บทที่ 2 ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

บทที่ 2 ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง Ink Stone_Romance

แพทริเซียไม่อาจอธิบายเหตุการณ์นี้ได้ด้วยความรู้ที่นางมี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความจริง นางย้อนเวลากลับมาตอนอายุสิบเก้าปี

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่ตรงหน้าแล้ว แพทริเซียจ้องไปที่พี่สาว ดวงตาที่มองมาอย่างห่วงใยนั้นใสดุจน้ำในทะเลสาบ

ความทรงจำสุดท้ายในชาติก่อนผ่านเข้ามาในหัว ชาติก่อนเปโตรนิยาไล่ตามความรักจนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอดสู ถ้านี่คือชีวิตใหม่ที่ฟ้าประทานให้จริงๆ… หากพระเจ้าทรงเมตตาเราสองพี่น้องจึงประทานโอกาสให้อีกครั้งล่ะก็…

เช่นนั้น ข้าจะ…

“ท่านพี่”

“อืม ว่าอย่างไร ริซซี่”

“ไม่จำเป็นต้องจับสลากหรอก”

ข้าจะไม่ทำให้โศกนาฏกรรมนั้นต้องซ้ำรอย

“ทำไมล่ะ”

ใบหน้าของแพทริเซียเจือรอยยิ้มบางเบายามมองพี่สาวที่ถามกลับมาอย่างใสซื่อ

“ข้าจะเป็นเอง”

ครานี้ ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง

“ข้าจะเป็นควิเนส”

เปโตรนิยาไม่เข้าใจน้องสาวของตนเลย เมื่อวานนี้ ไม่สิ เมื่อสักครู่นี้นางยังดื้อแพ่งบอกว่าไม่อยากเป็นจักรพรรดินี แต่จู่ๆ นางก็เปลี่ยนใจราวกับเป็นคนละคน เปโตรนิยาไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวของนางถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ แต่การที่นางไม่ต้องไปเป็นควิเนสก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เปโตรนิยาถามย้ำอีกครั้งด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจอีก

“จริงหรือ”

“อืม”

“ห้ามกลับคำนะ”

“อืม”

แพทริเซียตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“ไม่กลับคำ…แน่นอน”

“เย่!”

แพทริเซียมองเปโตรนิยาที่ทำท่าดีอกดีใจเหมือนเด็กด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะพูดขึ้น

“ไปที่ห้องหนังสือกันเถอะ ไปให้คำตอบกับท่านพ่อ”

มาร์ควิสโกรเชสเตอร์ที่อายุครบสี่สิบสองในปีนี้กำลังลำบากใจว่าจะส่งลูกสาวคนใดไปเข้าร่วมการคัดเลือกควิเนสดี จะส่งเปโตรนิยาลูกสาวคนโตไป นิสัยของนางก็ดูจะเข้ากับพวกราชนิกูลไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ส่งแพทริเซียที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาไป เขาก็ไม่สะดวกใจ ด้วยเพราะนางเป็นลูกคนรอง และขณะที่เขากำลังเหม่อลอยไปเรื่อยเพราะยังคิดไม่ตกเสียที เสียงเคาะประตูห้องหนังสือก็ดังขึ้น

“นั่นใคร”

“นีย่าค่ะ ท่านพ่อ”

“อ้อ เข้ามาสิ”

เขาต้อนรับลูกสาวทั้งสองด้วยความปีติ แม้จะสงสัยว่าเหตุใดทั้งคู่ถึงมาหาเขากลางดึกเช่นนี้ แต่เขาก็เลือกที่จะยกน้ำชามาให้บุตรีก่อนจะเอ่ยปากถามอะไรต่อ หลังจากวางแก้วชาอัสสัมอุ่นๆ ลงบนโต๊ะ มาร์ควิสก็ถามธุระของลูกๆ

“พวกเจ้ามีธุระอะไร ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่นอน”

“พวกเรามีเรื่องจะบอกท่านพ่อค่ะ”

สีหน้าของเปโตรนิยามีแววลิงโลด มาร์ควิสที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ได้แต่คิดว่าคงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เปโตรนิยาทำหน้ากรุ้มกริ่มแต่ไม่ยอมปริปากพูดอะไร นางดื่มชาเข้าไปอีกอึกสองอึกถึงพูดออกมา

“ริซซี่บอกว่าอยากเป็นควิเนสค่ะ”

“…จริงหรือ”

“ค่ะ ท่านพ่อ”

แพทริเซียวางแก้วชาลงบนโต๊ะกระจกด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางตอบบิดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ข้าจะเป็นเองค่ะ”

“อืม…”

เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาเองก็คิดไม่ตกกับเรื่องนี้มาตลอด แต่นิสัยของเปโตรนิยาไม่เหมาะกับความเข้มงวดและความภูมิฐานของชีวิตในวังจริงๆ ด้วยเหตุนั้นมาร์ควิสจึงเก็บความรู้สึกดีใจไว้ภายในและไม่แสดงออกเมื่อแพทริเซียเป็นฝ่ายออกปากว่าจะเป็นควิเนส

“เจ้าสมัครใจหรือ”

“ค่ะ”

เมื่อฟังบุตรีตอบ มาร์ควิสก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับเปโตรนิยา

“เข้าใจล่ะ นีย่า ดึกมากแล้วลูกไปนอนเถอะ พ่อขอคุยกับริซซี่อีกสักหน่อย”

“ค่ะท่านพ่อ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พรุ่งนี้คุยกันนะริซซี่”

เปโตรนิยาบอกราตรีสวัสดิ์ทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงที่มีความร่าเริงอยู่ในทีก่อนจะออกจากห้องหนังสือไป ตอนนี้ในห้องเหลืออยู่เพียงสองคน หลังจากดื่มชาที่ยังขึ้นไอร้อนจนหมดแก้ว มาร์ควิสจึงค่อยๆ เอ่ยปากถามลูกสาว

“เจ้าสมัครใจจริงๆ หรือ ริซซี่”

“ค่ะท่านพ่อ”

“พ่อสงสัยว่าทำไมลูกถึงเปลี่ยนใจ”

มาร์ควิสจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำของแพทริเซียและเอ่ยถาม

“ถ้าลูกมีเหตุผลอะไร บอกพ่อได้ไหม”

“…ไม่มีค่ะ ข้าเพียงแต่คิดว่าหากต้องมีใครสักคนในบรรดาเราสองคนเป็นควิเนส คนผู้นั้นควรจะเป็นข้า”

การไม่ส่งบุตรีคนใดไปเลยนั้นไม่สามารถทำได้ กฎของจักรวรรดิระบุไว้ชัดเจนว่าควิเนสจะต้องเป็นเด็กสาวอายุระหว่าง 18-20 ปีจากตระกูลขุนนางระดับเคานต์ขึ้นไป ซึ่งตระกูลของมาร์ควิสโกรเชสเตอร์ก็จำเป็นต้องส่งไปหนึ่งคน

“หรือท่านพ่ออยากให้นีย่าไป?”

แพทริเซียเอ่ยถามด้วยใจที่สั่นไหว แต่โชคดีที่คำตอบที่ได้รับไม่แย่นัก

“ไม่หรอก ใจจริงพ่อก็อยากให้เจ้าไป”

“…อย่างนั้นหรือคะ”

ไม่ต้องถามเหตุผลก็พอจะรู้ บิดาของนางเป็นถึงมาร์ควิส ท่านคงคิดว่าหากส่งตัวนางซึ่งเป็นคนเงียบขรึมไปน่าจะวางใจมากกว่า และตัวนางเองก็ไม่ได้ไม่พอใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจกับความคิดนั้น

“สัปดาห์หน้าหรือคะ ที่ข้าต้องเข้าวัง” นางถามต่อ

ควิเนสทั้งห้าคนจะไปรวมกันเพื่อเข้ารับการทดสอบในพระราชวังเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งในนั้นจะถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี มาร์ควิสพยักหน้าก่อนจะกล่าวด้วยความเคลือบแคลงใจ

“เจ้าดูนิ่งและไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย พ่อก็พอรู้ว่าเจ้าเป็นคนเงียบขรึม แต่ไม่รู้ทำไม…เหมือนเจ้าคุ้นชินกับสิ่งนี้แล้วอย่างไรอย่างนั้น”

แพทริเซียหัวเราะไม่ออกเสียงให้กับคำพูดของบิดาเพราะมันคือความทรงจำที่ปวดร้าวสำหรับนาง แต่นางไม่อาจบอกอะไรให้อีกฝ่ายรู้จึงพูดเรื่องจริงให้เหมือนคำโกหกออกไป

“ข้าคงเคยเห็นในฝันมาแล้วกระมัง”

“เจ้านี่นะ”

มาร์ควิสแย้มยิ้ม ส่วนแพทริเซียพูดเหมือนแจ้งให้รู้ไว้ก่อน

“ท่านพ่อ ข้าไม่คิดจะชนะนะคะ ข้าจะกลับบ้าน”

ควิเนสมีทั้งหมดห้าคน แต่คนที่จะได้เป็นจักรพรรดินีมีเพียงหนึ่งเดียว ควิเนสที่ไม่ได้รับคัดเลือกจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แน่นอนว่าสามารถแต่งงานกับลอร์ด[1]ตระกูลใดก็ได้ เหมือนอย่างมารดาของนาง ก่อนจะย้อนเวลากลับมา แพทริเชียก็ไม่ได้อยากขึ้นไปอยู่บนที่ที่สูงกว่าผู้อื่น หลังย้อนเวลากลับมาแล้วยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ทุกๆ อย่างจะเป็นเพียงความทรงจำก็ตาม แต่จะให้ไปแต่งงานกับผู้ชายที่เคยเป็นพี่เขยจนถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ คงไม่สอดคล้องกับหลักศีลธรรมสักเท่าไร

“ท่านพ่อจะว่าไหมคะ” นางยิ้มพลางเอ่ยปากถามมาร์ควิส

“ไม่เลย ลูกจงพ่ายแพ้และกลับมาหาพ่อเถอะ”

เขาจุมพิตที่หน้าผากของบุตรสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดราวกับกระซิบ

“ตอนนี้พ่อก็ยังไม่อยากยกเจ้าหญิงของพ่อให้ผู้ชายหน้าไหนเหมือนกัน”

แพทริเซียกลับมาที่ห้องและทิ้งตัวลงบนที่นอน ย้อนอดีตกลับมายังไม่ทันถึงสองชั่วโมง แต่นางกลับเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องในอดีตไปแล้ว จำได้ว่าที่จริงแล้ว เปโตรนิยาซึ่งเป็นคนจับสลากแพ้ต่างหากที่เป็นคนบอกผู้เป็นบิดาว่าจะเป็นควิเนส แพทริเซียกัดปากแน่นโดยไม่รู้ตัว

ตอนนั้นทั้งนางและเปโตรนิยาต่างไม่มีใครอยากเป็นควิเนส อย่างที่พูดไปเมื่อครู่ ตัวนางเองไม่ได้อยากอยู่เหนือใคร นางเคยอ่านจากจารึกประวัติศาสตร์หลายต่อหลายฉบับกล่าวว่าบนนั้นมีด้านที่อันตราย แน่นอนว่าที่ตอนนี้นางเปลี่ยนใจก็เนื่องมาจากโศกนาฏกรรมในอดีต

อีกทั้งพี่สาวของนางเป็นคนที่ช่างเพ้อฝัน เปโตรนิยาเฝ้าฝันว่าจะได้เจอเจ้าชายขี่ม้าขาวเหมือนในนิทาน นางไม่มีทางมองว่าตำแหน่งควิเนสที่เหมือนถูกจับคลุมถุงชนกลายๆ นั้นน่าดึงดูดเป็นแน่

ด้วยเหตุนั้น ในอดีตพวกนางสองพี่น้องจึงใช้วิธีที่แม้แต่แพทริเซียในตอนนี้ก็ยังคิดว่าน่าอดสูอย่างการจับสลากเพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นควิเนส สุดท้ายแล้วคนที่ได้เป็นก็คือเปโตรนิยา และบทสรุปของนางคือความตาย เมื่อแพทริเซียคิดมาถึงตรงนี้ ปากของนางก็เยินจนเลือดซึมแล้ว

แพทริเซียย้อนเวลากลับมาแล้ว และนางเปลี่ยนอนาคตด้วยการเสนอตัวเป็นควิเนสแทนเปโตรนิยา ซึ่งปลายทางของมันอาจไม่ซ้ำรอยโศกนาฏกรรมที่ตัวนางและครอบครัวต้องตาย

ต่อให้แพทริเซียต้องเป็นควิเนส แต่ถ้านางไม่ได้เป็นจักรพรรดินีทุกอย่างก็จบ และต่อให้นางได้เป็นจักรพรรดินี ถ้าการเสียสละของนางจะทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปได้ เพียงเท่านั้นนางก็พอใจแล้ว ขอเพียงไม่เกิดความสูญเสียเช่นนั้นอีก ย่อมดีกว่าเป็นร้อยเท่าพันทวี

“เรื่องนั้นยังอีกตั้งสามปี”

เพราะฉะนั้นนางจะเปลี่ยนอนาคตเท่าไรก็ย่อมได้ นางจะต้องเปลี่ยนมันให้ได้

แพทริเซียไม่อาจรู้ได้ว่าอนาคตที่รออยู่จะเป็นเช่นไร แต่อย่างน้อยนางก็จะไม่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นที่เคยเกิด นางจะพยายามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อให้เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นชีวิตที่ได้รับมาใหม่นี้ เจ้าหวังให้มันจบอย่างมีความสุขได้เลยนะ ท่านพี่

“ข้าจะทำให้มันจบอย่างมีความสุขให้ได้”

แพทริเซียตั้งใจเช่นนั้น นางจะเป็นควิเนส ดีไม่ดีอาจจะต้องเป็นจักรพรรดินีแทนพี่สาว นางจะลบรอยแผลในอดีตให้สิ้นซาก ไม่เหลืออยู่แม้แต่ในความทรงจำ

***

ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ทุกคนก็พอจะทราบกันแล้วว่าควิเนสทั้งห้าคน ได้แก่ เลดี้[2]ราฟาเอลา จากตระกูลมาร์ควิสบริงสโตน เลดี้เกรตา จากตระกูลเคานต์อาร์เซลโด เลดี้บาร์บรา จากตระกูลมาร์ควิสดิวาร์ เลดี้ทริชา จากตระกูลดยุกวาเซียร์ และตัวนาง

เดิมทีเลดี้ทริชาซึ่งเป็นบุตรีของดยุก[3]ควรจะได้เป็นจักรพรรดินี แต่ในตอนนั้นไม่รู้ว่าพี่สาวเอาชนะเลดี้ทริชาแล้วกลายเป็นจักรพรรดินีได้อย่างไร แพทริเซียตั้งใจจะทำให้ตัวเองสอบตกและไม่ต้องเป็นจักรพรรดินี แต่นางก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะเรื่องเหนือความคาดหมายเคยเกิดขึ้นไปแล้วครั้งหนึ่ง

ในที่สุดก็ถึงวันที่แพทริเซียต้องเดินทางเข้าวัง เปโตรนิยาที่น้ำปริ่มขอบตาไม่ยอมปล่อยมือของน้องสาว

“ริซซี่ เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น เดินทางดีๆ แล้วก็รีบไปรีบมานะ เข้าใจไหม”

ครั้นได้ฟังดังนั้น แววตาของแพทริเซียที่มองอีกฝ่ายก็ลุ่มลึกขึ้น เมื่อสามปีก่อนตัวนางเองก็เป็นเช่นนี้ สองมือของนางกอบกุมมือของเปโตรนิยาที่กำลังจะเข้าวัง ปากก็บอกว่าให้รีบสอบตกและรีบกลับมา ให้พี่สาวเดินทางปลอดภัย ซึ่งท้ายที่สุดพี่สาวของนางก็ได้เป็นจักรพรรดินีและกลับมาโดยไม่มีรอยขีดข่วน แพทริเซียยิ้มบางๆ

“ข้าต้องคิดถึงเจ้าแน่ นิล”

“ข้าก็เหมือนกัน ริซซี่ พวกเราไม่เคยอยู่ห่างกันนานๆ แบบนี้เลยนะ…”

เสียงของเปโตรนิยาอู้อี้ ตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาจนเวลาผ่านเลยมาถึงตอนนี้ก็สิบเก้าปีแล้ว พวกนางไม่เคยอยู่ห่างกันนานๆ เช่นนี้เลย บางคนอาจค่อนแคะได้ว่าห่างกันเพียงสัปดาห์เดียวจะอะไรกันหนักหนา แต่สำหรับพี่น้องคู่นี้ นี่คือครั้งแรก แพทริเซียกำชับเบาๆ ในขณะที่เปโตรนิยากอดนางไว้ในอ้อมอกราวกับนางเป็นเด็กเล็ก

“…ห้ามมาที่วังนะ เข้าใจไหม”

 ที่พูดออกไปนั้นอาจเป็นเพราะแพทริเซียกังวลเกินกว่าเหตุ คราวก่อนคนที่ได้เป็นควิเนสคือเปโตรนิยาที่บ่นหนักหนาว่าไม่อยากเป็นจักรพรรดินี แต่ที่สุดแล้วนางกลับตกหลุมรักจักรพรรดิตั้งแต่แรกพบ และพยายามทุกทางเพื่อที่จะได้เป็นจักรพรรดินี

แน่นอนว่าคราวนี้คนที่ได้เป็นควิเนสคือตนไม่ใช่พี่สาว แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระวังไว้ก่อนไม่เสียหาย เปโตรนิยาหัวเราะคิกคักเมื่อถูกกำชับเช่นนั้น

“เจ้านี่นะ เห็นข้าเป็นคนอย่างไร ข้าไม่คิดจะทำลายชื่อเสียงของน้องสาวหรือตระกูลเราสักนิด ไม่ต้องกังวลหรอก”

“…นั่นสินะ”

แพทริเซียตบบ่าพี่สาวเบาๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปร่ำลามาร์ควิสและมาร์เชอเนส

“ข้าจะรีบไปรีบมานะคะ”

“จ้ะ ริซซี่ เดินทางปลอดภัยเหมือนที่พี่สาวลูกอวยพรนะ”

“เราเชื่อว่าลูกสาวของเราจะรักษากิริยาได้ดี”

แพทริเซียเกือบจะร้องไห้ให้กับน้ำเสียงที่เจือความห่วงใยของบิดาและมารดา แต่โชคดีที่คนขับรถม้าเข้ามาพอดี นางจึงรอดจากเรื่องน่าอายเช่นนั้นไปได้ มาร์ควิสและมาร์เชอเนสกอดแพทริเซียอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยนางมาขึ้นรถม้า และมุ่งหน้าสู่พระราชวัง

และนี่คือจุดเริ่มต้นของอดีตที่เปลี่ยนไป


[1] ลอร์ด (Lord) เป็นคำเรียกที่ใช้เรียกขุนนางชายตั้งแต่ยศมาร์ควิสลงไปจนถึงบารอน หรือลูกชายของขุนนาง ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ

[2] เลดี้ (Lady) เป็นคำเรียกที่ใช้เรียกหญิงชนชั้นสูงที่มีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่มาร์เชอเนสลงไปจนถึงบารอเนส รวมถึงภรรยาและบุตรีของขุนนาง ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ

[3] ดยุก (Duke) เป็นตำแหน่งสูงสุดในบรรดาศักดินาขุนนางของยุโรป อันได้แก่ ดยุก มาร์ควิส เคานต์ ไวเคานต์ และบารอน เลดี้ทริชาซึ่งเป็นลูกสาวของดยุกวาเซียร์จึงมีศักดิ์สูงกว่าเลดี้คนอื่นๆ และมีโอกาสได้เป็นจักรพรรดินีมากที่สุด