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ

 

หลังจากการสนทนาผ่านไปครึ่งวัน ทั้งสามฝ่ายก็ได้ข้อสรุปเดียวกันคือโจมตีกลุ่มสำนักก่อนแล้วตามด้วย ปิงหยวนจงและนิกายจือหยวน!

 

 

สามวันต่อมา หลินเฟิงนั่งอยู่ที่บ้านของเขา ทันใดนั้นก็ทีสายเข้าที่โทรศัพท์มือถือของเขา

 

นั้นเป็นสายจากลู่ซื่อจี้ หลังจากที่หลินเฟิงเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว เขาก็ไปยังสถานที่ที่กลุ่มของเขาตั้งอยู่ทันที

 

ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถง กลุ่มคนของเขาก็ เห็นกลุ่มคนอีกสองกลุ่มรออยู่ในห้องโถงก่อนแล้ว พวกเขากำลังเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความประหลาดใจของหลินเฟิง ทั้งสองกลุ่มนั้นล้วนได้รับบาดเจ็บราวกับว่าพวกเขาเพิ่งทำสงครามมา

 

สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงงงงวยมาก

 

หลินเฟิงมองไปที่ผู้นำของทั้งสองกลุ่ม คนหนึ่งสวมชุดสีขาวแกมฟ้าราวกับน้ำแข็ง มีคิ้วสีขาวและผมสีขาว ลมหายใจของเขาก็เย็นชาและน่ากลัว ลมหายใจของอีกฝ่ายก็รุนแรงเช่นกันแต่ตอนนี้มันแผ่วเบา มันบรรจบลึงลงราวกับทะเลลึกไม่สามารถตรวจจับสิ่งใดที่อยู่ในนั้นได้

 

“เป็นไงบ้าง” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงไม่รู้สึกถึงความสำเร็จที่เขาพยายามทำมา นั้นก็เพราะผู้แข็งแกร่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังมากว้าเขาถึงห้าเท่า ไม่ว่าพวกเขาจะมีพลังแบบไหน มันก็เป็นตัวตนของความสุดยอด

 

จากนั้นหลินเฟิงมองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง และพบว่ามีร่างที่คุ้นเคยหลายคนอยู่ในทั้งสองฟั่ง พวกเขาเป็นคนของนิกายจือหยวนและปิงหยวนจง ที่พบกันในการประชุมที่จัดขึ้นในจังหวัด K เมื่อวันก่อน

 

“มากันกี่คน?” หลินเฟิงกำหมัดแน่นและแสร้งทำเป็นไม่รู้

.

“นายแห่งเทียนกง สวัสดี! ฉันเป็นผู้นำของปืงหยวนจน ปิงเฉียนยี่ ชายในชุดน้ำแข็งสีขาวกำหมัดของเขาเอาไว้

 

และอีกเสียงของฝั่งจือหยวน เพิ่งดังขึ้นที่ประตู

 

“โอ้ โอ้ พวกท่านทั้งสองคนเป็นถึงเจ้าสำนัก เดินทางมาถึงที่นี่ คงเป็นระยะทางที่ยาวนานมาก พวกเราขอต้อนรับพวกคุณ!” หลินเฟิงวางมาดสุภาพเอาไว้ก่อน

 

อย่างไรก็ตามทั้งสองคนไม่มีเวลามาเล่นตามบทกับหลินเฟิเท่าไหร่นัก ปรมาจารย์แห่งปิงหยวนจง กล่าวว่า “ผุ้นำแห่งเทียนกง พวกเรากำลังรีบมากดังนั้นจึงไม่มีเวลามาเสียให้กับที่นี่! เรามาที่นี่ในเวลานี้ โดยหวังว่าจะสามารถซื้อทรัพยากรเทคโนโลยีของพวกคุณได้ และเราก็หวังอย่างยิ่งว่าพวกเราจะได้เป็นพันธมิตรกับ ฝ่ายของพวกคุณ! “

 

“การจัดซื้อทรัพยากรสามารถพิจารณาได้ แต่เรื่องพันธมิตร หมายถึงอะไรพันธมิตรประเภทใด” หลินเฟิงถาม

 

“คุณไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมันหรอกเหรอ สหพันธ์แห่งความมืด องค์กรนักฆ่าลั่วฉา และ ฮั่วหยุนจงร่วมมือกัน!”

 

พวกเขากำลังวางแผนที่จะรวมประเทศให้เป็นของพวกมัน ในเวลานี้พวกเขากำลังต่อสู้กับกองกำลังอื่น ๆ อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย” ผู้นำนิกายจือหยวนกล่าว

 

แค็ก! แค็ก! แค็ก!

 

พูดจบทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาทันที มันย้อมผ้าคลุมผืนนั้นให้เป็นสีแดง

 

“ ท่านอาจารย์!”

 

คนที่มากับนิกายจือหยวนเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้นำคนนั้นก็กระอักเลือด พวกเธอก็รีบเข้ามาพยุงร่างของหัวหน้าทันที

 

“มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?” หลินเฟิงประหลาดใจ เขาคิดว่าหลังจากการประชุมที่จัดขึ้นโดยผู้นำราชวงศ์จะบรรเทาความตรึงเครียดลงได้แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม

 

โดยไม่คาดคิด มันกลับเร่งการต่อสู้ระหว่างกองกำลังต่าง ๆ เร็วขึ้นเสียอย่างงั้น

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

จากนั้นหลินก็หันไปมองลู่ซื่อจี้ ในฐานะที่เธอเป็นผู้จัดการแผนกข้อมูล ควรรู้เรื่องแบบนี้ตั้งแต่แรกและแจ้งให้หลินเฟิงทราบ แต่ไม่มีข่าวคราวเลย เป็นเรื่องแปลกจริงๆ

 

ลู่ซื่อจี้ส่ายหัวและกล่าวว่า “ผู้ตรวจสอบของเราทั้งหมดขาดการติดต่อไม่มีใครเหลืออยู่เลย”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น เสียงหัวใจของหลินเฟิงก็สั่นสะท้าน

 

“เข้ามา! ได้โปรดเสิร์ฟชาและอาหารสำหรับทุกคนและให้พวกเขาได้รับการรักษาทันที! พวกคุณสามารถบอกฉันเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือไม่” หลินเฟิงกล่าวกับพวกเขาอย่างจริงจัง

 

“ดี!” ผู้นำทั้งสองคนเห็นด้วย จากนั้นหลินเฟิงก็เข้าไปในห้องโถงอื่น

 

จากนั้นหัวหน้าของทั้งสองสำรนักก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินเฟิงฟัง

 

ปรากฎว่าเรื่องทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน

 

สหพันธ์แห่งความมืด องค์กรนักฆ่า และฮั่วหยุนจง แทบจะเป็นจุดแข็งที่สุดในบรรดาทั้งแปดกองกำลัง เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาจะไร้ซึ่งผู้ต้านทาน

 

ในหมู่พวกเขาหกนิกายถูกทำลายโดยการบุกเข้าไปโดยตรง กลุ่มคนเหล่านั้นไม่เหลือผู้ที่แข็งแกร่งเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่เลย

 

“อะไรนะ?”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้หลินเฟิงก็ตกใจ อย่างน้อยหกสำนักก็เป็นพลังอันทรงพลังที่เกิดจากหกตระกูลแต่กลับหายไปในชั่วข้ามคืน

 

“แม้ว่าข่าวนี้จะน่าตกใจมาก แต่ก็เป็นเรื่องจริง พวกเรายังโชคดีพอที่รอดมาได้!” ผู้นำนิกายจือหยวนกล่าว

หลินเฟิงตกใจและกล่าวกลับไปว่า “พวกเขาถูกโจมตีด้วยพลังอะไร”

 

“ไม่มีการยกเว้น ทั้งนิกายจือหยวน ปิงหยวนจง และทั้งหกสำนัก มันน่าสังเวชมาก พวกเขาร่วมมือกันได้ไม่นาน ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดถูกทำลาย ตีแตกพ่ายกันไปทั้งหมด! ผู้แข็งแกร่งเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องยอมจำนน หรือไม่ก็ถูกทำลาย!” เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินเฟิงก็ตกใจมากกว่าเดิม

 

สามวันนี้เขามีช่วงเวลาที่ดีมากมาย จนเขาไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นข้างนอกนั้นภายในคืนๆ เดียวแบบนี้

 

“ แล้วทำไมพวกเขาไม่โจมตีเทียนกงหรือสำนักของผู้เฒ่านั้นหละ?”