ตอนที่ 506: ออกเดินทางสู่นิกายพยัคฆ์มังกร

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 506: ออกเดินทางสู่นิกายพยัคฆ์มังกร

เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของฉินหวู่เทียน แววตาของเจี้ยนเฉินก็เผยความอาฆาตออกมา “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ ? ” เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ

“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ พวกเรานั้นได้ทำตามคำสั่งท่าน ซึ่งพวกเราได้เข้าไปยังอาณาจักรอาทิตย์อัสดงเพื่อตามหาองค์ชายที่หนีไป เมื่อพวกเราพบองค์ชายแล้ว พวกเราได้พบกับกลุ่มคน 4 คนซึ่งมาจากนิกายพยัคฆ์มังกร พวกนั้นทำร้ายเราและได้ช่วยองค์ชายหนีไป แม้ว่าจะไม่มีทหารผู้ใดถูกฆ่าแต่ทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส” ฉินหวู่เทียนพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง

“มันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? นิกายพยัคฆ์มังกรมีความกล้าอย่างมากถึงได้กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับอาณาจักรฉินหวงเช่นนี้”

“พวกเรานิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้ พวกมันต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม”

“พวกเรานั้นไม่สามารถอภัยให้พวกมันได้”

“การกระทำของนิกายนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นอาณาจักรฉินหวงอยู่ในสายตา นี่เป็นการยั่วยุเราอย่างชัดเจน”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ที่ปรึกษาจักรพรรดิหลายคนแสดงอาการหงุดหงิดออกมา ผมของพวกเขาทั้งหลายชี้ฟูด้วยความโกรธคล้ายกับขนของสิงโต — การกระทำของนิกายพยัคฆ์มังกรนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาทุกคนไม่พอใจ

“พวกเราจะต้องให้มันตอบแทนอย่างสาสม ฝ่ามือจากสวรรค์นั้นจะไม่ละเว้นผู้ใดและจะโค่นล้มทุกคนที่ต่อต้านเช่นกัน” ฉินหวู่หมิงพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด

“ท่านพ่อพูดได้ถูกต้อง ไม่ว่าใครที่เป็นคนทำร้ายพี่ชายข้า ฝ่ามือนี่จะต้องฟาดเข้าใส่พวกมัน” ฉินหวู่เจี้ยนพูดขึ้นด้วยความดุดัน สายตาของเขาแสดงความอาฆาตออกมา

ฉินหวู่หมิงมองมาที่เจี้ยนเฉินและได้พูดขึ้น “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ โปรดให้พวกเราไปยังนิกายพยัคฆ์มังกรเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งต่ออาณาจักรฉินหวง พวกเราจะปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้มิได้”

“ใช่ ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอาณาจักรของเขา การเพิกเฉยต่อนิกายพยัคฆ์มังกรจะทำให้ขุมพลังอื่นเหิมเกริมได้ คนจากอาณาจักรฉินหวงนั้นไม่อาจให้ผู้อื่นมาข่มเหงรังแกได้” หนึ่งในที่ปรึกษาจักรพรรดิได้พูดขึ้น

“ทุกคนพูดได้ถูกต้อง เรื่องนี้ต้องหยิบขึ้นมาพิจารณา พวกเราปล่อยให้นิกายพยัคฆ์มังกรไว้เช่นนี้ไม่ได้” เสียงของเจี้ยนเฉินหยุดสักพักและเขาก็ได้หันกลับไปมองที่ฉินหวู่เทียน “ฉินหวู่เทียน เจ้าจงไปรักษาตัวเสียก่อน ข้าจะส่งคนไปยังเมืองจักรพรรดิเพื่อนำเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกคนมาที่นี่”

ฉินหวู่เทียนพยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับทหารอีก 2 คนเพื่อไปรักษาตัว

หลังจากที่ฉินหวู่เทียนได้ออกไปแล้ว สายตาของเจี้ยนเฉินก็ได้มองมายังทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนั่น “พวกเรามาปรึกษาแผนการรับมือกับนิกายพยัคฆ์มังกรกัน มีใครมีข้อเสนอหรือแผนการอันใดหรือไม่ ? “

“นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นตั้งตนเป็นศัตรูกับเราด้วยการช่วยองค์ชายเหลือขอนั่น ดูท่าแล้วพวกมันคงเชื่อมั่นในขุมพลังของพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงมีความกล้าที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับอาณาจักรฉินหวง นอกจากนี้องค์ชายรองผู้นั้นอาจจะมีสถานะไม่ธรรมดาอย่างที่เราคาดไว้ก็เป็นได้” เก๋าอวี่ฉินสันนิษฐาน

“ถูกต้อง ข้าเองก็คิดไม่ต่างชายชราผู้นี้เลย แต่ข้าเชื่อว่านิกายพยัคฆ์มังกรนั้นยังไม่ได้ตั้งตนเป็นศัตรูกับเรา พวกเขาคงทำตามคำสั่งขององค์ชายรอง ไม่อย่างนั้นแล้วทหารคงไม่เพียงได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ ด้วยการที่พวกเขามีเซียนสวรรค์ถึง 4 คน การฆ่าพวกทหารทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด” ที่ปรึกษาจักรพรรดิอีกคนหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นขึ้นมา

“ไม่ว่าพวกเขาจะมีเป้าหมายยังไง พวกเราควรให้พวกมันได้รับผลตอบแทนเสียบ้าง เพื่อเป็นการกู้หน้าของพวกเราไว้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าอาณาจักรอื่นจะไม่ดูแคลนอาณาจักรฉินหวงของเรา”

เจี้ยนเฉินพึมพำอยู่สักพัก ” เอาเช่นนี้เป็นไง พวกเรารอจนกว่าฉินหวู่เทียนจะหายดีเสียก่อน แล้วค่อยไปดูว่านิกายนั่นจะแสดงท่าทีเช่นไร”

“นั่นก็ฟังดูเข้าที ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะได้เรียกผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนอื่นเข้ามาช่วยสะสางปัญหานี้ด้วย” ฉินหวู่เทียนพูดขึ้น

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายแล้ว ในตอนนั้นเองเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกคนในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ได้มารวมตัวกันเพื่อรักษาบาดแผลของฉินหวู่เทียน เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเหล่านี้นั้นเป็นบุคคลล้ำค่าที่สุดในทวีปเทียนหยุน นั่นเป็นเพราะพวกเขามีอยู่ไม่มาก ภายในเมืองใหญ่เช่นนี้ยังมีพวกเขาอยู่แค่เพียงไม่กี่คนและพวกเขานั้นก็ล้วนไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นอยู่ในขั้นที่ 4 เท่านั้น นั่นจึงทำให้กว่าที่บาดแผลของฉินหวู่เทียนจะฟื้นฟูจึงต้องใช้เวลาไปกว่า 2 วันเต็ม ๆ

หลังจากที่เจี้ยนเฉินได้ออกจากห้องโถงแล้ว เขารีบมุ่งหน้าไปสู่ห้องรับรองที่ซึ่งราชาของอาณาจักรเกอซุนพำนักอยู่ ภายในห้องนั้นมีเซียนสวรรค์ คาเฟอร์ และเย่หมิงอยู่ที่นั่นด้วย

ทั้งสี่คนนั่งล้อมที่โต๊ะอยู่สักครู่ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะเป็นคนพูดขึ้นมา “มีการปะทะระหว่างอาณาจักรของเรากับนิกายพยัคฆ์มังกร พวกเราถูกโจมตีโดยนิกายนั้น องค์ราชา ท่านและกองทัพของท่านจะกลับไปในอาณาจักรเกอซุนในวันพรุ่งนี้”

“เจียงหยางเซียงเทียน ให้เย่หมิงและข้าอยู่กับเจ้าเพื่อสืบหาตำแหน่งของนิกายพยัคฆ์มังกร แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นจะสู้ที่ปรึกษาจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงไม่ได้ แต่ยังไงพวกเราก็อาจจะช่วยได้อยู่ดี”

“สิ่งนั้นไม่สามารถทำได้ ท่านเจ้าสำนัก ท่านและผู้อาวุโสเย่หมิงนั้นต้องกับไปพร้อมกับราชา ที่ปรึกษาทั้ง 10 คนและแม่ทัพทั้งสามจากอาณาจักรฉินหวงนั้นจะไปกับข้าเพื่อหาข้อยุติกับนิกายพยัคฆ์มังกร และกลุ่มที่ไปกับพวกเรานี้ไม่ควรมีเซียนสวรรค์ไปด้วย” เจี้ยนเฉินลังเลก่อนที่จะปฏิเสธความคิดของคาเฟอร์ แม้ว่ามันจะยากที่กองทัพของราชอาณาจักรฉินหวงจะโดนโจมตีแต่ยังไงเสียก็ต้องเตรียมรับมือไว้ โดยการให้หมิงตงและคนอื่น ๆ ไปกับกองทัพนี้น่าจะเป็นการยืนยันความปลอดภัยที่ดีที่สุด

“ถ้าเช่นนั้น พวกเราจะเป็นคนนำทัพนั่นเอง” คาเฟอร์เข้าใจในสิ่งที่เจี้ยนเฉินกังวล โดยเขาไม่ได้โต้เถียงสิ่งใดกลับมา

ราชาสังเกตเห็นอาการกังวลบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน เขาเดาว่านิกายพยัคฆ์มังกรนั้นจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ “หลานชาย เรื่องนิกายพยัคฆ์มังกรนั้นตึงเครียดขนาดนั้นเลยรึ ? “

“องค์ราชา โปรดไว้วางใจเถิด นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งก็จริง แต่พวกเขาเทียบไม่ได้กับอาณาจักรฉินหวง ครั้งนี้พวกมันได้ล่วงเกินอาณาจักรฉินหวงซึ่งเป็นสิ่งที่อาณาจักรฉินหวงยอมรับไม่ได้ ข้าเชื่อว่าคงมีเซียนคุ้มกฎของอาณาจักรฉินหวงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นโดยไม่มีความกังวลใด ๆ ด้วยพลังงานดั้งเดิมของจิตวิญญาณกระบี่สีม่วง-ฟ้าแล้ว เจี้ยนเฉินจะไม่กลัวเซียนสวรรค์ผู้ใด สิ่งที่เขากังวลในตอนนี้นั่นคือเซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกร

เมื่อได้ยินถึง ‘เซียนผู้คุมกฎ’ คาเฟอร์และเย่หมิงก็ได้แสดงความตึงเครียดออกมา ความแข็งแกร่งของพวกนั้นสูงเกินกว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งคู่มากนัก แม้ว่าเซียนผู้คุมกฎจะมีเพียงผู้เดียวในนิกายนั้น แต่ระยะห่างของความแข็งแกร่งของเขาทั้งคู่เมื่อเปรียบเทียบกับเซียนผู้นั้นแล้วราวฟ้ากับเหว

เคยมีคำพูดของคนโบร่ำโบราณในทวีปเทียนหยุนกล่าวว่า —ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎล้วนเป็นมดปลวก

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้” เย่หมิงถอนหายใจออกมา

“อ่า ! ” – คาเฟอร์ถอนหายใจด้วยเช่นกัน “คิดย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เจ้าสำนักคนแรก ๆ ของสำนักคากัตเองก็เป็นเซียนผู้คุมกฎเช่นกัน โชคร้ายที่เขาเป็นพวกชอบท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ ตอนนี้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปอยู่ที่ใด และนี่ก็เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวใด ๆ จากเขาอีก ถ้าเจ้าสำนักผู้นั้นคอยดูแลอาณาจักรเกอซุนแล้วล่ะก็อาณาจักรของเราคงรุ่งเรืองขึ้นมานานแล้ว”

….

ในเช้าวันต่อมา กองทัพที่ประจำในอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นได้เตรียมตัวเพื่อจะออกเดินทาง ทหารกว่าล้านคนข้างนอกกำลังจัดเก็บสิ่งของ พวกเขาทุกคนต้องทำตามคำสั่งที่ได้มาอย่างเคร่งครัด

“เจี้ยนเฉิน เจ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดี” หมิงตงพูดเตือนเจี้ยนเฉิน เขารู้อยู่แล้วว่าเจี้ยนเฉินคงต้องพบกับปัญหากับนิกายพยัคฆ์มังกร

เจี้ยนเฉินหัวเราะขึ้น “ทำไมท่านมองโลกในแง่ร้ายเช่นนั้น ? ท่านพูดเหมือนกับว่าข้าจะไม่ได้กลับมา อย่าลืมสิว่าข้าเป็นตัวแทนของอาณาจักรฉินหวง นิกายพยัคฆ์มังกรคงไม่กล้าทำอะไรข้า”

และในตอนนั้นโหยวเยว่ถอดเอาหนึ่งในเครื่องประดับที่นางสวมใส่ออก นางลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะเดินเข้ามาให้เจี้ยนเฉินเอง และนางกระซิบกับเขา “เจียงหยางหยางเซียนเทียน นี่เป็นจี้ที่แม่ข้ามอบไว้ให้ข้า มันสามารถนำสันติสุขมาให้แก่ผู้คนได้ และข้าจะให้เจ้าไปหวังว่ามันจะช่วยปกป้องเจ้าได้” ใบหน้าของโหยวเยว่มีสีแดงขึ้น แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังคงนำสร้อยคอเส้นนั้นใส่เขากับคอของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาด้วยความเขินอายพร้อมกับเอาสร้อยเส้นนั้นเข้าไปในเสื้อของเขา เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มันแสดงออกมา หัวใจของเขารู้สึกสงบ

“สร้อยคอเส้นนี้ ข้าจะรักษามันไว้อย่างดี” เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาให้องค์หญิง นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงมอบของเช่นนี้ให้กับเขา อีกทั้งสิ่งนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนางด้วย

“เซียงเอ๋อ รีบทำธุระของเจ้าที่นิกายพยัคฆ์มังกรและรีบกลับมา การฟื้นฟูตระกูลเจียงหยางนั้นเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เจ้าเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับตระกูลของพวกเรา ถ้าไม่มีเจ้า ตระกูลเจียงหยางคงไม่สามารถจัดงานเฉลิมฉลองได้แน่” เจียงหยางป้าพูดขึ้น

“ข้ารู้ ท่านพ่อ เมื่อข้าเสร็จธุระกับนิกายพยัคฆ์มังกรแล้ว ข้าจะรีบกลับไป” เจี้ยนเฉินตอบกลับ

หลังจากที่ล่ำลาทุกคนเสร็จแล้ว กองทัพของทั้งสองอาณาจักรก็ได้แยกตัวกันออกไป นอกจากเจี้ยนเฉิน, แม่ทัพ, และที่ปรึกษาจักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงแล้ว ทุกคนได้เดินทางไปกลับกองทัพทั้งสอง เมื่อกองทัพทั้งสองจากไปแล้ว ณ ที่แห่งนี้ก็เหลือทหารอยู่แค่เพียง 100 นายเท่านั้น ซึ่งนายทหารพวกนี้มีหน้าที่เพียงปกป้องท้องพระคลังและคุ้มกันช่างฝีมือให้แยกชิ้นส่วนของห้องนี้

เจี้ยนเฉินมองดูกองทัพที่จากไปก่อนจะหันกลับมามองที่พระราชวัง แม้ว่ามันจะเป็นพระราชวังที่ใหญ่โตแต่ตอนนี้มันไม่มีผู้ใดอยู่ข้างในเลย ช่างให้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเสียจริง ๆ มีเพียงเสียงเหล็กที่ดังขึ้นจากการแยกชิ้นส่วนท้องพระคลังที่ทำให้ที่แห่งนี้พอมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง

ในวันต่อมา อาการบาดเจ็บของฉินหวู่เทียนก็ได้ฟื้นฟูขึ้นจากการได้รับการรักษาจากเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง พวกเขาไม่รีรอสิ่งใดอีก ทั้งกลุ่มได้รีบเร่งเดินทางไปยังนิกายพยัคฆ์มังกร

นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นตั้งอยู่บนยอดภูเขาขนาดใหญ่ที่ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับอาณาจักรอาทิตย์อัสดง ที่ตรงตำแหน่งนี้ไม่มีอาณาจักรใดสามารถยึดครองไปได้ พื้นที่รอบ ๆ เองก็มิได้เป็นของอาณาจักรใดแต่เป็นของนิกายพยัคฆ์มังกร

นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นก่อตั้งได้มาอย่างน้อย 1,000 ปี ดังนั้นตำแหน่งที่ตั้งของนิกายนี้จึงมิใช่ความลับแต่อย่างใด มีหลายคนรู้ว่ามีนิกายนี้อยู่แต่มีผู้คนเพียงน้อยนิดที่จะรู้ว่ามีเซียนสวรรค์สังกัดอยู่ในนิกายนี้ด้วย

แม้ว่านิกายพยัคฆ์มังกรนั้นจะก่อตั้งมาเป็นระยะเวลานาน แต่พวกเขายังมีมาตรฐานที่สูงในการรับศิษย์เข้าร่ำเรียน ทำให้มีจำนวนคนที่สังกัดในนิกายนี้อยู่ไม่มาก — มีไม่ถึง 10,000 คนเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยจำนวนแค่นั้นทำให้พวกเขาแต่ละคนได้รับการสั่งสอนโดยตรงจากเซียนผู้คุมกฎ และเพราะเหตุนี้ทำให้นิกายพยัคฆ์มังกรสามารถผลิตผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ มันทำให้พวกเขารุ่งเรืองแม้ว่าจะมีจำนวนเพียงน้อยนิด