ตอนที่ 546: ถิ่นของข้า!

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 546: ถิ่นของข้า!

 

แล้วเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาได้เกือบอาทิตย์ แท่นบูชาเทพเติ้งเทียน หรือที่คนอื่นพากันเรียกว่าแท่นบูชาเทียนหมิง ชื่อจริงของมันก็คือแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน แต่เพราะถูกครอบครองโดยแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ดังนั้นจึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแท่นบูชาเทียนหมิง

 

ซึ่งนี่ก็ทําให้คนจํานวนมากพากันคิดว่าสิ่งก่อสร้างแสนวิจิตรนี้ ถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงสร้างขึ้น

 

และในตอนนี้ ที่แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนก็ได้มีผู้ฝึกตนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจํานวนมากเข้าโอบล้อม ไม่ว่าจะด้านในหรือด้านนอก จนแทบจะพลิกแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้

 

ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณก็ถูกส่งมาเช่นกัน เพื่อทําหน้าที่ป้องกันที่นี่ และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดกระทั่งมีพลังระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุด ซึ่งถือว่าทรงพลังอย่างมาก กระทั่งระดับราชา เซียนยังถูกส่งออกมาเช่นกัน แต่ก็แค่คนเดียวเท่านั้น และคนผู้นั้นก็คือผู้ที่ทําหน้าที่คอยบัญชาการในแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน

 

เขาคนนั้นไม่ใช่เจ้าศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นราชครูของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง เป็นผู้แข็งแกร่งรองลงมาจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเขาก็เป็นนักสลักอาคมที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน แม้จะไม่ใช่ระดับผู้สร้าง แต่อย่างน้อยก็เป็นระดับปรมาจารย์ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นปรมาจารย์สลักอาคมขั้นชีวิตวิญญาณอีกด้วย

 

นักสลักอาคมระดับผู้สร้างนั้นยากที่จะไปถึง ต่อให้พลังฝึกตนของเขาจะไปถึงระดับเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ถนนเส้นนี้ก็ยังมีทางอีกไกลให้เขาได้ก้าวเดิน

 

ราชครูจะไม่มาที่นี่เองก็ไม่ได้ ใครใช้ให้อยู่ๆก็ปรากฏผู้สืบทอดขึ้นกัน ทั้งยังได้ยินมาว่าอีกฝ่ายแอบเข้ามาด้วยทางลับที่พวกเขาไม่รู้จักอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ตัวราชครูจึงจําเป็นต้องมาคอยสั่งการด้วยตัวเอง พร้อมกับทําการส่งสัมผัสวิญญาณออกตรวจสอบพื้นที่ทุกแห่ง ตราบเท่าที่มีสัญญาณอะไรแม้แต่น้อย ก็จะตรงเข้าไปจัดการในทันที

 

“ที่นี่มีทางลับที่พวกเราไม่รู้ด้วยเหรอ?” ชายวัยกลางคนรูปหล่อที่มีแววตาแหลมคม จับจ้องไปยังผนั่งที่จารเต็มไปด้วยอักขระด้วยสายตาเย็นชา ต้องการจะเห็นว่ามีอะไรจากอาคมนี้

 

ขณะที่เดินก็เอามือลูบไปบนกําแพงพวกนั้นไม่หยุด อยากจะรู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง เขามาที่นี่ได้หลายวันแล้ว จนแทบจะตรวจสอบทั้งในนอกจนหมด แต่ก็ไม่พบทางเข้าอื่นแต่อย่างใด

 

“ในตอนนั้นเป็นพวกเจ้าหกคนที่ทําหน้าที่เฝ้ายาม?” เขาหันกลับไปมองคนหกคนที่กําลังคุกเข่าอยู่ด้านหลัง ยามหกคนนี้คือผู้ที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าในช่วงเวลานั้น พวกเขากําลังตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองชายตรงหน้า

 

“รายงานท่านราชครู ในตอนนั้นเป็นพวกเราที่เฝ้าทางเข้าเองขอรับ..” ยามคนหนึ่งตอบกลับราชครูด้วยน้ําเสียงสั่นเทา

 

ชายวัยกลางคนตรงหน้าพวกเขานี้ก็คือราชครูของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง! เขามีหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดคลุมยาว พร้อมกับไขว้มือไว้ด้านหลัง คิ้วทั้งสองข้างตั้งตรง หางคิ้วชี้นิดหน่อย ขณะที่หัวคิ้วย่นเล็กน้อย กําลังมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาไม่แยแส

 

“ในตอนนั้นพวกเจ้าไม่เห็นอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ?” ราชครูถามด้วยน้ําเสียงเฉยชา

 

“ชะ ใช่ขอรับ พวกเราไม่เห็นอะไรเลย ทุกอย่างเป็นปกติดังเช่นทุกวัน และพวกเขาก็สัมผัสไม่ได้ว่ามีใครผ่าน… ด้วยพลังของพวกเรา ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณ แอบซ่อนเร้นตัวตนเข้ามา พวกเราก็สามารถสัมผัสได้อยู่ดี!” พวกเขารีบตอบอย่างรวดเร็ว

 

พวกเขาไม่ต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาหละหลวมต่อหน้าที่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

 

“ไสหัวไป!”

 

ราชครูโบกมือ ส่งผู้คุ้มกันทั้งหกปลิวกระเด็นไปในทันที ก่อนที่จะกระแทกเข้าใส่กําแพงด้านหลัง พร้อมกับพากันกระอักเลือดออกมา ได้รับบาดเจ็บในพริบตา แต่ว่าก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร เป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ถือเป็นการลงโทษพวกเขาไปในตัว

 

“ทะ ท่านราชครู พวกเราไม่ได้รายงานเท็จแต่อย่างใด พวกเขาทําการเฝ้ายามที่นี่จริงๆ ไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาทางนี้โดยที่พวกเราไม่รู้สึกตัวได้อย่างแน่นอน!” พวกเขาพากันกลัว หากว่าราชครูต้องการฆ่าพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถทําอะไรได้

 

“ชะ ใช่แล้ว บางทีพวกมันอาจจะเข้ามาผ่านทางลับสักแห่ง หรือไม่ก็เข้ามาจากทางอื่นอย่างแน่นอน.. สัมผัสวิญญาณของพวกเราไม่อ่อนแอ ทั้งยังทําการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีอะไรรอดพ้นสายตาของพวกเราได้เด็ดขาด!”

 

พวกเขาพากันร้องขอความเมตตา พวกเขายังไม่อยากตาย แต่ว่าพวกเขาไม่เห็นอะไรจริงๆ หากว่าต้องมาตายอย่างนี้ ออกจะไม่ยุติธรรมเกินไป

 

“ข้าก็แค่ลงโทษพวกเจ้านิดหน่อย ต่อให้จะมีทางลับอื่น หรือแอบเข้ามาจากทางอื่น แต่พวกเจ้าเป็นผู้เฝ้าประตู การที่ปล่อยให้ศัตรูหลุดรอดจากสายตาเข้ามาได้ ยังไงก็ถือเป็นความผิด!” ราชครูมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

 

มาตรฐานของผู้คุ้มกันทั้งหกนี้เป็นยังไง ตัวราชครูอย่างเขารู้ดี แต่อย่าลืมว่าใกล้ๆ แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้ล้วนแต่ไม่มีอะไรป้องกัน แล้วการที่ปล่อยให้มีคนแอบเข้ามาได้อย่างนี้ จะไม่ให้เขาลงโทษพวกมันได้ยังไง?

 

ยังไงก็ตาม หากเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณที่ชํานาญด้านการปกปิดตัวตนลอบเข้ามา มันก็ยากที่จะสังเกตจริงๆนั่นล่ะ

 

“นะ นี่เป็นความผิดของพวกเรา ขอท่านราชครูโปรดลงโทษด้วย!” พวกเขาพากันลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าราชครู

 

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ซีดขาว คิดดูดีๆแล้วก็เป็นอย่างที่ราชครูพูด ต่อให้จะเข้ามาผ่านทางลับ แต่การที่พวกเขาทําหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วยังปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไปได้ มันก็เหมือนกับการบกพร่องต่อหน้าที่จริงๆ นั้นล่ะ

 

แต่จะให้พวกเขาทํายังไงได้ คงพูดได้แค่เพียงว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไป

 

“เมื่อกี้นี้ข้าได้ลงโทษพวกเจ้าไปแล้ว หากจะให้ข้าลงโทษพวกเจ้าจริงๆ พวกเจ้าคิดว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้เหรอ?” ราชครูพูดอย่างเย็นชา “เอาล่ะ พวกเจ้าพากันไสหัวไปจากหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

 

“ขอบคุณ ขอบคุณท่านราชครูที่เมตตา!”

 

พวกเขาพากันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากโค้งคํานับ ก็พากันจากไปอย่างด่วน ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่น้อย หากว่าราชครูเกิดเปลี่ยนไป พวกเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน

 

ราชครูแน่นอนว่าไม่กลับคําพูด คงพูดได้แค่เพียงว่าทักษะในการปกปิดตัวตนของศัตรูแข็งแกร่งเกินไป พวกเขามองไม่เห็น ต่อให้จะสังหารพวกเขาไป ก็ไม่มีส่วนช่วยอะไร ยิ่งกว่านั้น ยังก่อให้เกิดความสูญเสียอีกด้วย

 

“ทางลับข้าก็ตรวจดูข้างนอกเที่ยวหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไร แท้จริงแล้วมันอยู่ที่ไหนกันแน่?” ราชครูได้ตรวจดูด้านนอกก่อนแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไร

 

คงพูดได้แค่ว่าศัตรูรู้ทางลับที่ตนไม่รู้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าอี้เทียนหยุนเทเลพอร์ทเข้ามา ต่อให้ราชครูคิดจนหัวแทบแตก ก็คิดไม่ออก

 

ความคิดของเขาส่วนใหญ่ตกลงไปทางด้านซ่อนตัวเข้ามามากกว่า ไม่ก็ผ่านทางลับ ส่วนวิธีอื่นนั้น เขาไม่คิดถึงมัน

 

“สืบทอด นี่คือการสืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ หากว่าเจ้าหนูนั่นได้รับการสืบทอดจริง คงไม่สามารถไล่มันออกไปได้แน่ๆ!”

 

ที่ราชครูมาด้วยตัวเองไม่ใช่มาเพื่อแก้แค้น ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณ 5 คนตายไปแล้วก็ให้ตายไป สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือการสืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์นี้ต่างหาก แต่พวกเขาได้ทําการค้นหาอยู่หลายปี แต่ก็ไม่รู้วิธีที่จะได้รับการสืบทอดเลย

 

อย่างช้าๆ ที่นี่ก็ได้ถูกตรวจค้นจนหมด และได้กลายมาเป็นที่ทดสอบสําหรับเหล่าศิษย์ แต่ตอนนี้กลับมีคนได้รับสืบทอดจากราชาศักดิ์สิทธิ์ แล้วจะให้ราชครูมองข้ามไปได้ยังไง?

 

แต่ในขณะที่เขายังหาทางไม่เจอนั้น ทั่วทั้งแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนก็ได้สั่นไหว ค่ายกลทั้งหมดต่างก็พากันเปล่งแสงออกมาไม่หยุด ราวกับกําลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ในใจของผู้คนต่างก็พากันตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ทันใดนั้น ค่ายกลรอบๆก็พากันยิงลําแสงออกมา ฉายส่องออกไปอย่างบ้าคลั่ง ยิงใส่ผู้ฝึกตนจนพากันร้องโหยหวนออกมา ราวกับว่ากําลังถูกเผาอย่างไงอย่างงั้น ทําให้พวกเขาพากันรีบหนีไป หนีออกไปด้านนอกให้เร็วที่สุด!

 

ราชครูทําการโบกมือต้านทานลําแสงนี้อย่างรวดเร็ว ผลกระทบจากลําแสงนี้สําหรับเขาแล้วไม่ใหญ่นัก แต่กับผู้ฝึกตนระดับวิญญาณเที่ยงแท้แล้ว ถือว่าไม่ใช่น้อยๆเลย ทําให้มีหลายคนถูกเผาไป หากว่ายังอยู่ที่นี่ต่อจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย!

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนเปิดใช้ค่ายกลกัน… หรือว่าเจ้าหนูนั่นจะได้รับการสืบทอดสําเร็จแล้ว?” ในใจราชครูตกใจอย่างใหญ่หลวง ใจร่วงลงไปถึงตาตุ่มในทันที

 

คนที่ทําให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ย่อมเป็นอี้เทียนหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาให้วิญญาณลวงตาควบคุมมหาค่ายกล แล้วทําการขับไล่ผู้เชี่ยวชาญของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงออกไป!

 

“ถิ่นของข้า พวกเจ้ายังจะมาทําเหมือนเป็นที่ของตนอีก?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ แม้ว่าระดับของเขาจะยังไม่ได้มาตรฐาน แต่เขาก็ได้ให้วิญญาณลวงตาเป็นคนจัดการไล่คนพวกนี้ออกไปได้โดยที่ไม่มีปัญหา

 

เขาต้องการทําความสะอาดที่นี่ ทําการขับไล่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงพวกนี้ออกไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ ต่อให้เป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์เองก็ตาม! นอกจากว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์จะเลือกที่จะโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แต่อย่างมากก็ทําลายได้เพียงเส้นขนเท่านั้น

 

นี่คือวิหารเทพที่สร้างโดยราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน มันจะถูกทําลายได้ง่ายๆได้ยังไง?