บทที่ 257 ภูเขาปราชญ์เที่ยงธรรม
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ภูเขาปราชญ์เที่ยงธรรมได้กลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากในทะเลชางหมาง
ผู้คนในอาณาเขตทะเลชางหมางทั้งหมดต่างรู้ดีว่าภูเขาเล็ก ๆ ลูกนี้บนเกาะไท่อี้มีหญิงม่ายผู้หนึ่งอาศัยอยู่ ซึ่งหากใครได้พบหญิงม่ายผู้นี้ครั้งแรกทุกคนจะรู้สึกเพียงว่านางมีเสน่ห์ แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีแค่เพียงเสน่ห์ที่เป็นจุดเด่น แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีผู้คนมากมายเริ่มนิยมชมชอบหญิงม่ายนางนี้
ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากมาที่ภูเขาลูกนี้เพื่อเกี้ยวพานางกลับเรือน แต่ยิ่งพวกเขาขึ้นไปใกล้ยอดเขามากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกสำนึกในเหตุและผลทางด้านศีลธรรมมากขึ้นจนพวกเขายิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้น
ในแต่ละวันที่ผ่านไป ชื่อเสียงของหญิงม่ายนางนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่นางกลายเป็นตัวแทนแห่งความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลก
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงได้มาถึงภูเขาลูกนี้ พวกเขาก็พบว่ารอบ ๆ บริเวณของภูเขาเต็มไปด้วยพลังแห่งความเที่ยงธรรมล้อมรอบภูเขาอยู่อย่างหนาแน่น จนพวกเขาเองยังไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม
และในระหว่างที่พวกเขาต่างสังเกตการณ์อยู่รอบ ๆ ด้านล่างของภูเขาอยู่นั้น พวกเขากลับได้ยินเสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่สามารถทำให้พวกเขาพัฒนาความเข้าใจในด้านการบ่มเพาะไปได้อีกระดับหนึ่ง
ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากต่างนั่งลงบริเวณรอบ ๆ ภูเขาเล็กแห่งนี้เพื่อทำความเข้าใจกับเส้นทางการบ่มเพาะเฉพาะของตนเอง
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ภูเขาแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า ภูเขาปราชญ์เที่ยงธรรม
และเมื่อเรื่องราวที่มหัศจรรย์เช่นนี้เริ่มถูกพูดกันปากต่อปากไปเรื่อย ๆ มันจึงดึงดูดผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้มาที่นี่เพื่อปักหลัก
แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์ที่คนเลวทรามผู้หนึ่งที่ไม่สนใจความชอบธรรมใด ๆ ต้องการลักพาตัวหญิงม่ายผู้นั้นไปครอบครอง
เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของหญิงม่ายผู้นั้นยังอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ คนเลวผู้นั้นจึงพยายามใช้ความแข็งแกร่งขอบเขตนภาของตนเองเข้าข่มเหงนาง
เมื่อภาพเหตุการณ์นี้ได้ปรากฏแก่สายตาผู้เชี่ยวชาญมากมายรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ภูเขา ทุกคนต่างโกรธแค้นและสังหารคนเลวนั้นในทันที
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่มีใครกล้ามาที่ภูเขาปราชญ์เที่ยงธรรม เพื่อทำเรื่องผิดศีลกรรมอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่า ‘คนเลว’ อีกคนจะกล้ามาปรากฎตัวขึ้นอีกในวันนี้ ซึ่งคนเลวหน้าใหม่ผู้นี้กล้าที่จะใช้สายตาอันหื่นกระหายมองไปที่ถังชี่หยุน จนทำให้คนที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะออกตัวขึ้นมาช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าปากของเขากลับถูกปิดสนิทด้วยพลังวิญญาณของใครบางคน
เมื่อรู้สึกได้เช่นนี้เขาจึงหันไปมองรอบ ๆ ซึ่งก็ได้เห็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เป็นผู้ที่ปิดปากเขา
ผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ของหมู่บ้านดาบศักดิสิทธิ์ หลินว่านหลง
คนผู้นั้นที่ถูกปิดปาก เมื่อเห็นว่าเป็นหลินว่านหลงที่ปิดปากเขา เขาจึงส่งข้อความทางโทรจิตถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ผู้อาวุโสหลิน ท่านไม่เห็นรึไงว่าตอนนี้คนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาล่วงเกินอาจารย์ถังอีกแล้ว ทำไมท่านถึงไม่ไปหยุดเขา? ไม่ใช่ว่าท่านได้รับคำสั่งให้มาปกป้องสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่งั้นเหรอ?”
หลินว่านหลงตอบกลับ “ก่อนนางจะมาที่ภูเขาเซียนนักปราชณ์ นางเป็นหนึ่งในผู้อยู่อาศัยที่คฤหาสน์ของเขา และเขายังเป็นบิดาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของอาณาจักรจันทรา ฉะนั้นเจ้าควรเงียบลงไปซะและอย่ารบกวนการสนทนาของพวกเขา”
“นี่เขาเป็นบิดาของจักรพรรดิอาณาจันทราคนที่เขาลือกันว่าสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ด้วยหมัด หมัดเดียวนั่นใช่ไหม!” ชายคนนั้นพูดด้วยความตื่นตระหนก
หลินว่านหลงมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในขณะนี้ หลิงตู้ฉิงไม่ได้ถูกรบกวนด้วยเสียงครหาอีกต่อไป
เขายืนอยู่ตรงหน้าถังชี่หยุนและพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูจากกระแสพลังที่อยู่รอบ ๆ สถานที่นี้แล้ว ตอนนี้เจ้าสามารถทำให้พลังของเจ้าก่อเกิดเป็นภาพร่างอันแท้จริงได้แล้วสินะ”
ถังชี่หยุนยิ้ม “ข้าเองต้องขอบคุณท่านหลิงสำหรับความช่วยเหลือ และแน่นอนว่าข้าต้องขอบคุณสามีของข้าด้วยเช่นกัน เอาล่ะท่านหลิงและน้องสาวทั้งสองโปรดนั่งลงก่อน ส่วนเจ้าเทียนหยุน เจ้าโตขึ้นนะ”
เมื่อได้รับคำเชิญทุกคนจึงนั่งลงที่หน้ากระท่อม
หลิงเทียนหยุนยิ้มและพูดว่า “ครูถังข้าไม่ได้พบท่านมานานแล้ว ข้าได้ยินเรื่องของท่านมาบ้างเช่นกันจากพี่ยู่ชานและพี่สะใภ้ว่าท่านอยู่ที่เกาะไท่อี้ ว่าแต่ทำไมถึงได้มีคนอาศัยอยู่บนภูเขาเยอะถึงขนาดนี้กันล่ะครูถัง”
ถังชี่หยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่ข้าและสามีออกจากอาณาจักรจันทราและพวกเราก็ได้มาที่เกาะไท่อี้เพื่อลงหลักปักฐานเป็นที่อยู่สุดท้ายในชีวิตของพวกเรา ซึ่งตอนที่เรามาถึงที่นี่ สามีของข้าก็ได้จากข้าไป จากนั้นข้าจึงอยู่เป็นเพื่อนเขาบนภูเขานี้ต่อมาจนถึงปัจจุบันและตอนนี้ข้าก็กำลังจะจากไปเช่นกัน”
“ในระหว่างที่ข้าเฝ้ารอเวลาของข้าอยู่ที่นี่ ข้ามักจะใคร่ครวญถึงกฎแห่งสวรรค์และโลกอยู่บ่อย ๆ ข้าพยายามนำความเข้าใจและความรู้ต่าง ๆ ที่ข้ามีอยู่ทั้งหมดมาบันทึกลงในหนังสือความเที่ยงธรรมอันน่าเกรงขามของข้า ไม่กี่ปีที่ผ่านมายู่ชานและว่านจุนก็ได้นำกองกำลังของพวกเขามาที่เกาะไท่อี้เพื่อพบข้า ในวันนั้นข้าจึงได้อ่านสิ่งที่ข้าบันทึกไว้ทั้งหมดในหนังสือของข้า ซึ่งข้าได้เขียนถึงพวกเขาให้พวกเขาฟัง และในวันนี้เมื่อพวกท่านมาที่นี่ข้าจะอ่านให้พวกท่านฟังเช่นกัน”
หลิงเทียนหยุนนั่งตัวตรงทันทีและพูดว่า “เช่นนั้นก็เยี่ยมเลย ข้าเองก็ต้องการฟังสิ่งที่ครูถังบันทึกไว้เช่นกัน!”
ถังชี่หยุนยิ้มและพยักหน้า นางไม่ได้มองไปที่หลิงตู้ฉิงหรือปฏิกิริยาของคนอื่น ๆ แต่ค่อย ๆ ท่อง “มีความชอบธรรมในโลกนี้…”
เมื่อนางเริ่มท่องตามตัวอักษรที่อยู่ในหนังสือ กระแสพลังแห่งความเที่ยงธรรมก็เริ่มแพร่กระจายโอบล้อมภูเขาทั้งลูกอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้บรรดาผู้คนที่อยู่ในบริเวณภูเขาทั้งหมดรู้สึกราวกับได้รับการชำระจิตใจขึ้นอีกครั้ง
“ขอบคุณ ครูถัง!” หลิงเทียนหยุนขอบคุณนาง
หลิงตู้ฉิงเองยังยิ้มและพยักหน้า “ยอดเยี่ยม!”
ถังชี่หยุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “แต่เดิมข้าจะออกไปหลังจากอยู่ที่นี่เป็นเวลา 7 ปี แต่หลังจากนั้นข้ารู้สึกได้ว่าข้ายังคงไม่สามารถจากไปได้ ดังนั้นข้าจึงอยู่ที่นี่อย่างสันโดษจนกระทั่งข้าเห็นท่านหลิงมาถึง ข้าก็รู้ว่าความรู้สึกที่ยึดเหนี่ยวให้ข้าไม่จากไปจากที่นี่นั่นก็คือข้าจำเป็นต้องรอท่านอยู่ และในเมื่อวันนี้ในที่สุดข้าก็ได้เจอท่านหลิง มันจึงถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องจากไป ตอนนี้ข้าจะกลับไปที่สำนักเที่ยงธรรม ข้าหวังว่าท่านหลิงจะสามารถไปที่สำนักเที่ยงธรรมเพื่อช่วยข้าในอีกพันปีหลังจากนี้”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “เมื่อถึงเวลาข้าจะไปที่สำนักเที่ยงธรรม แต่คนที่จะช่วยเจ้านั้นจะไม่ใช่ข้าแต่เป็นลูก ๆ ของข้า หลังจากพันปีผ่านไปพวกเขาจะมีความสามารถเพียงพอที่จะปูทางให้เจ้ากลายเป็นปราชญ์ที่อยู่ในจุดสูงสุดได้ เอาล่ะ ข้าดีใจที่ได้พบกับเจ้าอีกครั้ง แต่ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่พวกข้าจะะออกเดินทางแล้วเช่นกัน”
“เช่นนั้นข้าเองก็คงถึงเวลาที่ต้องจากไปด้วยเช่นกัน” ถังชี่หยุนพยักหน้า “อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ข้าก็หมดห่วงในเรื่องลูก ๆ ของข้าแล้ว หมิงจู้และยู่ชานเองก็ดูมีความสุขกันมาก ส่วนหมิงซิ่วก็มีชีวิตที่ดีเช่นกัน”
หลังจากที่นางพูดจบ ร่างของนางก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งในขณะเดียวกับที่นางลอยขึ้นพลังแห่งความเที่ยงธรรมก็เข้ามาพยุงตัวนางไว้และพัดพานางล่องลอยไปทางทิศตะวันออก
เมื่อถังชี่หยุนจากไป ทุกคนที่อาศัยอยู่บนภูเขาปราชญ์เที่ยงธรรมก็ตกตะลึง ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงหลายคนก็ร้องตะโกนขึ้น “อาจารย์ถังรอพวกเราด้วย!”
แต่ก่อนที่เหล่าเด็กผู้หญิงจะขยับตัว ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ก็ได้บินติดตามร่างของถังชี่หยุนไปทางทิศตะวันออก
ภูเขาปราชญ์เที่ยงธรรมที่เคยคึกคักก่อนหน้านี้ จึงกลายเป็นเงียบเหงาภายในเวลาไม่กี่อึดใจทันที
แน่นอนว่าผู้ที่บินตามถังชี่หยุนเป็นลำดับถัดมาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา ซึ่งพวกเขาสามารถบินได้ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณลงมา พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงและจ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิงกับคนอื่น ๆ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิง “ใช้กฎแห่งสวรรค์ปกป้องสถานที่นี้ไว้ เพื่อให้ หมิงจู้มีสถานที่สำหรับแสดงความเคารพต่อพ่อของนาง จากนั้นเมื่อเจ้าเสร็จแล้วมันก็ถึงเวลาที่เราต้องจากไปเช่นกัน”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าและเริ่มใช้พลังกฎแห่งสวรรค์ของนางหลอมรวมเข้ากับกระท่อม และหลุมศพของหมิงเทียนลี่เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาทำลายมัน
หลังจากนั้นกงหนิวก็กลายร่างเป็นกระทิงปีศาจและลากรถม้าขึ้นสู่ท้องฟ้า
“สถานที่ต่อไปข้าต้องการที่จะไปหาว่านจุน พวกเจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้เขาตั้งค่ายอยู่ที่ไหน?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น “ตั้งแต่เด็กคนนี้นำกองทหารออกไป เขาก็ไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์นานกว่าสิบปีแล้ว ข้าคงต้องไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของเขาซะก่อน และจากนั้นข้าถึงพาพวกเราออกจากทะเลชางหมาง”
เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะ “นายท่าน ในช่วงเวลาที่ผ่านมานายน้อยทั้งสี่ต่างร่วมแรงร่วมใจกับบุกตะลุยยึดพื้นที่มาจนถึงเกาะใบไม้ แถมนายน้อยว่านจุนยังคอยเป็นทำหน้าที่อยู่ในแนวหน้าเสมอเลยล่ะนายท่าน”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “งั้นไปเกาะใบไม้กันเดี๋ยวนี้!”
กงหนิว เมื่อได้รับคำสั่งเขาจึงลากรถม้าออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วยามเท่านั้นเขาก็พาหลิงตู้ฉิงมาถึงเกาะใบไม้เป็นที่เรียบร้อย