บทที่ 4 บทที่ 14 แค่ตอนนั้นยังเด็กอยู่

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 14 แค่ตอนนั้นยังเด็กอยู่ โดย Ink Stone_Fantasy

 

“เตรียมพร้อมหรือยัง? ถ้าเตรียมพร้อมแล้ว ตอนนี้ฉันจะส่งพวกนายไปสถานีขนส่งก่อน”

โอเล็กมองนิคิตะกับอันทอนเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินมาตรงหน้าคนทั้งสอง แล้วยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือนิคิตะ “หลังจากนายอยู่ดีมีสุขแล้วก็บอกฉันด้วย ถ้ามีเวลาฉันจะกลับไปหานาย”

“รู้แล้ว!แต่ว่านายก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะ” นิคิตะเป็นคนตรงไปตรงมามากคนหนึ่ง เขารู้ว่าตนเองอยู่ไปก็เป็นภาระ ไม่สู้ไปเสียดีกว่า จะได้ทำให้โอเล็กหายห่วงไปบ้าง

“งั้นก็รีบไปเถอะ อย่ามัวเสียเวลาเลย” โอเล็กชี้นำ หลังจากนั้นก็มองอันทอนแวบหนึ่ง พูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษนะ ครั้งนี้นิคิตะทำให้คุณลำบากแล้ว แต่เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่โลภไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“เฮ้! พี่ชาย!นี่คือกำลังชมฉันอยู่ใช่ไหม?”

โอเล็กยิ้มไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กอดนิคิตะครั้งหนึ่งเท่านั้น

อันทอนกลับพูดว่า “ผมไม่ไป”

สองคนขมวดคิ้วมองเจ้าเด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีคนนี้พร้อมกัน โอเล็กมองดวงตาใสซื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ ใสบริสุทธิ์จนอ่านความคิดของเขาได้ง่ายดายมาก

เขาอดขมวดคิ้วถามไม่ได้ “คุณไม่ไป? หรือว่าคุณคิดจะกลับไปจัดการแอนดริว?”

อันทอนสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ พูดเสียงเข้มว่า “ผมไม่อยากเป็นคนขี้ขลาด! แล้วก็ไม่อยากถูกรังแกแบบนี้!พวกนี้เป็นคนเลว ทำไมพวกเราต้องกลัวพวกเขาด้วย!พวกเราจะต่อต้าน! มีเพียงการต่อต้านเท่านั้นถึงจะไม่โดนรังแก!”

โอเล็กขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้หลบสายตาใสซื่ออันคุ้นเคยคู่นี้ แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “เรื่องพวกนี้ รอให้คุณโตอีกหน่อย ค่อยมาคิดทบทวนดูอีกทีแล้วกัน”

“ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”

โอเล็กส่ายหน้า “ไม่ คุณยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”

ช่วงวินาทีที่อันทอนกำลังคิดจะโต้เถียง ประตูของบริษัทขนส่งแห่งนี้กลับถูกอะไรบางอย่างกระแทกเปิดออกอย่างแรง ตอนที่บานประตูกระแทกไปบนกำแพงอย่างจังก็เผยให้เห็นคนคนหนึ่ง

คนที่เคยเห็นในห้องหนังสือของแอนดริว…ผู้ช่วยของแอนดริว

“โอ้! ทุกท่าน ไม่นึกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!”

“บอส! พวกเราจับตัวพวกนิคิตะกลับมาแล้วครับ”

แอนดริวผู้มีแววตาข่มขวัญ นิ่งเงียบไม่พูดจาอยู่ในห้องทำงาน เขาอดตะลึงงันไม่ได้ แน่นอนว่าที่ที่พวกเขาอยู่ไม่ใช่ห้องหนังสือที่ถูกทำลายไปแล้ว แต่อยู่ห้องข้างๆ ที่ใช้ชั่วคราว

“โอ้? ไวขนาดนี้เลย?”

“ครับ บอส” ผู้ช่วยตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “อาจด้วยลูกน้องกระจายข่าวเพื่อหาเบาะแส ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ผล แต่กลับใช้ได้ผลครับ ไม่ทันไรก็มีคนแจ้งข่าวให้รู้ พวกเราจึงรีบพาคนไปทันที พี่น้องเราหลายคนถูกทำร้ายบาดเจ็บ แต่สุดท้ายก็ยังจับตัวพวกเขามาได้ครับ”

ใบหน้าของผู้ช่วยยังมีรอยเลือดรอยฟกช้ำ ริมฝีปากก็ซีดขาว “ที่น่าพอใจก็คือ นิคิตะที่พวกเขาพามาเป็นแค่ภาระเท่านั้น ด้วยมีภาระเพิ่มมาคนหนึ่ง โอเล็กและอันทอนจึงเลิกขัดขืนครับ”

ตอนนี้ผู้ช่วยเดินมาข้างๆ แอนดริว แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “พวกเรายิงไปสามสี่นัด…เจ้าสองคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ ครับ”

แอนดริวพยักหน้า “นั่นมันแค่เรื่องเล็ก ยัดเงินให้พวกโง่นั่นก็เรียบร้อย สิ่งสำคัญคือจับตัวสองคนนั้นมาอยู่ในกำมือได้แล้ว…ดูโอเล็กและอันทอนไว้ให้ดี โดยเฉพาะอันทอน หมอนี่มีพลังเทพมาแต่เกิด!”

“ผมฉีดยาสลบให้พวกมันไปแล้วครับ ต่อให้เป็นช้างก็ยืนขึ้นไม่ไหว!”

“ทำดีมาก” แอนดริวยิ้มอย่างพอใจ

ต้องดีใจแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากผ่านสงครามในห้องหนังสือมา เขาก็หวาดหวั่นกับความแข็งแกร่งของอันทอนเหลือเกิน!

สิ่งที่ต้องคิดในลำดับต่อไปก็คือจะสั่งสอนให้อันทอนอยู่ในอำนาจตนเองอย่างไรดี แน่นอนว่าโอเล็กซึ่งอายุค่อนข้างมากก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย ถ้าฝึกฝนเจ้าดีๆ คงเทียบได้กับสุดยอดนักมวยเลยทีเดียว

แอนดริวที่โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก พลันจุดซิการ์มวนหนึ่งอย่างสบายใจ แล้วหรี่ตาพูดว่า “จริงสิ เรื่องที่ฉันให้แกตรวจสอบคุณเค ได้อะไรบ้างไหม?”

ฉับพลันนั้นผู้ช่วยก็พูดด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยว่า “บอสครับ ขอโทษด้วยครับ พวกเราหาข้อมูลของคุณเคไม่ได้เลยสักนิดเดียวครับ…อีกอย่าง ตอนที่เขาเล่นไพ่แบล็กแจ็กยี่สิบเอ็ดแต้ม ภาพในกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่พวกเรามีไม่อาจจับภาพลักษณะคุณเคคนนี้ไว้ได้เลยครับ”

“อะไรนะ?” แอนดริวอึ้งตะลึง “จับภาพไม่ได้หมายความว่ายังไง?”

ผู้ช่วยรีบพูดว่า “ตอนที่เขาอยู่ที่บ่อน พวกเรามองเห็นลักษณะของคุณเคได้ชัดเจนมากผ่านวิดีโอกล้องวงจรปิด และผมก็รับประกันได้เลยว่า ไม่มีใครแตะต้องกล้องวงจรปิดเลยสักนิดเดียว แต่ที่น่าแปลกก็คือ พอเปิดดูอีกครั้ง ภาพคุณเคในจอก็กลายเป็นภาพมัวๆ ไม่ชัดเจน…”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” แอนดริวขมวดคิ้วเป็นปมแน่น

จู่ๆ เขาก็นึกถึงชิปอันนั้น…หลังจากนิ่งเงียบไปสักพักหนึ่งแล้ว แอนดริวถึงได้พูดช้าๆ ว่า “หยุดสืบเรื่องหมอนั่นก่อน ถ้าเขาอยากจะซื้อนักมวยจากฉันจริงๆ เขาจะต้องมาปรากฏตัวอีกแน่”

หลังจากจัดวางโซฟาที่ถูกพลิกคว่ำใหม่แล้ว ลั่วชิวก็นั่งลง

ที่นี่เป็นอะพาร์ตเมนต์ที่เช่าได้ด้วยเงินชนะการแข่งมวยของอันทอน ซึ่งของส่วนใหญ่ได้ติดมากับอะพาร์ตเมนต์นี้อยู่แล้ว

คุณสาวใช้มองไปนอกหน้าต่าง แล้วกลับมาอยู่ข้างๆ ลั่วชิว พูดเสียงแผ่วเบาว่า “นายท่านคะ หมากที่ใช้มาส่งข่าวกลับมาแล้วค่ะ ดูท่าทางดีใจมากเลยนะคะ น่าจะได้รางวัลมาล่ะมั้งคะ”

“งั้นก็แปลว่า พวกโอเล็กถูกจับกลับมาแล้วสินะ” ลั่วชิวเปิดสมุดปกอ่อนเล่มหนึ่ง อ่านไปพลางพูดว่า “ตอนที่อยู่ในบ่อน สองพ่อลูกนี่ถูกจับมาพร้อมกันก็ดี…แต่ในเมื่อหนีออกมาแล้วก็ช่างเถอะ ไม่ได้เสียเวลาอะไร”

“ฉันจะไปเตรียมการสักครู่ค่ะ เรื่องที่จะพบแอนดริวพรุ่งนี้ ให้เขาเตรียมตัวสักหน่อยแล้วกันค่ะ”

ลั่วชิวกลับส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่ต้องหรอก รออีกสักวันเถอะ…ผมหวังว่า พ่อของผมจะเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง”

โยวเย่เอียงหัว เส้นผมยาวสลวยย้อยตกที่แก้มข้างซ้ายของลั่วชิว

“ตอนที่อันโตนิโอหนีออกจากบ้าน เขาก็พกบันทึกประจำวันติดกระเป๋าเป้มาอย่างดี” ลั่วชิวเปิดหน้าแรก อ่านเสียงเบาไปเรื่อยๆ

อ่านเปล่งเสียงออกมา

“แต่พ่อเป็นคนไม่ดี! เขาลืมไปแล้วจริงๆ ด้วยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม!”

“วันนี้ ผมทะเลาะกับแคชมา แคชไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม แต่เขาเรียกพ่อของเขามา แล้วพ่อก็มาด้วย พ่อไม่ได้ถามผมว่าทำไมถึงทะเลาะกัน แล้วพ่อก็เอาแต่ขอโทษแคชกับพ่อของเขา! เห็นชัดๆ ว่าแคชหาเรื่องผมก่อน เห็นชัดๆ ว่าพ่อตัวสูงใหญ่กว่าพ่อของแคช ทำไมต้องขอโทษด้วย? ผมไม่เข้าใจเลย หรือว่าที่เพื่อนร่วมห้องบอกว่าพ่อเป็นคนขี้ขลาด เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?”

“วันนี้อานิคิตะบอกกับผมว่า พ่อเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากคนหนึ่ง ผมถามคุณอาว่ายิ่งใหญ่ตรงไหน คุณอายิ้มมองผมแล้วพูดว่า พ่อยอมโดดงานมาดูแลผม หรือว่ายังไม่ถือว่ายิ่งใหญ่พอเหรอ?”

“ผมเห็นแล้ว! วันนี้ผมเห็นแล้ว! ผมจำได้แม่น! ผมเห็นพ่อคุกเข่าให้เขา! ผมเห็นคนนั้นเทเหล้ารดหัวพ่อด้วย! ผมรู้ว่าเจ้าหมอนี่เป็นอันธพาล เพราะเคยได้ยินพวกน้าแคทเธอรีนพูดไว้! โอ้ว! สวรรค์ พ่อของผมกำลังคุกเข่าให้อันธพาล! ผมดูผิดไปงั้นเหรอ? ผมไม่เชื่อ! นี่ไม่ใช่ความจริง! พ่อของผมเป็นคนขี้ขลาดจริงๆ เหรอ?”

“ผมไม่อยากถูกรังแก! ผมอยากเป็นผู้ใหญ่!ผมจะจัดการเก็บกวาดคนที่รังแกผมให้หมด!”

“ปีใหม่ พ่อยังทำงานนอกเวลา ผมกินข้าวอยู่บ้านคนเดียว ไม่อร่อยเลย”

“ผมคิดถึงแม่ แต่ผมลืมไปแล้วว่าแม่หน้าตาเป็นยังไง ผมได้แต่ดูรูปของแม่เท่านั้น”

“ผมเห็นอันธพาลคนนั้นที่รังแกพ่อ! ครั้งนี้เขากำลังรังแกคุณปู่ของแคลคาเช่! น่ารังเกียจเหลือเกิน ผมก็เลยปั้นดินเหนียวมาก้อนหนึ่งแล้วเขวี้ยงไปที่เขา!แต่ผมวิ่งหนีไม่พ้น ผมก็เลยถูกจับมาฟาดไปชุดหนึ่ง ตอนเย็นพ่อเรียกผมกินข้าว ผมได้แต่บอกว่าไม่หิว เจ็บชะมัดเลย! ผมอยากจะรีบโตไวๆ!”

“ผมอยากเป็นผู้ใหญ่! ผมอยากเป็นผู้ใหญ่! ผมอยากปกป้องพ่อผม ผมอยากปกป้องอานิคิตะ! ผมอยากตัวโต! ผมอยากไปจากบ้านหลังนี้ พิสูจน์ว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว! พ่อครับ ลาก่อน! ผมจะสร้างฐานทัพที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง ฝึกฝนอย่างหนักที่นั่น แล้วจะกลับมา!”

ลั่วชิวพลิกอ่านบันทึกไปถึงหน้าสุดท้ายแล้ว

เขาอ่านจนกระทั่งจบถึงได้หยุด แล้วคุณสาวใช้ก็วางน้ำแก้วหนึ่งตรงหน้าลั่วชิว

ตอนนี้จู่ๆ ลั่วชิวก็พูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “น่าจะเป็นตอนอายุเจ็ดแปดขวบล่ะมั้ง? ฉันก็เคยคิดอยากโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน ต่อมาพอโตขึ้นจริงๆ แล้ว ตอนอายุสิบหกสิบเจ็ดได้มั้ง ก็รู้สึกว่าความคิดตอนนั้นช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน จนถึงขนาดเคยเกลียดเด็กไปช่วงหนึ่งเลย”

ลั่วชิวกะพริบตาพูดว่า “โดยเฉพาะเด็กดื้อ…แต่เห็นชัดๆ ว่าเทียบกับเด็กดื้อแล้ว เด็กอายุสิบหกสิบเจ็ดปี หรือโตกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก ที่เรียกว่าโตเป็นผู้ใหญ่ แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นกันสักเท่าไรหรอก”

ลั่วชิวส่ายหน้า ยิ้มเยาะตนเองพลางพูดว่า “นึกว่าอ่านหนังสือมากแล้ว ฟังเหตุผลที่เหมือนจะถูกต้องมาเยอะ บางทีผ่านเรื่องที่ไม่เคยเจอในช่วงวัยนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว แต่พอเผชิญหน้ากับปัญหาก็เหมือนเด็กนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี พอคิดว่าตัวเองจัดการปัญหาดีมากแล้ว ก็จะพบช่องโหว่นับร้อยเสมอ ต่อมาฉันถึงได้เข้าใจ นั่นไม่ได้เรียกว่าโตแล้ว แต่แค่รู้เรื่องเท่านั้น…ที่เกลียดความไร้เดียงสาของเด็กดื้อ น่าจะเป็นเพราะฉันเกลียดความไร้เดียงสาของตนเอง”

ลั่วชิวมองดูน้ำใสๆ ไร้ระลอกคลื่นในแก้ว พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แต่เห็นชัดๆ ว่า สิ่งที่ตัวเองต้องการในวัยเด็ก ถึงโตแล้วก็ไม่อาจทำให้เป็นจริงได้เลย”

สำหรับลั่วชิวแล้ว คุณสาวใช้เป็นผู้ฟังที่ดีมากคนหนึ่ง

เธอจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ และจะไม่พูดจาโน้มน้าวอะไร… บางทีด้วยเธอเป็นผู้คอยติดตามแบบนี้ถึงรู้สึกอิสระยิ่งขึ้น

ถึงกับรู้สึกชอบเลยล่ะมั้ง?

ลั่วชิวยิ้มแล้วพูดว่า “คืนนี้ฉันขอหัวสิงห์ซอสน้ำแดง* ได้ไหม?”

“ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปเตรียมวัตถุดิบ”

“บอส!คุณเคมาแล้วครับ! และยังอยู่ที่โต๊ะไพ่แบล็กแจ็กวันนั้นด้วยครับ!” ผู้ช่วยวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อนพร้อมพูดไม่ขาดปาก “แต่คราวนี้ คุณเคลงเล่นตาแรกด้วยเงินยี่สิบล้านรูเบิล…”

แอนดริวตกใจจนสะดุ้งโหยงทันที

เขาหวนนึกถึงความน่ากลัวและความอัปยศอดสูที่อีกฝ่ายชนะติดต่อกันหลายสิบตา!

เขาอดปลอบใจตนเองไม่ได้ ยังดีที่วันนั้นแค่เล่นๆ

แต่วันนี้ตาแรกก็ลงยี่สิบล้านรูเบิล… นี่ทำให้เขาล้มละลายได้ในเสี้ยววินาทีเลย!

“เร็ว! รีบเชิญเขามาที่ห้องวีไอพี! เร็ว!!!!”

*หัวสิงห์ซอสน้ำแดงเป็นอาหารจีนที่ปั้นหมูสับผสมขิงสับ ต้นหอมสับ พริกไทย ซีอิ๋วเป็นก้อนกลม ทอดจนเหลือง แล้วนำไปผัดกับซอสน้ำแดง