พลังวิญญาณจำนวนมากหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แล้วระเบิดแรงกดมหาศาลออกมาอีกครั้ง แทบจะในเวลาเดียวกันที่ปริแตกออกหานลี่และสือคุนก็วางเขตอาคมต้องห้ามสองสามชั้นที่ทางเข้าของเขตอาคมแล้ว

เสาพายุหนาๆ สายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็กระจายตัวออก แทบจะกวาดทุกอย่างในรัศมีสองสามลี้เอาไว้ในวงพายุหมุน ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นกลางอากาศก็หมุนวนไปรอบด้าน

แม้ว่าหานลี่และพวกจะอยู่ห่างเป็นพันลี้ ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายการทำลายล้างได้ชัดเจน

ทั้งสามคนพลันหน้าเปลี่ยนสี

หากพวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่านี้ครึ่งส่วน ยังคงชักช้าอยู่ในนั้น เกรงว่าคงซวยแล้วจริงๆ

“แย่แล้ว คนของเผ่าแมลงมีเขาเหล่านั้นกำลังมาทางนี้ ใช้ความเร็วที่เร็วมาก ใกล้จะมาถึงแล้ว” หลิวสุ่ยเอ๋อร์พลันร้องอุทานออกมาเสียงหลง

“พวกเขาพบพวกเราแล้ว และกำลังใช้เคล็ดวิชาลับตรึงตำแหน่งพวกเรา ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีก ต้องแยกกันหนี เผ่าแมลงมีเขาเหล่านี้อยู่ที่นี่มานานแล้ว จะต้องมีแผนการไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจจะไล่ตามอย่างไม่ลดละ” หานลี่ดูเหมือนจะสัมผัสอันใด ก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งเครียด

ยามนี้สมบัติมาอยู่ในมือแล้ว เดิมพวกเขาก็เตรียมจะไปตามทางของตนเอง ยิ่งได้ยินคำพูดของหานลี่ ที่เหลือทั้งสองคนย่อมไม่มีความเห็นอื่น

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นผู้แซ่สือก็ขอตัวลาก่อน!” สือคุนประสานมือคารวะหานลี่และพวกทั้งสองทันที กลายเป็นลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งพุ่งออกไป

“พี่หานอีกสองสามเดือน ไปรวมตัวกันที่เมืองเมฆานะ” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็หัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย

หญิงสาวผู้นี้สะบัดแขนเสื้อ สำเภาไม้สีเงินขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยายใหญ่จนมีขนาดสองสามจั้ง ปรากฏอยู่ใต้ร่าง

เท้าเรียวขยับคนก็ร่อนลงไปในสำเภาไม้อย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันกลางอากาศก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงวิญญาณห้าสีพุ่งออกมาจากกลางอากาศ จมหายเข้าไปในอ้อมอกของหลิวสุ่ยเอ๋อร์ นั่นก็คือหมีน้อยติดปีกตัวหนึ่ง

เมื่อเก็บอสูรวิญญาณ หลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่ลังเลอีก ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบใต้ฝ่าเท้า สำเภาไม้อยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งพุ่งแหวกอากาศออกไป

หานลี่เห็นสถานการณ์นี้หางตาก็กระตุก มือหนึ่งพลันร่ายอาคม เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น แผ่นหลังมีปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา

ปีกคู่นั้นแค่กระพือเบาๆ ก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป

แค่กะพริบวาบๆ หานลี่ก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง ไปปรากฏตัวที่ขอบฟ้า

และในยามนั้นเองบรรยากาศใกล้ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้น อสรพิษน้อยสีขาวตัวหนึ่งปรากฏกาย พลิ้วไหวกายแล้วบินหายเข้าไปในเส้นไหมลำแสง

เส้นไหมลำแสงแค่หยุดชะงักเล็กน้อย ก็กระตุ้นความเร็วเต็มอัตรา หายวับไปที่ขอบฟ้า

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ท้องฟ้าอีกด้านก็มีลำแสงสว่างวาบ เป็นไอของลำแสงหลีกหนีสิบกว่าสาย ส่งเสียงกรีดร้องมาอยู่ตรงจุดที่หานลี่และพวกหยุดอยู่แต่เดิม

ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลง ด้านในเผยชาวแมลงมีเขาสวมอาภรณ์หลากหลายออกมาสิบกว่าคน

ผู้นำคือชายหนุ่มคนหนึ่ง บนศีรษะมีเขาสีทอง สีหน้าเคร่งขรึม

“คนพวกนี้มีปฏิภาณไหวพริบว่องไวมาก หนีก็ไว ทว่าแผนของพวกเรากำลังอยู่ในช่วงสำคัญ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนเผ่าอื่นแอบซ่อนตัวจับตามองอยู่ หากไม่ใช่เพราะพวกเราสัมผัสเขตอาคมได้ เกรงว่าคงไม่อาจพบพวกเขา ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้แน่ เหลิ่งหาน ไป๋กั่ว เจ้าสองคนพาคนที่เหลือไล่ตามอีกสองคนไป ข้าจะไล่ตามคนสุดท้ายไปเอง” ชายหนุ่มเขาสีทองขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะออกคำสั่ง

“ท่านทูตซู๋ซู่โปรดวางใจ เราสองคนจะต้องทำภารกิจสำเร็จแน่” บุรุษหนึ่งคนและสตรีอีกหนึ่งคนค้อมตัวลงตอบรับ

บุรุษมีอายุสี่สิบกว่าปี ร่างกายสูงใหญ่ ผิวพรรณมีเกล็ดอยู่เต็มไปหมด เหนือศีรษะมีเขางอๆ สีฟ้า ท่าทางองอาจห้าวหาญ

หญิงสาวมีร่างกายอรชนอ้อนแอ้น หน้าตางดงาม หว่างคิ้วมีเขาสั้นๆ สีขาวยาวสองสามชุ่น สวมชุดกระโปรงสีเงินนิรนามชุดหนึ่ง

หลังจากที่ทั้งสองกวักมือเรียกคนอื่นๆ ในกลุ่ม ชั่วขณะนั้นก็มีสามคนบินออกมานอกกลุ่ม ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา

“พวกเจ้าตามสหายเหลิ่งไปก็แล้วกัน ข้าไปคนเดียวได้” ชายหนุ่มเห็นในกลุ่มยังมีอีกสี่คนที่ไม่ขยับ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขณะออกคำสั่ง

“แต่ว่า ท่านทูต…”

ที่เหลือทั้งสี่ได้ยินกลับตกตะลึง หนึ่งในนั้นเผยสีหน้าลังเลออกมาขณะเอ่ยพึมพำ

“หึ พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ ข้ามีสมบัติใดอยู่กับตัว ต่อให้ไม่ต้องใช้อาวุธสวรรค์ทมิฬ จากอิทธิฤทธิ์ของข้าก็ไม่กลัวเผ่าเบื้องบนคนหนึ่งหรอก” ชายหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชา เอ่ยอย่างไม่อาจขัดคำสั่งได้

ได้ยินชายหนุ่มที่ชื่อซู๋ซู่กล่าวเช่นนี้ ที่เหลืออีกสี่คนก็มองสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกว่ามีเหตุผล ทันใดนั้นก็พยักหน้า ทั้งสี่แบ่งออกเป็นฝั่งละสองคนเข้าไปอยู่ในกลุ่มของชายร่างใหญ่เขาสีเขียวและหญิงสาวกระโปรงสีขาว

จากนั้นคนเผ่าแมลงมีเขาเหล่านี้ก็ทยอยกันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศโดยมีทั้งสองเป็นผู้นำ กลายเป็นสายรุ้งสิบกว่าสายพุ่งไล่ตามไปคนละทาง

นั่นก็คือทิศทางที่หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนหนีไป

ชั่วพริบตาที่นี่ก็เหลือเพียงชายหนุ่มเขาสีทองเพียงผู้เดียว

ชายหนุ่มชักสายตามาจากจุดที่ไกลออกไป มองจุดที่หานลี่หายตัวไปอย่างเย็นชา มือหนึ่งตบไปที่หว่างเอว

เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีเหลืองบินออกมา

เสียงกรีดร้องยาวราวกับเสียงมังกรคำราม อสูรประหลาดสีเหลืองเข้มราวกับกิ้งก่าเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น

อสูรประหลาดตัวนี้มีหกขา แผ่นหลังมีปีกเนื้อขนาดยักษ์สองคู่ ชั่วพริบตาก็มีความยาวสิบกว่าจั้ง ดูโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มเขาสีทองพลิ้วกาย มายืนอยู่บนหัวของกิ้งก่ายักษ์

มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ หอยทากโปร่งใสสีแดงโลหิตตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

แต่ร่างกายกว่าครึ่งของแมลงวิญญาณนี้อยู่ในกระดอง หนวดสองเส้นหดเป็นวงกลม ท่าทางเกียจคร้าน

ชายหนุ่มแมลงมีเขาขมวดคิ้ว มืออีกข้างหนึ่งร่ายอาคม พายุโหมโจมตีออกไป ยาลูกกลอนสีแดงสดขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวพุ่งไปหาหอยทาก

หอยทากที่เดิมมีท่าทีเกียจคร้านพลันกระฉับกระเฉงขึ้น มันสะบัดหัวไปมา ชั่วขณะนั้นก็ยืดตัวออกมาจากกระดองอย่างรวดเร็ว ปากก็กลืนยาลูกกลอนลงท้องไป

ชายหนุ่มใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ปากก็บริกรรมคาถา

ชั่วขณะนั้นหนวดสองเส้นของหอยทากก็ยื่นออกมา ชี้ไปยังทิศทางที่หานลี่หนีไป เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า…

ชายหนุ่มเขาสีทองเห็นเหตุการณ์นี้ แววตาพลันฉายแววเย็นชา ยกเท้าขึ้นเหยียบไปด้านล่าง

ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ขาทั้งหกของกิ้งก่าและปีกเนื้อทั้งสี่กระพืออย่างแรงพร้อมกัน

ชั่วขณะนั้นพายุสีเหลืองก็ม้วนเข้ามา ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ข้างใน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เม็ดทรายก็สลายหายไป

อสูรประหลาดและชายหนุ่มสลายหายไปจากที่เดิม

……

หานลี่ที่กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวขาวใช้ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อปรากฏตัวขึ้นรางๆ กลางอากาศ ชั่วพริบตาก็หนีออกมาได้เป็นแสนลี้

แต่แววตากลับเปล่งประกายอยู่ในลำแสงหลีกหนี ใช้จิตสัมผัสกวาดไปนอกร่างกายของตนเองไม่หยุด แล้วขมวดคิ้วน้อยๆ

หลังจากที่บินมาไม่นาน เขาก็สัมผัสได้ว่าตนดูเหมือนจะถูกสิ่งลึกลับบางอย่างตรึงเป้าหมายเอาไว้ และเริ่มไล่ตามอย่างไม่ลดละ

แม้ว่าเขาจะตามหา แต่กลับไม่พบร่องรอย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เคล็ดวิชาลับธรรมดาๆ

เช่นนั้นแม้ว่าเขาจะบินอย่างรวดเร็วแค่ไหน ก็ไม่อาจสลัดผู้ที่ไล่ตามมาด้านหลังได้

และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาในยามนี้จะสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีที่มีความเร็วน่าตกตะลึง แต่พลังปราณที่สูญเสียไปก็มหาศาลเช่นกัน

จากพลังยุทธ์ที่สูญเสียไปของเขาในยามนี้ ย่อมไม่อาจรักษาระดับความเร็วนี้ได้นานนัก

ดูแล้วมีเพียงต้องจัดการผู้ที่ไล่ตามมาด้านหลัง ถึงจะสลัดสถานการณ์ที่ถูกไล่ตามไปได้

เมื่อจัดการอันใดไปเล็กน้อยระหว่างทางที่หนี เขาก็รู้สึกว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังคือเผ่าแมลงมีเขา แค่คนเดียวเท่านั้น

เช่นนั้นหานลี่ที่หาของที่อยากหาบนตัวไม่พบ ความคิดก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเกิดจิตสังหารขึ้นในพริบตา

จากระดับหลอมสุญตาขั้นปลายของเขาในยามนี้และอิทธิฤทธิ์มากมาย แม้ว่าจะสูญเสียพลังปราณไปมาก แต่หากจะต่อกรกับผู้ที่ไล่ตามมาซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันคนหนึ่ง ย่อมไม่ใช่ปัญหา

เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ หานลี่ก็ไม่ได้หยุดลำแสงหลีกหนี แต่กลับตั้งหน้าตั้งตาหนีไปข้างหน้าต่อไม่หยุด

หลังจากบินออกมารวดเดียวสองสามหมื่นลี้ หานลี่ก็รู้สึกว่าแม้ว่าผู้ที่ตามมาด้านหลังจะมีกำลังเสริม แต่ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ย่อมไม่อาจตามทันได้ เขาถึงได้หม่นลำแสงหลีกหนีแล้วหยุดลง

หานลี่ปรากฏกายขึ้น ชูแขนเสื้อขึ้นโดยไม่ปริปาก กระบี่สีเขียวยี่สิบสามสิบเล่มทะลักออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป

จากนั้นก็เอาสองมือไพล่หลัง เงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่มา ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น

ไม่นานนัก ไกลออกไปก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น พายุสีเหลืองม้วนวนเข้ามา

พายุนี้ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทันได้เข้าใกล้หานลี่ ก็ส่งเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นออกมา จากนั้นพายุหมุนก็หมุนตัว แล้วสลายหายไป ไกลออกไปมีกิ้งก่ายักษ์หกขาสี่ปีกปรากฏขึ้น

หัวของกิ้งก่ายักษ์มีชายหนุ่มเขาสีทองกำลังหรี่ตามองหานลี่ แววตาฉายแววเย็นชา

“เจ้าคือคนจากเผ่าใด ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของเผ่าเมฆาสวรรค์? ช่างเถิด ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด คาดไม่ถึงว่าจะกล้าแอบดูพวกเรา มีเพียงแต่ต้องตายเพียงเท่านั้น” ชายหนุ่มเอ่ยปาก ก็เอ่ยคำพูดที่เย็นเยียบจนเสียดแทงกระดูกออกมา

จากนั้นก็ไม่เห็นว่าเขามีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก กิ้งก่าหกขาใต้ฝ่าเท้าส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ผิวของมันมีพายุประหลาดปรากฏขึ้น

อสูรตัวนี้สยายปีกทั้งสี่ออกแล้วสลายหายไป

ส่วนชายหนุ่มกลับยังอยู่ที่เดิม ใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศอย่างเอื่อยๆ

เงาสีดำปรากฏขึ้น มันบิดเบี้ยวเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วยืดตัวออก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหอกเงาสีดำสนิท

หานลี่เห็นเช่นนั้นมุมปากพลันกระตุก เรือนร่างเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า มือหนึ่งกำมือ กำปั้นพุ่งไปกลางอากาศ

กำปั้นนี้ยังไม่ทันโจมตี เงากำปั้นสีทองก็หลุดออกจากมือ เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นกำปั้นยักษ์หนาๆ

ทุกแห่งที่กำปั้นพายุกวาดผ่านไป บรรยากาศรอบๆ ก็จะส่งเสียงระเบิดออกมา จากนั้นก็บิดเบี้ยว เสียง “ตูม” ดังขึ้น

กำปั้นยักษ์สีทองระเบิดออกจากจุดที่ไม่ไกลนัก กลายเป็นรัศมีลำแสงสีทองห่อหุ้มทุกอย่างในรัศมีสองสามจั้งเอาไว้

เสียงอสูรคำรามดังออกมาจากรัศมีลำแสง จากนั้นลำแสงสีเหลืองก็ระเบิดออก และตัดสลับกันไปมากับลำแสงสีทอง

คาดไม่ถึงว่ากิ้งก่าหกขาตัวนั้นจะปรากฏตัวขึ้นอย่างจนตรอกกลางอากาศใกล้ๆ กัน ปากก็พ่นลำแสงสีเหลืองออกมาต้านทานการโจมตีลำแสงสีทองสุดชีวิต

และในยามนั้นเอง ชายหนุ่มเขาสีทองเห็นหานลี่ดูเหมือนจะละความสนใจ ทันใดนั้นก็มีสีหน้าโหดเหี้ยม หอกในมือเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปจากมือของเขาอย่างเงียบเชียบ