ตอนที่ 710

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.710 – ลาก่อนไทซู

 

กระโจมเทพสวรรค์รึ?ซือหยูตัวสั่นจนถึงแกนกลาง ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งชัดเจนขึ้นมา

  

“เจ้าจริงๆด้วย!”

  

ซือหยูอุทานออกมาดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง

  

เสียงผ้าขาดดังจากร่างชายหนุ่มที่สั่นไหวและเกือบจะหายไปไม่นานก็มีม่านแสงปรากฏออกมาจากภายใน ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา รูปลักษณ์ของเขาต่างออกไปโดยสิ้นเชิง!

  

เขาสวมชุดที่ดูสง่างามใบหน้าของเขาไร้ข้อบกพร่องและหล่อเหลาอย่างไร้ที่เปรียบ ดวงตาของเขาดูจะมองทะลวงได้ทุกสิ่ง ซือหยูไม่มีวันลืมใบหน้านี้!

  

“กู้ไทซู!”

  

เขาคือคู่หมั้นของลู่จือยี่ยอดฝีมือจากดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดที่เป็นจ้าวเทวะระดับสูง! อีกก้าวเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะได้เป็นอสูรเนรมิตร!

  

ก่อนหน้านี้เขาได้ไปที่กระโจมเทพสวรรค์ด้วยพลังระดับภูติขั้นสูงและเกือบจะได้สังหารซือหยู ถ้าหากไม่ใช่เพราะร่างเงาของฮงหลวนเข้ามายุ่ง ซือหยูก็อาจจะตายไปแล้ว!

  

ส่วนเรื่องตัวตนจ้าวศักดิ์สิทธิ์ซือหยูพยายามคาดเดาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นกู้ไทซู!

  

“ไม่แปลกใจที่หลังจากตะขาบเลือดเกล็ดมุกถูกชิงไปแล้วได้แก่นแท้โลหิตเพิ่มมันเทียบเท่ากับภูติระดับเก้า! เจ้าจะต้องมีโลหิตของแก่นแท้วิญญาณมามากจากการสร้างโอสถเก้าภูติสินะ…”

  

กู้ไทซูเก็บสะสมโลหิตของแก่นแท้วิญญาณเพื่อที่จะสร้างโอสถเก้าภูติมันคือแผนในการเตรียมเป็นอสูรเนรมิตรของเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะแบ่งโลหิตของแก่นแท้วิญญาณปริมาณเล็กน้อยเพื่อทำให้ตะขาบเลือดเกล็ดมุกแข็งแกร่งขึ้น

  

“ถ้าไม่ใช่เพราะความกังวลเรื่องจักรพรรดิจิวโจวที่ห้ามข้าไม่ให้ฆ่าเจ้าเจ้าคิดรึว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้าตอนที่ชิงตะขาบเลือดเกล็ดมุกคืนมา?”

  

พลังของกู้ไทซูยังคงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขาพูด

  

ในกระโจมเทพสวรรค์ซือหยูได้กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา กู้ไทซูจะไม่มีวันปล่อยเขาไป

  

แต่แม้ว่าเขาจะอยู่ในเฉินหลงมาโดยตลอดเขาก็ไม่เคยจู่โจมซอืหยู ดังนั้นเหล่าคนจึงเดาได้ว่าเขาเป็นกังวลถึงเรื่องจักรพรรดิจิวโจวเพียงใด

  

ตลอดสามปีที่ผ่านมาทัพต่างโลกได้บุกเข้ามาทวีป แม้แต่ซือตี๋ก็เคยมาที่นี่

  

ถึงอย่างนั้นจักรพรรดิจิวโจวก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมานี่เป็นเครื่องชี้ได้ว่าจักรพรรดิจิวโจวอ่อนแอลงกว่าแต่ก่อนมาก ดังนั้นสุดท้ายกู้ไทซูจึงกล้าเปิดเผยตัวตน

  

สิ่งเดียวที่ซือหยูรู้สึกแปลกก็คือเรื่องความสามารถในการปกปิดตัวตนสองฐานะของตัวเองหนึ่งคือเขาเป็นศิษย์ของตำหนักเมฆาม่วง ขณะที่อีกหนึ่งตัวตนคือองครักษ์ของราชาเขตกลาง ถ้าซือหยูจำไม่ผิด ดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีกับเขตกลางเท่าใดนัก

  

“โชคของเจ้าหมดแล้วไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีกแล้ว!”

  

การเพิ่มของฐานพลังกู้ไทซูจบลงมันหยุดอยู่ที่ภูติระดับเก้า

  

ภูติระดับสูงจะเทียบกับคนที่ซือหยูเคยสู้ในกระโจมเทพสวรรค์ได้อย่างไร?เพราะซือหยูเกือบตายในการต่อสู้คราวที่แล้วกับเขา และประวัติศาสตร์ก็กำลังจะซ้ำรอยเดิม

  

ซือหยูยังคงใจเย็นอย่างมากดวงตาเขามิได้แสดงความตื่นตระหนก

  

“การต่อสู้ของเจ้ากับข้าจะจบลงในวันนี้สินะ”

  

“มันจะต้องจบวันนี้แหละ!กับคนที่ใช้โชคเอาตัวรอดมาตลอดอย่างเจ้าเทียบข้ากับยี่เอ๋อไม่ได้หรอก การหวังเข้าใกล้นางได้ชี้ชะตาของเจ้าแล้ว นั่นก็คือความตาย!”

  

กู้ไทซูพูดและก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียวของเขาทำให้สวรรค์สั่นคลอนและปล่อยแรงกดดันใส่ดวงวิญญาณของทุกสิ่ง

  

สองศักดิ์สิทธิ์ที่เดินไปไม่ไกลนักหันกลับมามองเขาอย่างนับถือ

  

“สมกับเป็นผู้สืบทอดของราชา!เขาบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์จนกลายเป็นสวรรค์ที่ชี้ชะตามวลมนุษย์ได้ด้วยตัวเอง มันจะน่ากลัวเพียงใดกัน? ต่อให้เป็นจ้าวเทวะระดับสูงก็สร้างแรงกดดันเช่นนี้ไม่ได้”

  

ฎีกาสวรรค์ของกู้ไทซูนั้นเข้ามาแทนที่สวรรค์นี่มันเกินความคาดหมายไปแล้ว

  

ฎีกาสวรรค์นั้นคือสิ่งแทนจิตสำนึกของผู้ครอบครองนั่นหมายความว่าจิตใต้สำนึกของกู้ไทซูนั้นมุ่งมั่นที่จะแทนที่สวรรค์ แค่เพียงเรื่องนี้ก็บอกได้แล้วว่าเขาเป็นคนดุร้ายเพียงใด!

  

ซือหยูรู้สึกกดดันทั้งร่างกายและวิญญาณพลังชีวิตที่ปกป้องร่างกายของเขาสลายออกไปในทันที โลหิตพุ่งออกมาจากรูขุมขนอย่างรวดเร็ว

  

ยังมีเสียงแตกดังออกมาจากร่างกายของซือหยูราวกับว่ากระดูกของเขาแหลกสลายแม้แต่วิญญาณของเขาก็สั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นผ่านสมองของเขา

  

แค่ก้าวเดียวของกู้ไทซูก็เกือบจะทำให้ซือหยูตาย!พลังฎีกาสวรรค์ของกู้ไทซูนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

  

“ตายซะ!”

  

กู้ไทซูตะโกน

  

ดวงตาของเขาเยือกเย็นเมื่อก้าวมาข้างหน้าอีกครั้งในครั้งนี้ ก้าวของเขาจะทำให้พื้นและผืนทะเลแยกออกจากกัน รอยแยกมากมายก่อขึ้น น้ำทะเลถูกดูดลงไปจนมหาสมุทรแห้งเหือด!

  

ซือหยูไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาที่จมไปกับรอยแยกแม้ว่าเขาจะต่อสู้ได้สมน้ำสมเนื้อกับภูติระดับเก้า แต่ภูติไทซูก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างเงาในกระโจมเทพสวรรค์เป็นสิบเท่า! แม้แต่จ้าวเทวะระดับต้นๆก็ไม่รอดจากการโจมตีนี้

  

เมื่อเห็นร่างซือหยูชุ่มโลหิตและตกลงไปในรอยแยกกู้ไทซูถึงสงบลงได้

  

“เจ้ามันก็แค่คนอ่อนแอ!”

  

แต่ทันใดนั้นเขาก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

  

“เอ๋?เจ้ายังไม่ตายอีกเรอะ? ทำไมร่างของเขามันเป็นแบบนั้น!”

  

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดต่อเสียงสายฟ้าก็ดังมาจากเหนือศีรษะ เขาเงยหน้ามองชายหนุ่มผมสีเงินที่ปรากฏตัวบนหมู่เมฆ

  

ชายคนนี้สวมชุดที่สะอาดบริสุทธิ์เขาดูใจเย็นและไม่มีโลหิตบนร่างกายแม้แต่น้อย

  

“สายตาเจ้ามันเป็นอะไรไปแล้วมันไม่เป็นกับจ้าวเทวะปกติเลย เจ้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพิ่งฆ่าร่างปลอมไป! เจ้าคือกู้ไทซูจริงๆรึ?”

  

ซือหยูพูดอย่างใจเย็นแม้น้ำเสียงจะไร้อารมณ์ แต่กู้ไทซูก็รู้สึกว่าซือหยูเพิ่งจะดูถูกเขาอย่างร้ายแรง

  

กู้ไทซูโกรธจนตัวสั่น…มันเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมข้าถึงสัมผัสไม่ได้?

  

แต่ก่อนที่กู้ไทซูจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นซือหยูก็ยื่นมือขวามาข้างหน้า มีแสงสว่างปรากฏในฝ่ามือของเขา

  

“ข้าจะเป็นสุริยันแลฝ่ามือข้าคือจันทรา…”

  

ซือหยูพูดเบาๆแสงในฝ่ามือขยายขนาดอย่างรวดเร็ว

  

ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสงแดดจากธรรมชาติส่องลงมาอยู่แล้ว แต่มันก็มิอาจเทียบกับแสงที่ปล่อยออกมาจากมือซือหยู

  

เมื่อแสงจ้าขึ้นมันได้กลืนกินซือหยูเข้าไป สุดท้ายแม้แต่ส่วนของท้องนภาและดวงตะวันเองก็ถูกแสงเหล่านี้กลืนกินไป

  

เพียงเหลือบตาครั้งเดียวทุกคนก็รู้สึกราวกับได้เห็นดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่แผ่ขยายหลายร้อยลี้ลอยอยู่ถ้าหากมองดูดีๆก็จะพบว่ามีร่างหนึ่งอยู่ภายในดวงจันทร์นั้น เขาดูราวกับองค์เทพที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ที่ได้กลับมายังโลก

  

“ฝ่ามือเทพดับสวรรค์เรอะ?”

  

กู้ไทซูใบหน้าบิดเบี้ยว

  

“จิวหยวนโจวให้เศษตำราระดับภูติกับเจ้าเรอะ?แล้ว…เจ้าก็บ่มเพาะมันได้งั้นรึ?”

  

เศษตำราระดับภูติจะบ่มเพาะได้โดยคนที่มีพรสวรรค์เหนือพรสวรรค์เท่านั้นแม้แต่กู้ไทซูก็มิอาจบ่มเพาะมันได้โดยสมบูรณ์! แต่ซือหยูกลับทำได้!

  

แม้แต่องครักษ์แสงกระจ่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการบ่มเพาะมันแต่ซือหยูกลับใช้เวลาเพียงไม่นาน!

  

กู้ไทซูใจหายเมื่อคิดถึงพรสวรรค์ของซือยหูเขาได้ยินว่าดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งจะมีระดับปัญญาที่สูงขึ้นตามไปด้วย และองครักษ์แสงกระจ่างทั้งสิบเองก็มีวิญญาณที่เหนือกว่าคนทั่วไป

  

นั่นทำให้จิตสังหารของกู้ไทซูพุ่งขึ้นสูงไปอีก!ดวงจันทร์ที่เปล่งแสงจ้าเริ่มที่จะพุ่งลงใส่เขาราวกับดาวตกดวงยักษ์!

  

ตู้ม

  

เสียงระเบิดดังก้องแสงจันทร์เริ่มตกลงจากฟากฟ้าตามบัญชาของซือหยู พร้อมกันนั้นพื้นสมุทรที่แห้งเหือดก็ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

  

สองศักดิ์สิทธิ์กับคนของเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้หันกลับมาทันทีใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป

  

“ฝ่ามือเทพดับสวรรค์!นี่มันฝ่ามือเทพแบบสมบูรณ์รึ?”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ตกใจอย่างมากเขาชักสีหน้า

  

“กลับไปช่วยเขาเดี๋ยวนี้!จ้าวศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในอันตราย!”

  

หนึ่งในเหล่าภูติลังเล

  

“ท่านสองศักดิ์สิทธิ์ตามพลังของท่านจ้าวศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ต้องการให้พวกเราช่วยหรอก”

  

“ไม่”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ดูเคร่งเครียดอย่างมาก

  

“ถ้านั่นเป็นจ้าวศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงเราก็คงเทียบกับเส้นผมของเขาไม่ได้สักเส้นเดียว แต่ท่านจ้าวศักดิ์สิทธิ์เป็นแค่ร่างปลอมที่บ่มเพาะพลังด้วยตัวเอง ฐานพลังของเขาไม่เท่าหนึ่งในสิบของท่านกู้ไทซูตัวจริงด้วยซ้ำ!”

  

ถ้าซือหยูอยู่ที่นี่เขาก็คงจะแปลกใจเรื่องร่างปลอม เพราะฐานพลังนั้นแข็งแกร่งและร่างกายดูเหมือนจริงจนซือหยูยากจะเชื่อว่าเขาคือร่างปลอม! แต่นั่นก็เป็นคำอธิบายเดียวที่บอกได้ว่าเหตุใดกู้ไทซูจึงปรากฏตัวในเขตกลางและดินแดนพรสวรรค์ได้พร้อมกัน

  

“ข้าคิดว่าร่างปลอมของท่านกู้ไทซูจะเกินพอที่จะจัดการไอ้คนนั้นใครจะไปคิดเล่าว่ามันจะใช้วิชาสุดยอดขององครักษ์แสงกระจ่างได้? มันจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา เราจะประมาทไม่ได้ รีบกลับไปช่วยท่านจ้าวศักดิ์สิทธิ์เถอะ!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์พูด

  

เหล่าภูติทั้งสามสิบเอ็ดคนรีบบินกลับไปยังที่ก้นบึ้งมังกรในพื้นสมุทรอันแห้งเหือด แสงจันทร์ได้ทำให้ทุกสิ่งหยุดนิ่งไปช้าๆ

  

บรรยากาศรอบๆแสงจันทร์ที่อ่อนโยนเคล้าไปด้วยพลังทำลายล้างในท้องนภาเหนือพื้นอันแห้งเหือดนั้นมีกู้ไทซูที่ลอยอยู่ เสื้อผ้าอันสง่างามของเขาถูกเผาและฉีกขาดไปหลายส่วน มงกุฎของเขายังหล่นลงไปทำให้เส้นผมตกลงมา

  

เขาดูเศร้าหมองและโกรธแค้นแมวหยกหนึ่งชิ้นแตกคามือเขาไป แมวหยกนี้คือสมบัติลึกลับที่จะป้องกันไม่ให้เขาตาย กู้ไทซูเคยใช้มันหนึ่งครั้งในกระโจมเทพสวรรค์ เขาได้ใช้มันอีกครั้งในวันนี้

  

“ครึ่งปีผ่านไปแล้วข้าต้องยอมรับว่าพลังเจ้าเพิ่มขึ้นมามาก เจ้ายังบังคับข้าให้ต้องใช้สิ่งนี้!”

  

กู้ไทซูอับอายอย่างมาก

  

เขาคิดว่าการสังหารซือหยูนั้นง่ายดั่งปอกกล้วยแต่แท้จริงคือเขาต้องถูกบังคับให้ใช้สมบัติช่วยชีวิตในทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น! ฝ่ามือเทพดับสวรรค์เ้ป็นวิชาระดับภูติที่มีพลังเทียบได้กับภาพเขียนทัณฑ์ภูติ

  

ซือหยูขมวดคิ้วเบาๆ…เขาใช้สมบัติช่วยชีวิตอีกแล้วรึ?

  

“เจ้าต้องตาย!”

  

กู้ไทซูตะโกนสุดเสียงราวกับสัตว์ป่าที่โกรธเกรี้ยว

  

“บุญคุณอสูร!”

  

กู้ไทซูตะโกนด้วยความโกรธมือของเขาขยับไปมาเป็นสัญลักษณ์ประหลาด เขาประสานมือเข้าด้วยกัน เสียงอันล้ำลึกดังมาจากลำคอ มันเป็นคลื่นเสียงที่น่ากลัวอย่างมาก

  

ในตอนนั้นทั้งจักรงวาลสั่นสะเทือน มิติดูราวกับเป็นกระจกที่แตกร้าว รอยแยกมากมายปรากฏในอากาศ

  

“วิชาคลื่นเสียงรึ?”

  

ซือหยูเลิกคิ้ววิชาคลื่นเสียงระดับตำนานนี้ไม่มีสิ่งหยุดมันได้…ไม่แม้แต่ฝ่ามือเทพดับสวรรค์!

  

ดวงตาของกู้ไทซูเต็มไปด้วยจิตสังหารพลังจากคลื่นเสียงนั้นแตกต่างจากวิชาทั่วไป ดังนั้นมันจึงยากที่จะรับมือกับวิชานี้

  

แต่ซือหยูกลับดูเยือกเย็นและแสยะยิ้มออกมา

  

“บังเอิญนักที่ข้าก็รู้จักวิชาคลื่นเสียงเหมือนเจ้า!”