บทที่ 200
เขาไม่ได้มาหาเธอ
จู่ๆแสงไฟในงานก็ดับลงและแสงสว่างก็โผล่ขึ้นมาตรงบันไดทางเดินที่ชั้นสอง ร่างของคุณปู่โม่, โม่อ้ายลี่และพี่โม่ปรากฏขึ้นมาภายใต้แสงไฟ
เมื่อแต่งตัวสวยงาม โม่อ้ายลี่ก็สลัดความเป็นเด็กไร้เดียงสาและยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับความสูงศักดิ์ของเธอและครอบครัวที่สูงศักดิ์ของเธอด้วย ผู้คนในงานต่างก็เริ่มพูดคุยและเดาถึงเรื่องตัวตนของเธอ มู่หรงเสวี่ยมีความสุขกับเพื่อนสนิทของเธออย่างมาก ได้เวลาที่จะโตขึ้นแล้ว
โม่อ้ายลี่ที่อยู่บนเวทีช่างดูเป็นธรรมชาติและสวยสง่ามากภายใต้การแนะนำของคุณปู่โม่ สุดยอดจริงๆ!
“วันนี้อ้ายลี่สวยมากจริงๆ…” มู่หรงเสวี่ยพูดในระหว่างที่ดื่มไวน์ไปด้วย
“ใช่!” ชูอี้เสิ่นไม่ได้มองที่โม่อ้ายลี่เลยสักนิด เขามองเพียงแค่ผู้หญิงที่สีหน้าเริ่มจะเมาที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น หัวใจเขาเต้นรัวขึ้นและสงบลงไม่ได้เลยเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าเขาพยายามที่จะลืมเธอไปจากหัวใจมากแค่ไหน มันก็พังทลายลงทันทีในวินาทีที่ได้เห็นเธอ
สายตาของชูอี้เสิ่นอบอุ่นอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมามองชูอี้เสิ่นราวกับว่าเธอรู้สึกได้ สายตาของเธอมองไปที่เขา “พี่ชู…พี่…”
ชูอี้เสิ่นก้มหัวเล็กน้อยด้วยความอาย “ฉันรู้ เธอไม่ต้องย้ำอีกรอบหรอก ฉันเข้าใจแล้ว ถึงแม้ฉันจะเข้าใจแต่มันก็ยังต้องใช้เวลา…” เขามีคำตอบในหัวใจอยู่แล้ว
บางทีถึงแม้เธอจะให้เวลาเขามากกว่านี้ เขาก็กลัวว่าตัวเองจะลบภาพเธอออกไปจากใจไม่ได้อยู่ดี
หัวใจของมู่หรงเสวี่ยเจ็บแปลบ จนพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาในทันที ทำได้เพียงเปล่งเสียงออกมาเบาๆ “อืม” แล้วก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาใหม่
เวลาสามารถรักษาได้ทุกอย่าง เธอคิดแบบนั้นเสมอ…แต่ถึงแม้บาดแผลบางอย่างจะหายไปแล้ว มันก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ในหัวใจซึ่งจะไม่มีวันหายไปไหน…เธอไม่อยากให้ตัวเองเป็นร่องรอยนั้นของพี่ชู
ในระหว่างที่ทั้งสองยังหลงอยู่ในความคิดของตัวเอง ทันใดนั้นทั้งสองก็หันไปมองแสงไฟที่สว่างจ้าซึ่งแสงไฟส่งตรงมาทางร่างของชูอี้เสิ่น
ในตอนแรกชูอี้เสิ่นที่ยังตัวแข็งอึ้งอยู่นิดหน่อยแล้วก็รีบตอบสนองในทันที นี่เป็นคำเชิญให้เต้นเปิดงาน ทั่วทั้งงานเลี้ยงต่างก็เต็มไปด้วยการแสดงความดีใจ
มู่หรงเสวี่ยพูดด้วยเสียงเบาที่มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่จะได้ยินอย่างชัดเจน “พี่ชู ทักษะการเต้นของอ้ายลี่ไม่เก่งเท่าไร ขอร้องล่ะนะคะ!”
“ได้!” ไม่ว่าเธอจะขออะไร เขาก็พร้อมที่จะทำให้
ชูอี้เสิ่นลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาโม่อ้ายลี่ที่ยืนรออยู่ที่ฟลอร์เต้นรำเรียบร้อยแล้ว เขาโค้งตัวลงเล็กน้อย แล้วยืนมือขวาออกไปพร้อมทั้งพูดว่า “ช่วยให้เกียรติเต้นรำกับผมทีได้ไหมครับคุณโม่?”
โม่อ้ายลี่มองไปที่ชูอี้เสิ่นที่เปล่งประกายอยู่ภายใต้แสงไฟ ดูเหมือนว่าแม้แต่ผมของเขาก็ยังเป็นประกาย เธอวางมือของตัวเองลงไปอย่างเต็มใจ เมื่อเสียงดนตรีเริ่มขึ้นทั้งสองก็ล่องลอยราวกับความฝัน แล้วคนมากมายก็ค่อยๆเข้ามาร่วมวงด้วย สายตาของโม่อ้ายลี่อดไม่ได้ที่จะจ้องตรง เธอค่อยๆยื่นหัวไปที่หน้าหล่อๆของชูอี้เสิ่น เมื่อเธอเห็นริมฝีปากบางของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปถึงคืนนั้นที่เขาจูบเธอ
ในตอนนี้เธอไม่เห็นอาการของตัวเองแต่มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เธอรู้สึกถึงความร้อนที่ใบหน้า เสียงหัวใจก็เต้นรัวดังจนเธอรู้สึกว่าน่าจะดังกว่าเสียงเพลงอีก เธออยู่ใกล้กับเขามากจนเธอกลัวว่าเขาจะเห็นความผิดปกติของเธอ
วันนี้ตอนที่พี่ชายถามเธอว่าอยากที่จะเต้นกับใครเป็นการเปิดตัว เธอก็รีบตอบออกไปโดยไม่ทันคิด “ชูอี้เสิ่น!” เธอยังจำสายตาแปลกๆของพี่ชายตอนที่มองมาที่เธอได้อยู่เลย แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ? นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเจอสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอแต่สายตาของเขาไม่ได้มองมาที่เธอเลย สิ่งที่เธอรู้ก็คือว่าเขาเชิญเธอเต้นก็แค่เพราะอยากจะรักษาหน้าของคุณปู่ เธอยังรู้อีกด้วยว่าผู้หญิงที่ชูอี้เสิ่นรักหมดหัวใจก็คือเพื่อสนิทของเธอ เสี่ยวเสวี่ย เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพียงแค่ว่าจะควบคุมหัวใจที่มันเต้นแรงแบบนี้ได้ยังไงกัน?!!
มู่หรงเสวี่ยที่ยังคงดื่มไวน์แดงอยู่ ทันใดนั้นก็เห็นร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมาและเห็นใครคนหนึ่ง เธอหัวเราะและพูดออกมา “พี่จาง!”
“ช่วยให้เกียรติเต้นกับฉันหน่อยได้ไหม?” จางหลินหลี่กล่าวเชิญพร้อมรอยยิ้ม
“ด้วยความยินดีค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยยิ้มและวางมือลงไปที่ฝ่ามือของพี่จาง
ทั้งสองเดินเข้าไปด้วยกันที่ฟลอร์เต้นรำ “เสี่ยวเสวี่ย ช่วงนี้เธอเป็นไงบ้าง?”
“ฉันทำไมเหรอคะ?! ทุกวันก็มีแต่การเรียนแล้วก็ใช้ชีวิต แต่ละวันที่ผ่านไปก็เริ่มสบายขึ้นเรื่อยๆ…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
งั้นเหรอ? งั้นทำไมเขาถึงเห็นว่าเธอดูผอมซูบลงแล้วยังต้องนั่งดื่มอยู่คนเดียวอีกด้วย
“แล้วพี่จางเป็นไงบ้างคะ?” มู่หรงเสวี่ยถามในระหว่างที่กำลังเต้น
“ก็เรื่อยๆ อีกอย่างเมื่อกี้พ่อแม่ฉันถามถึงเธอด้วยนะ…” เขามาพร้อมกับพ่อแม่เพราะคุณโม่เป็นชายที่คุณพ่อของเขานับถือ พวกเขาจึงมาปาร์ตี้งานวันเกิดนี้ด้วยกัน
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปทักทายนะคะ! นี่ก็ตั้งหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่เจอกันคราวที่แล้ว”
ช่างหลายเดือนที่ผ่านมาสำหรับเขามันนานราวกับหลายปี เขาเหมือนราวกับว่าไม่ได้เจอเธอมานานมาก ในตอนนี้เขาถึงขนาดรู้สึกว่าแปลกหน้ากับเธอไปแล้วแต่ความรู้สึกชอบก็ยังคงอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่รุนแรงเหมือนในช่วงแรกๆแล้ว… “พ่อแม่ฉันต้องมีความสุขมากแน่ๆ พวกท่านเอาแต่พูดถึงเธอตลอดเลย เอาแต่พูดว่าเด็กสาวที่น่ารักอย่างเสี่ยวเสวี่ยทำไมถึงไม่มาเป็นลูกสาวของพวกท่าน?!!” หลังจากที่พูดจบ พวกท่านก็มองมาที่ฉันด้วยสายตารังเกียจ…นี่ฉันไม่ใช่ลูกของพวกท่านใช่ไหม?”
จางหลินหลี่พูดพร้อมเสียงหัวเราะ มู่หรงเสวี่ยเองก็รู้สึกมีความสุขหลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้ คู่สามีภรรยาตระกูลจางเป็นคู่ที่น่ารักมากๆ
ชูอี้เสิ่นที่กำลังเต้นอยู่ข้างๆพวกเขาก็กำลังมองมาที่พวกเขาโดยไม่กะพริบตา
บางทีเขาอาจจะไม่ได้สังเกตว่ามือที่กำลังจับมือเธออยู่บีบแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เธอมองตามสายตาของเขาไปและเห็นเสี่ยวเสวี่ยกับลูกชายของตระกูลจางที่กำลังยิ้มให้กันอยู่ สายตาของโม่อ้ายลี่เข้มขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ในตอนนี้ชูอี้เสิ่นก็คงกำลังเต้นอยู่กับเสี่ยวเสวี่ยแล้ว เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเห็นว่าท่าทางของชูอี้เสิ่นไม่ได้สนใจอยู่ที่เธอ เธอก็เริ่มที่จะกังวล
เมื่อดนตรีเปลี่ยนเพลงเป็นการหมุน โม่อ้ายลี่ก็หมุนไปด้านข้างในทิศทางของจางหลินหลี่ที่อยู่ตรงหน้า เป็นการเปลี่ยนคู่อย่างนุ่มนวล เมื่อเห็นแบบนี้ ชูอี้เสิ่นก็รีบจับมือมู่หรงเสวี่ยไว้ทันทีเพื่อทำให้เธอหยุดอยู่สักพัก
จางหลินหลี่มองไปที่โม่อ้ายลี่อย่างแปลกใจและรีบพูดออกมาทันที “คุณหนูโม่ บางทีสิ่งที่คุณทำอาจจะเปล่าประโยชน์นะครับ” เขามองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ใม่ห่างมากนัก
โม่อ้ายลี่เก็บความขมขื่นไว้ในใจและพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เปล่าประโยชน์อะไรคะ?! ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”
จางหลินหลี่เองก็หัวเราะออกมา ตอนนี้ในเมื่อเขารู้แล้วว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ชอบชูอี้เสิ่นแต่เป็นเธอต่างหากที่ชอบเขา เธอเก็บซ่อนความรักของเธอไว้ไม่ได้ แค่ประกายในดวงตาของเธอก็เพียงพอแล้วที่จะแทนคำตอบทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าคุณหนูโม่คิดถึงชูอี้เสิ่นเธอถึงได้ทำอะไรแบบนี้ขึ้นมา “ดี!” เขาถอนหายใจ
สีหน้าของโม่อ้ายลี่สะดุ้ง สายตาของเธอแวบประกายความละอายใจ เธอรู้ว่าการกระทำของตัวเองมันโง่มากและ เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ชอบพี่ชู ถึงแม้เธอจะให้เวลาที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันแต่เธอจะเปลี่ยนอะไรได้ล่ะ?! อย่างไรก็ตาม เธอทนเห็นสายตาที่โดดเดี่ยวของเขาไม่ได้ มันทำให้หัวใจเธอเจ็บปวด
“…”
เมื่อฮวงฟูอี้มาถึงห้องนั่งเล่นของงานเลี้ยงตระกูลโม่ รูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาก็สร้างเสียงซุบซิบได้อย่างมากมาย เขาจ้องมองไปที่คนพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่พอใจแต่เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีกเมื่อมองไม่เห็นร่างของ มู่หรงเสวี่ย
“ดราก้อนมาสเตอร์ คุณมู่หรงกำลังเต้นรำอยู่ครับ!” หลงอี้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อย และคุณมู่หรงก็กำลังเต้นรำอยู่กับชายคนอื่นด้วยท่าทางที่ใกล้ชิดกันมากด้วย ตอนนี้มีเรื่องสนุกให้คอยดูแล้วสิ หลังจากที่ถูกทารุณมาหลายวันก็เลยเป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกสนุกกับอะไร
ฮวงฟูอี้มองไปที่ฟลอร์เต้นรำตามสายตาของหลงอี้ ร่างกายที่อ่อนนุ่มและละเอียดอ่อนของมู่หรงเสวี่ยแนบสนิทอยู่ในอ้อมแขนของชูอี้เสิ่น พวกเขาโอบกอดและเต้นรำด้วยกัน ผู้ชายสูงและหล่อเหลา ส่วนผู้หญิงก็สวยและน่ารัก ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ
บ้าเอ๊ย ไม่ยอมทำงานที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนให้ดีแต่กลับมาเดตอยู่กับผู้ชายที่นี่นี่เอง ฮวงฟูอี้กัดฟันกรอดและจ้องไปที่คนทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา
“หลงอี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้ที่ดราก้อนพาวิลเลี่ยนมีงานไม่เยอะพอใช่ไหม?” ฮวงฟูอี้พูดอย่างเยือกเย็น มัหลงอี้ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามอะไรแบบนี้ออกมา ดราก้อนมาสเตอร์ไม่วิ่งเข้าไปจัดการไอ้หมอนั่นแล้วดึงคุณมู่หรงออกมาจากไอ้หน้าหล่อนั้นเหรอ?!!!
“โง่หรือไง?”
หลงอี้รีบเข้าใจในทันทีและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ครับ ในจังหวัด Cเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ทราบที่มา เป็นหน้าที่ของหมอมังกรที่ต้องเร่งมือ เจ้าหน้าที่ทุกคนของแผนกแพทย์มังกรที่อยู่ข้างนอกจะต้องกลับมาที่องค์กรเพื่อช่วยกันทำงานโดยเร็วที่สุด!”
“ดี เข้าใจได้ดีมาก!” ฮวงฟูอี้ตอบกลับมาเสียงเบา
หลังจากที่เงียบไปสักพัก
“ทำไมนายยังอยู่ตรงนี้อีกล่ะ?” ฮวงฟูอี้จ้องไปที่หลงอี้อย่างเยือกเย็น
“อ่า” สีหน้าของหลงอี้ดูสับสน!
จนกระทั่งทั่วทั้งร่างกายเริ่มรู้สึกถึงความเย็นที่เย็นขึ้นเรื่อยๆจากสายตาที่จ้องมาอย่างตรงเป้าของดราก้อนมาสเตอร์ เขารีบวิ่งไปที่ฟลอร์เต้นรำที่อยู่ตรงหน้าทันที ใช้ความฉลาดของตัวเองเพื่อนแยกชูอี้เสิ่นและมู่หรงเสวี่ยออกจากกันทันทีและดึงมือมู่หรงเสวี่ยให้เดินมาในตำแหน่งที่ดราก้อนลอร์ดยืนอยู่
แต่ก็ยังบ่นอุบอยู่ในใจถึงเรื่องนี้ ดราก้อนมาสเตอร์ไล่ตามผู้หญิงแต่ก็ไม่ยอมทำด้วยตัวเอง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?! ดราก้อนมาสเตอร์กลายเป็นคนแบบนี้ที่ชอบบงการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย!!!
“นายจะทำอะไร?! ปล่อยมู่หรงนะ” ชูอี้เสิ่นรีบวิ่งตามมาและดึงมืออีกข้างของมู่หรงเสวี่ยไว้
ปฏิกิริยาของมู่หรงดึงดูดสายตาของคนมากมายได้ในทันที แม้แต่คุณปู่โม่เองก็ยังสังเกตเห็น “เสี่ยวเฟิง หลานไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น?!” คุณปู่โม่หันไปกระซิบที่ฝั่งของโม่หลิวเฟิง
โดยที่คุณปู่โม่ไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ เท้าของโม่หลิวเฟิงก้าวออกไปแล้วและรีบเดินตรงไปที่มู่หรง
“หลงอี้งั้นเหรอ?! คุณมาทำอะไรที่นี่?” มู่หรงเสวี่ยถามออกมาอย่างประหลาดใจ
หลังจากที่มองไปที่ชูอี้เสิ่นแล้วหลงอี้ก็หันมาพูดกับ มู่หรงเสวี่ย “คุณมู่หรง ผมขอฉันสั่งให้คุณกลับไปที่ตำแหน่งของคุณทันทีในฐานะผู้บังคับบัญชา” มันจบแล้ว เขาไม่เก่งเรื่องอะไรพวกนี้ งั้นเขาจะใช้อำนาจของการเป็นหัวหน้า ในตอนนี้มือของคุณมู่หรงยังถูกชูอี้เสิ่นจับไว้แน่นแต่เขาเองก็ลืมไปว่าตัวเองก็จับมือมู่หรงเสวี่ยอยู่เช่นกัน
ฮวงฟูอี้โกรธอย่างมาก ไอ้งี่เง่าเอ๊ย!!!
มู่หรงหันไปหาชูอี้เสิ่นและพูดออกมา “พี่ชู ไม่เป็นไร นี่เป็นคนที่ฉันรู้จัก!”
เธอปล่อยมือจากพวกเขาและพูดออกมา “นี่เป็นงานปาร์ตี้ของคุณปู่โม่ ฉันไม่อยากที่จะทำให้ท่านไม่พอใจ…”
ชูอี้เสิ่นมองไปที่หลงอี้อย่างไม่พอใจ
หลงอี้จ้องตอบ: เอาสิ! เขามาลุยกันไปข้างเลย!!!
หลังจากนั้นสักพักมู่หรงเสวี่ยก็ขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ฉันจำได้ว่าฉันขอลาไว้นะ…” อันที่จริง ดราก้อนพาวิลเลี่ยนไม่ได้เข้มงวดเรื่องความต้องการของเจ้าหน้าที่มากนัก โดยพื้นฐานแล้วจะยกเว้นบุคลากรเฉพาะ ส่วนคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นที่จะต้องประจำที่ฐานตลอดเวลา
หลงอี้ปรับท่าทางและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้มีสถานการณ์พิเศษ หมอมังกรทุกคนต้องกลับไปที่ฐานทันที เกิดปัญหาขึ้นมาก…”
มู่หรงเสวี่ยตกใจ ปัญหามากงั้นเหรอ คงไม่ใช่ว่ามีไวรัสที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นมาหรอกนะ?!! “ฉันจะกลับไปที่นั่นทันที…”
“มู่หรง…” ชูอี้เสิ่นเรียก
ในตอนนี้โม่หลิวเฟิงเองก็เดินเข้ามาด้วย “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่โม่หลิวเฟิงและพูดออกมา “พี่โม่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องฉุกเฉินนิดหน่อย ช่วยฝากบอกคุณปู่โม่ด้วยนะคะว่าฉันขอโทษ…และพี่ชู ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันแค่จะไปทำงาน…”
หลังจากนั้น เธอและหลงอี้ก็เดินไปที่ประตูของงานเลี้ยง เพียงแค่เดินออกมาสองก้าว มู่หรงเสวี่ยก็เห็นฮวงฟูอี้ที่ยังคงเปล่งประกายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อเธอเดินออกมาเธอก็รู้สึกมีความหวังและกังวลอย่างบอกไม่ถูกไปพร้อมๆกัน
แล้วเธอก็ปลุกตัวเองออกจากความเพ้อฝัน เขามาที่นี่ก็เพราะหลงอี้อยู่ที่นี่ เมื่อกี้หลงอี้บอกเธอเองว่าเขาไม่อยากที่จะคุยกับเธอด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเพียงแค่เสี่ยววินาที มู่หรงเสวี่ยก็เดินไปข้างหน้าต่อ เมื่อเธอเดินผ่านเขาก็รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังก้าวต่อไปไม่หยุด เธอยกโทษให้กับความขี้ขลาดของตัวเอง เธอตั้งใจว่าเมื่อเจอเขาเธอจะทำให้มันชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเจอเขาเป็นครั้งที่สองแต่ก็ยังไม่มีความกล้ามากพอ
ทันทีที่หลงอี้เห็นเหตุการณ์นี้เขาก็รู้เลยว่าไม่ดีแน่ คุณมู่หรงเป็นอะไรไปงั้นเหรอ? เธอเดินผ่านดราก้อนมาสเตอร์ไปเฉยๆ เธอควรที่จะแปลกใจเมื่อได้เจอดราก้อนมาสเตอร์แล้วก็วิ่งเข้าสู่อ้อมแขนเขาด้วยท่าทีที่รักใคร่ไม่ใช่เหรอ
เขามองไปที่สีหน้าเคร่งขรึมของดราก้อนมาสเตอร์และหัวใจเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตา ในวินาทีนี้เขารู้สึกได้ถึงการเป็นทาสที่จะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกมากได้เลย
ชัดเจนเลยว่าเขาไม่ได้มาหาเธอ มู่หรงเสวี่ยที่เดินห่างออกไปสองสามเมตรแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง เธอคิดกับตัวเอง