ตอนที่ 728 แซงคิว? วอนตายเหรอไง?

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ตอนที่ 728 แซงคิว? วอนตายเหรอไง?

 

       เสียงของจางโบฮั่นไม่ได้ดังมากแต่ก็ไม่ได้เบา หลังจากพูดจบต่อหน้าชูฮัน สายตาของทุกคนที่รอคอยอยู่ด้านหน้าประตูค่ายก็จับจ้องมาที่จางโบฮั่นและชูฮันกันหมด

 

  จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะระเบิดขึ้น!

 

  ”อวดเก่งมาจากไหน?ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

  ”พูดอะไรถ้าเก่งมากขนาดนั้นก็เข้าไปทำการประเมิณตอนนี้เลยสิ ฉันจะรอดูอยู่ข้างนอก จะดูสิว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่!”

 

  ”ใช่ถ้าเก่งจริงก็แสดงให้พวกเราดูเลยสิ พูดอวดง่ายๆอย่างนี้ได้ไง?”

 

  ”จะเอาชนะจักรพรรดิงั้นเหรอ?คิดว่าเก่งมาจากไหน แม้แต่ชูฮันยังทำไม่ได้เลย เก่งมากเลยงั้นสิ?!”

 

  ชูฮันแตะปลายจมูกตัวเองและยิ้มให้ฝูงชนตรงหน้า “อย่าจริงจังกันเกินไปสิ เราแค่พูดเล่นกัน”

 

  เขาคือชูฮันจริงๆและจักรพรรดิก็เป็นเขาเช่นกัน…

 

  จางโบฮั่นหุบปากสนิททันทีและได้แต่ส่งสายขอโทษให้ชูฮันจากนั้นก็หันไปส่งสายไม่พอใจให้พวกคนที่พูดจาดูถูกหัวหน้าของเธอ

 

  คนพวกนี้กล้าดียังไงมาพูดจาดูถูกหัวหน้าของเธอ?

 

  ทว่าชูฮันขี้เกียจจะมาอธิบายอะไรทั้งนั้นเขาก็มองไปที่รายชื่อบนเสาหินอย่างสงสัยเช่นกัน ในตอนที่เขาเข้าไปทำการประเมิณการต่อสู้โดยรวม เขาเองก็เป็นวิวัฒนาการระยะ 5 เขาคิดว่าคะแนนเขาอาจจะเทียบเท่ากับมู๋เย๋เพราะเขาไม่ได้ฆ่าสัตว์ประหลาดในเขาวงกตเลยสักตัว แต่กลายเป็นว่าคะแนนของชูฮันสูงกว่าอีกฝ่ายมาก

 

  อย่างไรก็ตามชูฮันได้รับด่านการทดสอบที่ยากที่สุดในการประเมิณมา อีกทั้งเขายังรู้วิธีลัดในการเจาะการทดสอบอีก ดังนั้นทั้งระยะเวลาที่ใช้รวดเร็วที่สุดประกอบกับความยากที่สุด จึงทำให้คะแนนที่ออกมาสูงลิ่วกว่าคนอื่น

 

  และได้อันดับที่หนึ่งเหนือใครมาครอง!

 

  หลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นไปในใจของแต่ละคนมีความคิดแตกต่างกันไป ทุกคนต่อแถวยางเรียงรอเข้าอยู่หน้าประตูค่ายหนานตู้ แต่ด้วยเพราะจำนวนคนที่มีมาก กว่าแถวจะขยับได้จึงต้องใช้เวลานาน

 

  ส่วนหวังไคที่เป็นคนใจร้อนก็หมดความอดทน”เราต้องรออีกนานแค่ไหน? นายเอาตราพลเอกของนายออกแล้วตรงเข้าไปเลยไม่ได้เหรอไง?”

 

  ชูฮันเมินเฉยต่อคำพูดของหวังไคมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าชูฮันจะมาค่ายหนานตู้ ถ้าอยู่ดีๆเข้าหยิบตราออกมาแกว่งเล่น มันก็คือการสร้างปัญหาให้ตัวเองชัด?

 

  ท้ายที่สุดแล้วมีคนมากมายที่อยากจะฆ่าเขา!

 

  เมื่อเห็นว่าชูฮันเมินเฉยต่อตัวเองหวังไคจึงอารมณ์เสียเข้าไปอีก และยังคงพูดอยู่ในหัวชูฮันไม่หยุด “ถ้าหลูปิงเซ่อยู่ที่นี้ เขาคงพุ่งเข้าไป——”

 

  หวังไคยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดกลางคันซะก่อนเพราะมันเกิดการจลาจลขึ้นบริเวณใกล้กับประตูทางเข้าค่าย ดูเหมือนจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น

 

  ”ไอ้เวรแม่มึงสิ กล้าแซงแถวกูเหรอ?!” ชายตัวใหย่ร่างหนาผลักไหล่ชายที่ดูอ่อนแอลงพื้น แสดงให้เห็นถึงพละกำลังของแขน เขาตะคอกใส่ชายที่ล้มที่พื้นหน้าดำหน้าแดง “กล้าจ้องหน้ากูเหรอ มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร พ่อจะสั่งสอนให้เอง!”

 

  ภาพตรงหน้าตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่ต่อแถวกันอยู่หลายคนถึงกับนั่งลงที่พื้นและดูอย่างสนุกสนาน

 

  ชูฮันและทีมกุ้งเสือดำตะลึงกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ ชายร่างบางถูกผลักลงพื้นโดยชายร่างใหญ่ หน้าตาเปรอะเปื้อน เสื้อผ้าสกปรกขาดรุ่ยไม่ต่างอะไรกับผู้ลี้ภัย

 

  นั่นมันหลูปิงเซ่อไม่ใช่เหรอ?!

 

  ”หัวหน้า!”เสี่ยวเคินกลืนน้ำลายลงคอ พยายามยังคับเสียงให้ออกจากปากตัวเอง “นั่นหลูปิงเซ่อ หัวหน้าเห็นมั้ยครับ?!”

 

  เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้หลูปิงเซ่อถูกอัดหน้าจนหมดหล่อเขาควรจะรักษาหน้าตาตัวเองดีๆไม่ใช่เหรอไง? ทำไมถึงปล่อยให้ไอ้ชายร่างยักษ์นั่นทำร้ายหน้าตัวเองได้?

 

  แม้ว่าหลูปิงเซ่อจะเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เหมือนกันแต่เขามีพละกำลังด้านการต่อสู้ต่ำ ความสามารถของหลูปิงเซ่อนั่นค่อนข้างหาได้ยากและไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจของคนอื่นๆ

 

  ในขณะที่ชูฮันกำลังลังเลอยู่กำปั้นของชายร่างยักษ์ก็พุ่งเข้าใส่หน้าของหลูปิงเซ่อไปแล้ว

 

  พั้วะ!

 

  ทันใดนั้นเองก็มีร่างของคนคนหนึ่งพุ่งออกมาจากฝูงชนมือของเขาสามารถกั้นหมัดของชายร่างยักษ์เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย นั่นก็คือฟานเจี้ยนที่หน้าตาเปรอะเปื้อนไม่ต่างกับหลูปิงเซ่อนั่นเอง

 

  ”เพื่อนยากอย่าโกรธไปเลยน่า” ฟานเจี้ยนพ่นลมหายใจ

 

  จางโบฮั่นตกใจขณะมองไปที่การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของอีกคนและสามารถห้ามหมัดของอีกฝ่ายได้อย่างทันทีเธอไม่เข้าใจทั้งคู่ ทำไมสองคนนี้ที่ต้องแต่งตัวแบบนี้? แล้วคิดจะทำอะไรกันแน่?

 

  ทั้งคู่ถอยหนีออกมาจากสถานที่เกิดเหตุฟานเจี้ยนทนไม่ไหวและตะคอกใส่หลูปิงเซ่อ “หลูปิงเซ่อ แกอยากจบชีวิตแล้วใช่มั้ย พอฉันหันหลังกลับมา แกก็หายไปแล้ว แล้วเป็นไงเก่งมากมั้ย สุดท้ายก็ต้องกลับมาต่อแถว!”

 

  หลูปิงเซ่อปัดเศษฝุ่นตรงก้านออก”นายมันโง่ ให้ต่อแถวรอมันสามชั่วโมงโดยที่แถวไม่ขยับเลยนสักนิด พรุ่งนี้เราก็ยังไม่ได้เข้าไปในนั้นหรอก!”

 

  ”นี่นายคิดแต่เรื่องตัวเองสินะ?”ฟานเจี้ยนเหลือบตามอง ขณะกำลังจะอ้าปากพูดประโยคต่อไปก็ต้องหยุดชะงัก

 

  เพราะมันมีกลุ่มคนที่อยู่ห่างไกลออกไปกำลังมุ่งหน้าเข้ามาด้วยความเร็วอย่างมากเป็นกลุ่มคนที่มีอาวุธครบครัน แต่งกายดูดี โดยเฉพาะคนที่เดินนำ แม้จะมีสายพันคล้องคอเหมือนว่าแขนจะหัก ทว่าเครื่องแต่งกายที่เป็นชุดจีน หากท่าทางเย่อหยิ่งดูมีอำนาจ ไหนจะคางที่เชิดขึ้นฟ้า

 

  เมื่อได้เห็นคนกลุ่มนี้หลูปิงเซ่อและฟานเจี้ยนก็หยุดการโต้เถียงกันทันที

 

  ชูฮันและทีมกุ้งเสือดำเองก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อกับภาพที่ได้เห็นพวกเขาบังเอิญได้มาเจอกับหลูปิงเซ่อและฟานเจี้ยนที่ค่ายหนานตู้ แล้วยังมาบังเอิญเจอคนกลุ่มนี้อีกเนี่ยนะ?

 

  มันจะเกินไปแล้ว!

 

  เพราะกลุ่มคนที่มุ่งหน้ามานั้นโดยมีคนที่โดดเด่นและเป็นเป้าสายตา เดินนำอยู่ตรงกลาง เขาสวมชุดหรูหราสวยงาม เป็นคนที่ชูฮันพาไปตามหาเสาหินในป่าและได้เจอกับหลูปิงเซ่อ…นั่นก็คือเสี่ยวเย่นั่นเอง!