บทที่ 7 มิใช่ว่าฝ่าบาทต้องพระทัยเจ้าหรอกหรือ Ink Stone_Romance
เปโตรนิยาได้รับสาสน์ตอบกลับจากน้องสาว นางจึงเดินทางมาพบอีกฝ่ายที่พระราชวัง ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อาจเป็นเพราะนางคิดถึงน้องมาก แพทริเซียเองก็ต้อนรับพี่สาวด้วยหน้าตาชื่นบานเช่นกัน
“นีย่า”
“ริซซี่”
ทั้งคู่แยกกันเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น แต่คนที่พบเห็นทั้งสองคนในตอนนี้อาจคิดว่าพี่น้องคู่นี้ได้พบหน้ากันหลังจากพลัดพรากกันไปนาน
เปโตรนิยาพูดกับแพทริเซียด้วยน้ำเสียงตื้นตัน
“น้องสาวข้าได้เป็นจักรพรรดินีหรือนี่ พระเจ้าช่วย ริซซี่ ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกกว่าพระจักรพรรดินีหรือเปล่านะ”
ครั้นได้ยินพี่สาวกระเซ้าเช่นนั้น แพทริเซียก็ตีอีกฝ่ายทีเล่นทีจริง
“ไม่เอานะ นีย่า เรียกเหมือนเดิมเถอะ ต่อให้ข้าเป็นจักรพรรดินี แต่ความจริงที่ว่าข้าเป็นน้องสาวของเจ้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเสียหน่อย”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน แต่เอาเป็นว่าตอนอยู่กันสองคนข้าจะลองคิดดูแล้วกัน”
“ก็ได้ อ้อ ท่านพี่ นั่งสิ เมื่อยขาแย่แล้ว”
แพทริเซียรีบให้เปโตรนิยานั่งลงบนเก้าอี้ และให้มีร์ยานำชาสองถ้วยมาให้ ไม่นานนักมีร์ยาก็ยกถ้วยชาที่มีไอกรุ่นออกมา เปโตรนิยาจิบชาก่อนจะพูดคุยกับน้องสาวต่อ
“ว่าแต่เรื่องเป็นมาอย่างไร หืม? ริซซี่ การคัดเลือกจักรพรรดินีอาจขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฝ่าบาทก็จริง แต่ถ้าเจ้าทำคะแนนในรอบคัดเลือกได้ไม่ดีก็ไม่น่าจะได้เป็นง่ายๆ นะ”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นิล ตามจริงในรอบแรกและรอบที่สองข้าทำได้ไม่ดีเลยด้วยซ้ำ ตรงข้ามกับเลดี้ทริชา ข้ายังนึกว่านางจะได้เป็นจักรพรรดินีแน่แล้ว”
ที่เรื่องเป็นเช่นนี้น่าจะเป็นผลมาจากรอบที่สาม แต่นางไม่อยากบอกเรื่องนั้นให้เปโตรนิยารู้ ส่วนเปโตรนิยาเมื่อได้ฟังน้องสาวพูดก็ทำท่าทางคล้ายจะเย้าแหย่
“อุ๊ย จริงหรือ เช่นนั้น…มิใช่ว่าฝ่าบาทต้องพระทัยเจ้าหรอกหรือ ริซซี่”
“…”
แพทริเซียเกือบแสดงสีหน้ารังเกียจออกไป แต่นางอดกลั้นเอาไว้ได้ ชายคนนั้นน่ะหรือจะชอบข้า? แพทริเซียหัวเราะเสียงดังราวกับได้ฟังเรื่องตลกก็ไม่ปาน และแม้แพทริเซียจะแสดงออกเช่นนั้นแต่เปโตรนิยาก็ยังผลักดันความคิดของตนต่อไปอย่างแน่วแน่
“ดูทำเข้า เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ ฝ่าบาทอาจจะถูกใจเจ้าจริงๆ ก็ได้นี่”
“ท่านพี่…ข่าวที่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง เจ้าลืมแล้วหรือ”
ในที่สุดแพทริเซียก็ก้าวล้ำเข้าไปในดินแดนต้องห้าม นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฝ่าบาททรงมีคนรักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่ทรงเลือกข้า…”
แพทริเซียพูดมาถึงตรงนี้แล้วกัดปากตัวเอง นั่นสินะ ทำไมถึงเลือกข้าล่ะ จะเลือกบุตรีของเคานต์อาร์เซลโดซึ่งมีศักดิ์ต่ำสุด หรือเลดี้วาเซียร์ก็ยังได้ มีเหตุผลกลใดจึงได้เลือกข้ามาเป็นจักรพรรดินี?
แพทริเซียรู้สึกราวกับถูกความตะขิดตะขวงใจปั่นหัวด้วยความสงสัยที่พวยพุ่งออกมา แต่นางก็พยายามไม่ใส่ใจ เพราะต่อให้สงสัยแต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้นอกจากว่าจะไปถามจักรพรรดิเอาซึ่งๆ หน้า
“…คงเพราะทรงเลือกผิดกระมัง นีย่า ข้าไม่คาดหวังอะไรจากพระองค์สักนิด”
แพทริเซียรีบวกกลับเข้าเรื่องเดิม จะให้คาดหวังอะไรกับคนที่มีคนรักมาเนิ่นนานกระทั่งฆ่าภรรยาหลวง และภรรยาหลวงคนนั้นยังเป็นพี่สาวของนางอีก ต่อให้เขามีเจตนาใดแอบแฝงอยู่ มันก็คงไม่เกี่ยวกับตัวนางเป็นแน่ แพทริเซียมองเปโตรนิยาด้วยสายตาที่สงบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับอีกฝ่าย
“ความโรแมนติกที่เจ้าเฝ้าฝันมันไม่เกิดขึ้นกับข้าหรอก และฝ่าบาทก็คงไม่ใช่เจ้าชายขี่ม้าขาวของข้าด้วย การที่ข้าได้ครองตำแหน่งนี้ ข้าหวังแค่…”
แพทริเซียหยุดพูดไปครู่หนึ่งราวกับคอแห้งขึ้นมากะทันหัน นางปรับน้ำเสียงให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะพูดต่อโดยเร็ว
“ขอแค่…ทรงให้เกียรติข้าในฐานะจักรพรรดินี…ก็เท่านั้น”
เมื่อพูดออกไปแล้วแพทริเซียถึงนึกขึ้นได้ว่าถ้าคนอื่นได้ฟัง มันคงดูหดหู่และดูเป็นการมองโลกในแง่ร้าย เปโตรนิยาก็ดูเหมือนจะคิดเช่นนั้น เพราะสีหน้าสดใสของนางสลดลงทันที ดูเหมือนนางจะเวทนาน้องสาวอย่างมาก เพราะในการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแม้กระทั่งความรักข้างเดียวผสมอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ริซซี่…เจ้าเสียสละตัวเองเพื่อข้าหรือ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นเสียหน่อย”
ถ้านี่เป็นการเสียสละ การที่เปโตรนิยาเป็นควิเนสเมื่อครั้งก่อนก็คงเป็นการเสียสละเช่นกัน เพราะหากไม่นับว่านางจะชนะหรือแพ้ในการจับสลาก ความจริงที่ว่านางได้เป็นควิเนส และได้เป็นจักรพรรดินีก็ปฏิเสธมิได้
“เอาล่ะ พวกเราคุยเรื่องอื่นกันเถอะ”
แพทริเซียเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างจงใจ ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับพี่สาวมีค่ามากเกินกว่าจะเอามาสนทนาเรื่องผู้ชายที่นางไม่ได้สนใจสักนิด
“ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ทราบแล้วใช่ไหม พวกท่านบอกหรือไม่ว่าจะมาที่นี่เมื่อใด”
“จะไม่รู้ได้อย่างไร ก่อนข้าจะมานี่ พวกท่านก็ฝากถามว่าจะให้มาเยี่ยมเมื่อใดจึงจะดี”
“เมื่อใดก็ย่อมได้ทั้งนั้น อืม…แต่หากมาเร็วหน่อยน่าจะดี เพราะข้าคิดถึงพวกท่าน”
“ได้ ข้าจะเรียนพวกท่านตามนั้น”
เปโตรนิยาวางถ้วยชาที่ดื่มจนหมดลงบนโต๊ะก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
“เจ้าเองก็รู้ว่าข้าว่าง วันนี้ข้าจะอยู่นี่จนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเลย เจ้าจะว่าอะไรไหม”
แพทริเซียยินดีเป็นอย่างมาก นางยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้าด้วยความเต็มใจ
“ไม่ว่าเลย”
เปโตรนิยารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับน้องสาว นางออกมาจากที่ที่แพทริเซียอยู่ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินเล็กน้อย
ที่พักของแพทริเซียอยู่บริเวณส่วนกลางของพระราชวัง หากต้องการถึงบ้านก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้า เปโตรนิยาต้องออกเดินทางในเวลานี้
มีสวนดอกไม้เล็กๆ อยู่ระหว่างทางเดินจากห้องของแพทริเซียไปยังประตูหน้าของพระราชวัง เปโตรนิยาเดินชมสวนดอกไม้นั้นครู่หนึ่งตอนขามา ไม่ว่าเวลาไหนมันก็ยังคงสวยงาม แต่ความแตกต่างระหว่างสีของดอกไม้ที่รับแสงแดดจ้ากับสีของดอกไม้ที่รับแสงอาทิตย์ยามเย็นนั้นมีเสน่ห์คนละแบบ
เปโตรนิยายิ้มและเด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งจากกระถาง เมื่อดอกกุหลาบแดงในมืออาบแสงสีแดงของอาทิตย์ยามเย็น สีของมันจึงดูแดงสดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“หากข้าอยู่ที่นี่คงมาดูดอกไม้นี้ทุกวันเลย”
เปโตรนิยาพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป แต่ไปต่อได้ไม่เท่าไรนางก็หยุดเดินอีกครั้ง เปโตรนิยาพบเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่างเข้าและนั่นทำให้นางหน้าเสีย
“อะไรน่ะ…”
นางซ่อนตัวแถวๆ นั้น ก่อนจะยืดคอมองชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินมาทางทิศที่นางอยู่ สีหน้าที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วของเปโตรนิยาพลันถมึงทึงขึ้นด้วยเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่อยากเชื่อสายตา พระจักรพรรดิและ…หญิงสาวผู้หนึ่ง
อะไรกัน…ข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ? เปโตรนิยามองพระจักรพรรดิและหญิงสาวผู้นั้นเดินคลอเคลียกันในสวนดอกไม้ด้วยแววตาตื่นตะลึง ตำแหน่งข้างกายของจักรพรรดิเป็นที่ของน้องสาวนางแท้ๆ แต่เหตุใดผู้หญิงที่นางเพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรกถึงได้ครอบครองมันอยู่ ตอนได้ยินข่าวลือ นางไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อได้เห็นกับตาเช่นนี้ เปโตรนิยารู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก
“อื้อ!”
เปโตรนิยาค้อมตัวลง จู่ๆ นางก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย นางนั่งยองๆ กับพื้นก่อนจะใช้มือกุมลำคอ หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ออก ทำให้ต้องส่งเสียงค่อกแค่กออกมา
“อึก…”
ทำไมจู่ๆ ก็หายใจไม่ออกเช่นนี้ ทำไมถึงเศร้าเช่นนี้ จะบอกว่าเพราะสามีของน้องสาว ผู้ชายที่จะมาเป็นน้องเขยของนางกำลังนอกใจน้องสาวนางตั้งแต่ยังไม่แต่งงานก็ดูไม่มีน้ำหนักพอ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากก็ตาม…แต่ก็ไม่ควรเป็นเหตุผลที่ทำให้นางรู้สึกถูกหยามเกียรติจนแทบหายใจไม่ออกเช่นนี้
เปโตรนิยารู้สึกได้ว่าน้ำตากำลังไหล ทั้งๆ ที่นางไม่ได้อยากให้มันไหล และเสียงครวญครางก็ออกมาจากปากของนางไม่ขาดสาย
“ฮึก ฮือ …”
ความรู้สึกแปลกๆ ทั้งเศร้า ทุกข์ใจ อยากจะฆ่าให้ตาย ประเดประดังเข้ามาในหัว เปโตรนิยาถูกอารมณ์เหล่านั้นเข้าครอบงำโดยที่ตัวนางไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ความรู้สึกและความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้เหล่านี้ช่างแปลกนัก นางร้องเสียงแหบแห้งออกมาอีกสองสามครั้ง ก่อนจะหมดสติล้มลงไปในที่สุด
***
แพทริเซียวิ่งโดยไม่สนสิ่งใด สาบานได้เลยว่านางกำลังวิ่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เมื่อผ่านหัวมุมตึกไป นางก็เห็นตำหนักหินอ่อนสีขาว แม้นางจะสวมรองเท้าส้นสูงชะลูด แต่ก็วิ่งเร็วจี๋โดยไม่มีความลังเลใดๆ
“อึก”
แต่แล้วข้อเท้าบางก็พลิกจนได้ แพทริเซียเสียหลักล้มคว่ำเสียงดังโครมใหญ่อยู่ตรงนั้น มีร์ยาวิ่งไล่หลังมาเพราะวิ่งตามไม่ทันตกใจที่เห็นแพทริเซียล้มลงจึงรีบปราดเข้าไปหา
“ท่านแพทริเซีย!”
มีร์ยารีบสำรวจอาการของแพทริเซีย เพียงครู่เดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายข้อเท้าแพลงเพราะข้อเท้าของแพทริเซียบวมแดงขึ้นมา มีร์ยารีบพูดทั้งสีหน้าตื่นตะลึง
“ข้าจะรีบไปเรียกหมอหลวงมาค่ะ”
“ไม่ต้อง”
แพทริเซียปฏิเสธ สิ่งที่สำคัญตอนนี้ไม่ใช่ตัวนาง
“ไม่เป็นไรค่ะ มีร์ยา ก่อนอื่นช่วยประคองข้าที”
มีร์ยารีบเข้าไปพยุงแพทริเซียที่ทำท่าจะลุกขึ้น แพทริเซียกัดปากอย่างแรงเพื่อกลั้นน้ำตา ริมฝีปากที่แดงช้ำเหมือนจะหลั่งเลือดนั้นทำให้นางดูน่าสงสาร นางมีท่าทีเร่งรีบและพูดขึ้น
“ข้าต้องไปต่อแล้วค่ะ มีร์ยา”
แพทริเซียพูดเช่นนั้นแล้วพยายามลากเท้าที่บวมแดงเดินต่อไปอย่างน่าสงสาร ถ้านางไม่วิ่ง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปแล้ว แพทริเซียต่อว่าตัวเองไปตลอดทางจนกระทั่งถึงจุดหมาย นางผลักประตูเข้าไปด้วยสีหน้าร้อนใจ
“…”
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียวแต่อยู่กันสองคน ณ วินาทีนั้นนางตกใจมากแต่ก็รีบเอ่ยทำความเคารพด้วยริมฝีปากที่สั่นเครือ
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิ สุริยันแห่งจักรวรรดิ ขอจงทรงพระเจริญ”
“พี่สาวของเจ้าหรือ”
แทนที่จะรับการคำนับ ลูซิโอกลับถามเข้าประเด็นทันที ในตอนนั้นเองแพทริเซียจึงค่อยเลื่อนสายตาไปจับจ้องที่พี่สาวของตน นางคร่ำครวญออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดของอีกฝ่าย
“อา…ฮึก ฮือ…”
ทั้งที่ลูซิโอควรจะปลอบแพทริเซีย หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือปลอบสตรีที่จะมาเป็นภรรยาของตนซึ่งกำลังยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาเหลือบมองแพทริเซียด้วยสายตาที่ไม่แฝงไปด้วยอารมณ์ใดๆ ก่อนจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คนสวนพบนางหมดสติอยู่ในสวนด้านหลัง ไม่มีอะไรรุนแรง ฟังว่าน่าจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างกะทันหัน”
“ฮึก ฮือ”
ยิ่งได้ฟังพระจักรพรรดิอธิบาย แพทริเซียก็ยิ่งสะอึกสะอื้น การร้องไห้ต่อหน้าเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่เสี้ยววินาทีที่นางเห็นเปโตรนิยานอนอยู่บนเตียง นางก็รู้สึกว่าสติที่ตนประคับประคองไว้ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมาจนถึงตอนนี้ได้ขาดผึง
แพทริเซียก้าวเท้าที่อาการไม่ค่อยดีไปยังเตียงที่เปโตรนิยานอนอยู่ แต่แล้วความเจ็บปวดรุนแรงที่ข้อเท้ากลับทำให้นางต้องทรุดตัวลงนั่ง
“อ๊ะ!”
หญิงสาวกุมข้อเท้า ร่างกายบิดเกร็งด้วยความเจ็บปวดที่เทียบไม่ได้กับเมื่อครู่ ข้อเท้าของนางบวมแดงขึ้น ลูซิโอเห็นดังนั้นก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้