ราชันเร้นลับ 505 : คนรับใช้ค่าหัวสามพันปอนด์

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 505 : คนรับใช้ค่าหัวสามพันปอนด์ โดย Ink Stone_Fantasy

“กัปตัน! กลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดงถอนตัวกลับไปแล้วครับ!”

ลูกเรือคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องกัปตัน

“หนีไปแล้วหรือ?” ไอร์แลนด์ยกกล้องส่องทางไกลมองไปยังจุดหนึ่งในทะเล ทันเห็นเรือของกลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดงแล่นลับสายตาไปกับเส้นขอบฟ้า

มันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ตามความเห็นของมัน สรรพาวุธของ ‘โมราขาว’ ยังไม่มากพอจะสร้างความหวาดหวั่นให้กลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดงได้ แม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่ปะทะกันซึ่งหน้า แต่ก็ต้องแล่นวนเป็นวงกลมพลางยิงถล่มใส่กันด้วยปืนใหญ่ของฝ่ายตัวเองเพื่อสร้างความได้เปรียบ จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เมื่อโจรสลัดเริ่มพ่ายแพ้ พวกมันจะรีบหนีกลับไปโดยไม่เสียเวลาต่อสู้ยืดเยื้อ ดังนั้น การถอนกำลังทันทีตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิดฉากยิง จึงนับว่าค่อนข้างแปลกประหลาด

หมายความว่า เรือของกลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดงเพียงผ่านทางมาโดยไม่ได้คิดปล้นตั้งแต่แรก? แล้วพวกมันมาทำอะไรในน่านน้ำสาธารณะ? ละแวกใกล้เคียงเต็มไปด้วยเรือของกองทัพและโบสถ์หลัก แม้แต่ราชาโจรสลัดกับพลเรือโจรสลัดก็ยังไม่กล้าเฉียดใกล้ หรือต่อให้เข้ามา ก็ต้องพยายามทำตัวไม่โดดเด่นเข้าไว้…

สมองไอร์แลนด์เต็มไปด้วยคำถาม

แต่เราก็ห้ามประมาท ความรอบคอบจะช่วยให้เลี่ยงปัญหา…

ไอร์แลนด์วางกล้องส่องทางไกลสีเหลืองอมน้ำตาลลง พลางเริ่มเดินวนในห้อง

มันยกมือขึ้นและกล่าวกับต้นหน

“พวกเราจะเทียบท่าแบนชีคืนนี้ รีบรายงานเรื่องโจรสลัดให้กองทัพเรือและโบสถ์หลักทราบด้วย”

ตามแผนเดิม การหยุดพักครั้งต่อไปของโมราขาวจะเป็นท่าเรือ ‘เทียน่า’ ใช้เวลาราวสามวันในการแล่นไปถึงด้วยความเร็วสิบสามนอต ถัดจากท่าเรือเทียน่าก็จะเป็นจุดหมายปลายทางของโมราขาว เมืองหลวงแห่งหมู่เกาะรอสต์เมืองแห่งการให้ ‘บายัม’

แต่ในความเป็นจริง การเดินทางโดยใช้เวลาสั้นสุดจากท่าเรือพริสต์ไปยังบายัมคือ แล่นเป็นเส้นตรงโดยหยุดพักเพียงครั้งเดียว ณ ท่าเรือแบนชี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองท่าดาเมียร์ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบไมล์ทะเล

“โจรสลัดกะโหลกแดงหนีไปแล้วจริงหรือ” บิดาของดอนน่า เออร์ดี้·แบรนช์เดินตรงไปยังหน้าต่างและมองท้องทะเลในจุดห่างไกล

คลีฟส์พยักหน้าตอบเสียงค่อย

“ใช่ครับ”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ลูกเรือได้ตะโกนดังมาจากด้านนอกห้องพัก

“อันตรายจบลงแล้ว! อันตรายจบแล้ว!”

เมื่อได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ดอนน่ากับแดนตันเริ่มผ่อนคลาย และกล้าเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างเพื่อสำรวจเหตุการณ์ด้านนอกอย่างสงสัย

“โจรสลัดกะโหลกแดงเก่งมากหรือคะ?” ดอนน่าชะโงกศีรษะพลางมองหาเรือ

“เก่งมาก” คลีฟส์มอบคำตอบ

“เก่งแค่ไหนครับ?” แดนตันซักไซ้

บอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนทีก ใช้มือจัดทรงผมและตอบ

“ต่อให้ไม่นับปืนใหญ่บนเรือกับโจรสลัดอีกนับร้อยชีวิต ลำพังกัปตันจอห์นสัน และต้นเรือแอนเดอร์สัน ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว แอนเดอร์สันมีฉายาว่า ‘ตาเดียว’ ค่าหัวในอาณาจักรโลเอ็นคือห้าร้อยปอนด์ ต้องให้พวกเราทุกคนตรงนี้รุมจึงจะเอาชนะมันได้ ส่วนกัปตันมีฉายาว่า ‘หมาป่าทะเล’ จอห์นสัน ฝีมือเก่งฉกาจมาก สามารถเอาชนะพวกเราทุกคนได้ง่ายดาย หากขึ้นเรือมาเมื่อใด คงไม่มีใครหยุด ‘หมาป่าทะเล’ ได้แน่ ค่าหัวของมันคือเก้าร้อยปอนด์ อีกนิดเดียวก็จะหนึ่งพันปอนด์แล้ว!”

“นี่เยอะแล้วหรือคะ?” ดอนน่าค่อนข้างตกใจกับความแข็งแกร่งของ ‘หมาป่าทะเล’ และ ‘ตาเดียว’ รวมไปถึงจำนวนค่าหัวของพวกมัน

ในความทรงจำของเด็กสาว บิดาของเธอมีรายได้ต่อปีสูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์!

“เยอะสิ นี่เป็นเพียงค่าหัวเริ่มต้น หากพวกมันพกพาสิ่งของราคาแพง คนจัดการจะมีสิทธิ์ในสมบัติเหล่านั้นทั้งหมด และทางอาณาจักรยินดีรับซื้อในราคาตลาด ไม่เพียงเท่านั้น คนจัดการยังสามารถนำค่าหัวไปขึ้นเงินกับอาณาจักรอื่นได้ด้วย” เซซิลอธิบาย “สำหรับในทะเล โจรสลัดค่าหัวเกินสามร้อยปอนด์ก็นับว่ามีฝีมือแล้ว ฉะนั้น พวกค่าหัวประมาณหนึ่งพันปอนด์จะค่อนข้างโด่งดัง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งทะเลโซเนียหรือทะเลหมอก”

“แต่สี่ราชาโจรสลัดและเจ็ดพลเรือโจรสลัดจะโด่งดังไปทั้งห้าห้วงสมุทรสินะคะ” ดอนน่าถามอย่างไร้เดียงสา

คลีฟส์ตอบขึงขัง

“ถูกต้อง”

“หมายความว่า โจรสลัดกะโหลกแดงค่อนข้างมีชื่อเสียงในแถบทะเลโซเนียแห่งนี้?” ดอนน่ายังคงซักไซ้

“ใช่” ทีกพยักหน้ารับ

“แล้วทำไมพวกเขาถึงหนีล่ะคะ?” เด็กสาวกะพริบตาถี่

“อาจจะไม่ได้หนี…” เซซิลเองก็จนปัญญาจะอธิบาย

คลีฟส์มองออกไปนอกหน้าต่าง ขนคิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“พวกอาจแล่นผ่านมาด้วยเหตุผลอื่น โจรสลัดไม่จำเป็นต้องปล้นทุกครั้งเมื่อพบเรือโดยสาร”

เหตุผลอื่น? ดอนน่าเริ่มผุดแนวคิดใหม่

เป็นไปได้ไหมว่า พวกมันจะกลัวผู้ส่งสารตัวสูงเท่าบ้านของคุณลุงสแปร์โรว์?

อี๋ย! ก็น่ากลัวอยู่หรอก…

ความสงสัยของดอนน่ากำลังปะทุเหมือนกับฟองน้ำร้อน

เธอหันไปสบตาแดนตันอย่างตื่นเต้น และพบว่าดวงตาของน้องชายก็กำลังส่องประกายไม่ต่างกัน

เด็กทั้งสองเม้มปากพลางสัมผัสได้ว่า ต่างฝ่ายต่างคิดเรื่องเดียวกัน

“ออกไปสูดอากาศแถวนี้กันเถอะ” ดอนน่าหาเหตุผลพาน้องชายออกจากห้องพักหมายเลข 305

แดนตันหรี่เสียง

“เราจะไปหาลุงสแปร์โรว์กันใช่ไหม”

“ใช่!” เด็กสาวหัวเราะร่าเริง “พี่เคยเห็นเขาเดินเข้าไปในห้อง 312!”

ห้อง 312

เดนิส·เพลิงพิโรธเลิกพูดถึงพลเรือโทธารน้ำแข็งมาสักพัก เพียงมองออกไปยังเรือของกะโหลกแดงซึ่งกำลังกลับลำเผ่นหนี

“พวกมันคงตื่นตระหนกกับข่าวลือของประสิทธิภาพเรือรบรุ่นใหม่ จึงลองเสี่ยงปล้นในเส้นทางเดินเรือสาธารณะให้หนำใจ ก่อนจะเผ่นหนีออกจากน่านน้ำเมื่อเรือรบรุ่นดังกล่าวพร้อมประจำการ เฮ่อะ! เรือรบลำใหญ่มาพร้อมปืนรุ่นใหม่แล้วมันยังไง? ในความเป็นจริง กองทัพเรือและโบสถ์หลักมีสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งยิ่งกว่าเรือรบซ่อนอยู่อีกมาก และสิ่งเหล่านั้นก็มีตัวตนมานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าโจรสลัดจะสูญพันธุ์ไปสักที ถึงพวกเราจะเอาชนะซึ่งหน้าไม่ไหว แต่ถ้าเป็นการหนีก็ยังพอทำได้ และกองทัพก็คงมิได้ส่งเรือมาประกบเรือพ่อค้ากับเรือโดยสารตลอดเวลาหรอกกระมัง แน่นอน ฉันทราบว่าเรือหุ้มเกราะจะมีขนาดใหญ่ขึ้นในทุกรุ่น และเครื่องยนต์ก็จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก อีกไม่นานคงเอาชนะขีดจำกัดสิบแปดนอตหรือยี่สิบนอตไปได้ หากเรือโจรสลัดลำใดถูกไล่หลัง รับประกันได้เลยว่าไม่มีทางหนีพ้น แต่ท้องทะเลนั้นกว้างใหญ่ ถึงจะนำเรือโจรสลัดและเรือกองทัพนับพันลำมากองรวมกันในจุดเดียว ก็ยังมิอาจเติมเต็มมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งของมหาสมุทรได้เต็ม ยังมีทะเลอีกมากซึ่งมนุษย์ยังสำรวจไปไม่ถึง พวกเราแค่ต้องซ่อนตัวภายในนั้นให้มิดชิด แม้จะมีอันตรายอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นช่องทางสำหรับเอาตัวรอด”

พูดมากฉิบหาย… ไม่คิดบ้างหรือ ว่านักผจญภัยเสียสติจะไม่อยากฟังอะไรแบบนี้…

ไคลน์มองไปทางอื่นพลางสำรวจรอบห้อง

ทันใดนั้น สายตาของชายหนุ่มหยุดลงตรงกระเป๋าเดินทางหนัง พร้อมกับใช้คางชี้ตรงไป

“ซักเสื้อผ้าสกปรกในนั้นด้วย”

เดนิสผู้เอาแต่พล่ามมานาน พลันชะงักงันอย่างเห็นได้ชัด มันพยายามข่มโทสะภายในใจให้สงบลง มิให้เผาเรือลำนี้ทิ้งในคราวเดียว

ความโกรธกำลังระอุอยู่หน้าปากประตูแห่งเหตุผลและสามัญสำนึก

เดนิสพะงาบปากงับคำ แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา จนกระทั่ง มันสูดลมหายใจยาวสุดปอด

ใบหน้าอันแดงก่ำเริ่มทุเลาลง พร้อมกับตั้งคำถามด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“แค่นั้นใช่ไหม”

“ซักเฉพาะเสื้อสกปรก เสื้อโค้ทแค่ใช้แปรงขัดก็พอ” ไคลน์เกือบหลุดขำในความพยายามเก็บอารมณ์ของเดนิส ขณะเดียวกันก็มองว่า เวรกรรมในคราวนี้ก็นับว่าเหมาะสมแล้ว สำหรับโจรสลัดผู้เคยปล้นคนบริสุทธิ์

เสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางเป็นชุดของเมื่อคืนซึ่งถูกพับเก็บไว้หลังจากอาบน้ำ ย้อนกลับไปตอนนั้น ไคลน์รู้สึกขี้เกียจเล็กน้อย จึงซักแค่กางเกงใน

อดทนไว้… ห้ามสติแตก… อดทนไว้… ห้ามสติแตกเด็ดขาด!

เดนิสสะกดจิตตัวเองพลางเดินเข้าไปใกล้กระเป๋าหนังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ และเปิดหยิบเสื้อผ้าสกปรกออกมาวางเรียง

ผ่านไปสักพัก ขณะเดนิสกำลังตั้งใจซักผ้าอยู่ในห้องน้ำ เสียงเคาะประตูห้องดังแว่ว

ไคลน์เดินไปเปิดประตู และพบว่าเป็นดอนน่ากับแดนตัน

“คุณลุงสแปร์โรว์ หนูไม่ได้รบกวนใช่ไหม” ดอนน่ากลอกตาอย่างน่าเอ็นดู

“ไม่” ไคลน์ยิ้มและเปิดทางให้

เด็กน้อยทั้งสองเดินเข้ามาด้านใน ก่อนจะหันไปเห็นเดนิสกำลังก้มหน้าซักผ้าในห้องน้ำ

“ไม่มีคนใช้หรือครับ” แดนตันถาม

“ไม่ได้พามาด้วย” ไคลน์ตอบแทนเดนิส

ดอนน่าขมวดคิ้ว

“แต่บัตรโดยสารชั้นหนึ่งมีแม่บ้านคอยซักผ้าให้ไม่ใช่หรือคะ คิดราคาตามจำนวนถังผ้า”

ขณะเด็กสาวซักถาม เดนิสพลันชะงักมือ

มันเอาแต่โมโหจนลืมไปเสียสนิท

เดนิสรีบสะบัดมือให้แห้งและหันมาพูดกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยรอยยิ้มท่วมใบหน้า

“ฉันให้แม่บ้านซักได้ไหม”

ไคลน์ไม่ใจดำนัก เพียงยิ้มตอบ

“ฉันสนแค่ผลลัพธ์”

ฟู่ว! เดนิสทำหน้าโล่งใจสุดขีด

บทสนทนาของทั้งคู่ทำให้เด็กหญิงดอนน่าเริ่มพบความผิดปรกติ จึงถามหันมาไคลน์อย่างสงสัย

“ลุงสแปร์โรว์ ลุงคนนี้ไม่ใช่เพื่อนหรือคะ? แล้วทำไมหน้าตาของเขาถึงเปลี่ยนไปจากในห้องอาหารมาก”

ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ ตามด้วยการเล่าอย่างเป็นกันเอง

“ความจริงแล้ว เรียกเขาว่าเชลยศึกคงจะเหมาะกว่า”

“เชลยศึก?” แดนตันจ้องมองเดนิสหัวจรดเท้าด้วยสายตามึนงง พลางสงสัยว่าคุณลุงทั้งสองไปทะเลาะกันตอนไหน

เมื่อหายค้างคาใจ ดอนน่ายิ้มและซักถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“เขาเป็นโจรสลัดใช่ไหมคะ”

“ถูกต้อง” ไคลน์พยักหน้า

“โจรสลัดกะโหลกแดงหนีไปเพราะกลัวคุณลุงสแปร์โรว์ด้วยใช่ไหมคะ” ดอนน่าถามต่อ

ไคลน์เหลือบมองเดนิสด้วยหาตา และมอบคำตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“พูดแบบนั้นก็ไม่ผิด”

เมื่อปมความสงสัยทั้งหมดถูกไขกระจ่าง ดอนน่าเผยรอยยิ้มพึงพอใจ และหันไปจ้องเดนิสพลางหรี่เสียงถาม

“คุณลุงสแปร์โรว์ คุณลุงคนนี้มีชื่อไหมคะ แล้วเขาค่าหัวเท่าไร”

ไม่ได้เด็ดขาด! จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าฉันกำลังตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้!

เดนิสรีบอ้าปากตอบ

“ฉันชื่อซีค!”

ไคลน์กล่าวแทรกด้วยเสียงล่องลอย

“เขาชื่อเดนิส”

“เดนิส…” ดอนน่ากับแดนตันเพียงมองหน้ากันโดยไม่กล่าวสิ่งใด

สองพี่น้องไม่อยู่นานนัก พวกเธอรู้สึกว่าสายตาของคุณลุงโจรสลัดแฝงความเกรี้ยวกราดไว้มากเกินไป

เมื่อกลับถึงห้อง 305 และเห็นบิดากับลุงคนอื่นกำลังคุยเรื่องโจรสลัด ดอนน่าแอบแทรกถามอย่างไร้เดียงสา

“หนูได้ยินคนข้างนอกพูดถึงเดนิส เขาดังมากรึเปล่าคะ?”

“เดนิส… คงเป็นเดนิส·เพลิงพิโรธ ลูกน้องของพลเรือโทธารน้ำแข็ง สรั่งเรือลำดับสี่แห่ง ‘ฝันทองคำ’ ” คลีฟส์ตอบกระชับ

เมื่อเล่าจบ คลีฟส์เงียบงันคล้ายกับกำลังนึกทบทวนรายละเอียดเพิ่มเติม

ลูกน้องของพลเรือโจรสลัด…!

ดอนน่ารีบถามต่อ

“ค่าหัวเท่าไรคะ?”

คลีฟส์คืนสติและตอบเสียงแผ่ว

“สามพันปอนด์”

ส…สามพันปอนด์? ดอนน่ากับแดนตันอ้าปากค้างเป็นเวลานานจนเกือบลืมหุบ

กัปตันของกะโหลกแดงผู้เก่งกาจกลับมีค่าหัวเพียงเก้าร้อยปอนด์ แต่โจรสลัดซึ่งดูเหมือนคนรับใช้นั้นมีค่าหัวถึงสามพันปอนด์?

พี่สาวกับน้องชายต่างหันมาจ้องหน้ากันโดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใด

ณ หกโมงเย็น โมราขาวเทียบท่าอีกครั้ง

“เมืองท่าแบนชี? ไอร์แลนด์รอบคอบมาก…”

เดนิสยืนข้างหน้าต่าง สายตาจ้องมองเมืองท่าบรรยากาศมืดสลัวและประภาคารสูง

โดยไม่รอให้ไคลน์ถาม มันหัวเราะ

“เมืองนี้มีตำนานอันน่าขนลุกอยู่ด้วย”

……………………