เยี่ยมบุญพยักหน้า“ใช่ ตายไปแล้ว แต่ว่าความแค้นนี้ผมไม่มีทางลืมแน่ ฆาตกรตายไปแล้ว แต่ลูกสาวของฆาตกรยังมีชีวิตอยู่ หนี้แค้นของพ่อลูกต้องชดใช้ ผมเชื่อว่ากรรมต้องตามสนองลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็บีบฝ่ามือแน่น พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“งั้นเหรอ?งั้นฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างคุณกับฉันใครกันแน่ที่จะถูกกรรมตามสนอง”
จริงอยู่ที่พ่อไม่ควรลักพาตัวชวนชม และไม่ควรโยนชวนชมทิ้งลงน้ำ
แต่สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจากเงื้อมมือของเยี่ยมบุญ หากไม่ได้เป็นเพราะว่าเยี่ยมบุญขโมยเทคโนโลยีงานวิจัย บีบบังคับให้นักวิจัยต้องตาย พ่อก็คงจะไม่ทำแบบนั้น !
อีกอย่าง พ่อไม่ได้ทำร้ายชวนชมจนตายจริงๆ แต่ชวนชมตัวจริงยังคงอาศัยอยู่ในที่แห่งหนึ่ง
ตอนนี้เยี่ยมบุญผลักความผิดทุกอย่างให้กับพ่อของเธอ ช่างไร้ยางอายจริงๆ!
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้มายมิ้นท์คลายความกังวลลงก็คือเยี่ยมบุญไม่ได้เอ่ยว่าพ่อของเธอเป็นคนลักพาตัวชวนชม ไม่งั้นต่อไปเธอจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างนั้น เธอไม่กล้าคิดเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่เยี่ยมบุญพูดถึงเรื่องเมื่อยี่สิบหกปีก่อน เธอก็เป็นกังวลว่าเยี่ยมบุญจะพูดออกมา
ตอนนี้ในที่สุดเธอก็วางใจแล้ว
สถานที่จริง ดูเหมือนว่านักข่าวจะไม่ยอมตัดใจกับคำตอบของเยี่ยมบุญ เพราะได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้พูดให้ชัดเจน ยิ่งทำให้คนนั้นอยากรู้
ดังนั้นจึงถามขึ้นว่า“ประธานเยี่ยมบุญ ฆาตกรคนนั้นตายยังไงเหรอคะ?ยี่สิบหกปีก่อน ทำไมถึงต้องลักพาตัวลูกสาวคนโตของคุณด้วย มีเหตุผลอะไรเหรอคะ?”
เยี่ยมบุญขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาพลางพูดขึ้นว่า:“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเสียใจเป็นอย่างมาก ผมขออนุญาตไม่ตอบนะครับ อีกทั้งตอนนี้ผมก็รู้สึกเหนื่อยมากแล้ว สิ่งที่ควรพูดผมก็ได้พูดไปแล้ว งานแถลงข่าวในครั้งนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้นะครับ นอกจากนี้ผมขอพูดอีกประโยคหนึ่งนะครับว่า ในเมื่อตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับส้มเปรี้ยวแล้ว งั้นส้มเปรี้ยวก็ไม่ใช่คนของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ของผมอีกต่อไป หวังว่าทุกคนจะไม่นำความรู้สึกไม่พอใจที่มีต่อส้มเปรี้ยว มาระบายกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์และเอสซีกรุ๊ป ขอบคุณทุกท่านมากครับ”
เมื่อพูดจบ ก็วางไมค์ลง แล้วโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้กับเลนส์กล้อง ท่าทีจริงใจเป็นอย่างมาก
คอมเมนต์จากผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดเต็มไปด้วยตัวอักษรวิ่ง
“แน่นอนค่ะ ส้มเปรี้ยวก็คือส้มเปรี้ยว ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็คือตระกูลภักดีพิศุทธิ์ พวกเราจะไม่อะไรกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์และเอสซีกรุ๊ปแล้วค่ะ ประธานเยี่ยมบุญวางใจได้เลยค่ะ”
“ใช่ ใช่ ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่า ส้มเปรี้ยวก็คือหมาป่าตาขาว ส้มเปรี้ยวเป็นคนเลว เป็นเพราะดีเอ็นเอของพ่อแม่หล่อนที่ไม่ดี ประธานเยี่ยมบุญเลี้ยงหล่อนมาจนเติบใหญ่ขนาดนี้ แต่หล่อนกลับทำให้เป็นแบบนี้ ฉันเห็นใจประธานเยี่ยมบุญแทบไม่ทัน แล้วจะคว่ำบาตรประธานเยี่ยมบุญกับเอสซีกรุ๊ปได้ยังไงกันครับ”
“เห็นด้วยอีกหนึ่งเสียง”
“เพิ่มเลขไอดี……”
มองดูคอมเมนต์จากผู้ชมที่เป็นตัวอักษรวิ่ง ส้มเปรี้ยวโมโหจนแทบจะเป็นลม
มายมิ้นท์และเปปเปอร์ต่างเย้ยหยัน
วิธีการล้างมือให้ขาวสะอาดนี้ สุดยอดจริงๆ
สถานที่จริง แม้ว่าเยี่ยมบุญจะมองไม่เห็นคอมเมนต์จากผู้ชมที่เป็นตัวอักษรวิ่งจากการถ่ายทอดสด แต่ว่าก็พอที่จะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่แววตาเผยแสงระยิบระยับออกมา ก็ลุกขึ้น ให้พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทค่อยๆเชิญพวกนักข่าวให้แยกกันกลับไป
ไม่นาน ห้องประชุมก็สงบลง เหลือเพียงเยี่ยมบุญคนเดียวเท่านั้น
เยี่ยมบุญปิดการถ่ายทอดสด พลางนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ในเวลานี้เพิ่งจะได้คลายความกังวลลง
เมื่อวาน หลังจากที่เขาไปหาส้มเปรี้ยวที่สถานีตำรวจ ก็รู้แล้วว่าส้มเปรี้ยวทำอะไรไว้บ้าง และสุดท้ายก็ทราบว่าส้มเปรี้ยวทำไว้ก่อนหน้าที่จะถูกควบคุมความประพฤติ ตอนนี้ถูกตรวจสอบแล้ว ทั้งยังมีหลักฐานที่แน่นหนา เขารู้ได้เลยว่าครั้งนี้ส้มเปรี้ยวจะต้องถูกจำคุกอย่างแน่นอน
เมื่อการตัดสินจำคุกของส้มเปรี้ยวออกมา และถูกสื่อต่างๆเผยแพร่ออกไป ก็จะต้องกระทบกับเอสซีกรุ๊ปและตระกูลภักดีพิศุทธิ์อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสช่วงเวลาที่ไม่ร้ายแรงนักกลับไปปรึกษากับภรรยา และตัดความสัมพันธ์กับส้มเปรี้ยว
แน่นอนว่าภรรยาร้องไห้ไม่เห็นด้วย บอกว่าเขานั้นเฉยเมยเกินไป
เขาเฉยเมยงั้นเหรอ?เขาเลี้ยงส้มเปรี้ยวมายี่สิบกว่าปี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความรู้สึกผูกพัน แต่ว่าเพื่อตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เพื่อเอสซีกรุ๊ป เขาทำได้เพียงทอดทิ้งส้มเปรี้ยว ใครใช้ให้ส้มเปรี้ยวไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขาล่ะ หากเป็นลูกแท้ๆของเขา ก็คงจะคิดหาวิธีอื่น
เพราะถึงยังไงเขาก็เลี้ยงส้มเปรี้ยวมายี่สิบกว่าปี ไม่ได้ผิดต่อหล่อน ตอนนี้ให้หล่อนตอบแทนเขาบ้าง ก็คงไม่มากเกินไป!
“ประธานเยี่ยมบุญ”ผู้ช่วยเดินเข้ามาจากข้างนอกด้วยหน้าตาลังเล
เยี่ยมบุญขมวดคิ้ว“มีเรื่องอะไร พูด!”
“คือว่า……ประธานวศินให้พวกท่านเปิดประชุมคณะกรรมการบริษัท”ผู้ช่วยมองเขาอย่างระมัดระวังพลางตอบกลับ
สีหน้าของเยี่ยมบุญเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก“อะไร?เปิดประชุมคณะกรรมการบริษัท?”
“ใช่ครับ”ผู้ช่วยพยักหน้า“บอกว่าท่านจะต้องเข้าร่วมให้ได้”
เยี่ยมบุญโมโหจนสั่นไปทั้งตัว ดวงตาที่โกรธจัดถลนออกมา“ผมจัดงานแถลงข่าวไปแล้ว ตอนนี้คนทั้งโลกก็รู้แล้วว่า ส้มเปรี้ยวก็ส่วนส้มเปรี้ยว ส้มเปรี้ยวทำอะไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเอสซีกรุ๊ป เอสซีกรุ๊ปใกล้ที่จะกลับมาเป็นปกติแล้ว แล้วทำไมพวกเขายังจะให้ผมประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัทอีกล่ะ ต้องการยึดตำแหน่งของผมงั้นเหรอ?”
“อันนี้……”ผู้ช่วยก้มหน้าลง ไม่กล้ามองหน้าเขา“ประธานวศิน พวกเขาบอกว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่เชื่อใจท่าน แม้ว่าท่านจะไม่มีลูกสาวคนที่สองเป็นลูกแล้ว ท่านก็ยังมีลูกสาวคนโต ลูกสาวคนโตของท่านมาจากบ้านนอก มีสันดานหยาบคาย
และเมื่อถูกอบรมสั่งสอนจากท่าน จะต้องเหมือนกับลูกสาวคนที่สองของท่านอย่างแน่นอน ที่นำความเดือดร้อนมาให้เอสซีกรุ๊ป……”
“อะไร?พวกเขากล้าพูดแบบนี้ พวกเขา ……พวกเขา……”เยี่ยมบุญโกรธจนแทบจะกระอัก กลอกตาทั้งสองข้างและล้มลงบนโต๊ะด้วยเสียงดัง
ผู้ช่วยตกใจเป็นอย่างมากจนต้องรีบเรียกคน พาเยี่ยมบุญขึ้นรถพยาบาล
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ มายมิ้นท์ไม่ทราบเรื่องเลย เธอเก็บข้าวของให้ไมโล จากนั้นพาไมโลลงจากตึกแล้วพาไปรับประทานอาหารเช้าข้างนอก จึงขับรถมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล เตรียมที่จะนำดวงใจสีครามคืนให้กับเปปเปอร์
ผลก็คือเมื่อมาถึงโรงพยาบาล มายมิ้นท์ก็มองเห็นรถพยาบาลคันหนึ่งขับเข้ามา แล้วจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล
มายมิ้นท์กลัวว่าจะขวางทาง และทำได้เสียเวลาการช่วยเหลือผู้ป่วย จึงรีบจูงไมโลไปยืนอยู่ข้างๆ
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนกำลังแบกเปลหามแล้ววิ่งไปที่หน้าประตู
เมื่อเคลื่อนผ่านมายมิ้นท์ มายมิ้นท์ก็เหลือบตามองครู่หนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าพอเหลือบตามองดู กลับเห็นเยี่ยมบุญ คนที่คุ้นเคย!
มายมิ้นท์เลิกคิ้ว
เยี่ยมบุญถูกส่งตัวฉุกเฉิน
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ก่อนที่จะถ่ายทอดสด เขาก็ยังปกติอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงได้ ……
“อาสะใภ้ ?”ขณะที่กำลังคิด อารมณ์ของมายมิ้นท์ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเด็ก
ไมโลแกว่งแขนของมายมิ้นท์“พวกเราไม่เข้าไปเหรอครับ?คนที่อยู่ในรถพยาบาลเข้าไปแล้วนะครับ”
“เข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ”มายมิ้นท์ยิ้มให้กับเขา จากนั้นก็ลูบศีรษะของเขา แล้วพาเขาเข้าไปในโรงพยาบาล
ช่างเถอะ ขี้เกียจคิดแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเยี่ยมบุญ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ
แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางของเยี่ยมบุญ เธอก็ยินดีไม่น้อย
ไม่นาน มายมิ้นท์ก็มาไมโลมายังด้านนอกห้องผู้ป่วยหนัก
เมื่อมองจากกระจกมายมิ้นท์พบว่าด้านในไม่ใช่เปปเปอร์ แต่เป็นคนป่วยอีกคนหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน“เปปเปอร์ล่ะ?”
หรือว่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว?
ภายในห้องผู้ป่วยหนักการันต์กำลังปรับน้ำเกลือให้กับคนป่วยคนนั้นอยู่ สายตาเหลือบมองมายมิ้นท์ที่อยู่ทางด้านนอก จากนั้นเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วลงมือทำให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เปิดประตูแล้วเดินออกไป
“คุณมาทำไมเหรอครับ?”สองมือของการันต์ล้วงที่เสื้อกาวน์พลางถามขึ้น
มายมิ้นท์ตอบกลับว่า:“มีธุระมาหาเปปเปอร์ค่ะ เปปเปอร์ออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ?”
“เปล่าครับ แต่ว่าย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาแล้วครับ อยู่ชั้นหนึ่งเหมือนกัน ห้องที่เมื่อก่อนคุณเคยพัก”การันต์ยักไหล่พลางพูดขึ้น
นี่เป็นสิ่งที่เปปเปอร์ร้องขอ
หลังจากที่เปปเปอร์ตื่น ก็ให้เขาเหลือห้องพักนั้นไว้ให้กับเขา ห้ามให้คนไข้คนอื่นใช้อย่างเด็ดขาด เพื่อที่จะเข้าไปพักหลังจากที่ตนเองออกจากห้องผู้ป่วยหนัก
เพราะถึงยังไงมายมิ้นท์ก็เคยอยู่ที่นั่น รวมๆแล้วก็ถือว่าได้อยู่กับมายมิ้นท์แล้ว
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”มายมิ้นท์พยักหน้า บ่งบอกว่าทราบแล้ว
“อาสะใภ้ พวกเราจะไปหาคุณลุงที่พวกเราเจอที่ร้านอาหารแล้วเล่นเกมที่เขาแสดงเป็นพ่อของผมด้วยกันใช่ไหมครับ?”ไมโลเงยหน้าขึ้นมองมายมิ้นท์พลางถามขึ้น
มายมิ้นท์ อึม หนึ่งที“ใช่เป็นเขา”
ในเวลานี้การันต์จึงได้สังเกตเห็นเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างกายของเธอ อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางถามขึ้นว่า “เด็กคนนี้คือ?”